“ขอเรียกว่าเมียเวลามีเซ็กซ์ด้วยกันได้มั้ย”“อย่ามาอ้อนเลย เด็กบ้า” ฉันบีบปลายคางของเขาแล้วส่ายไปมา น้องขาลที่คลั่งรักฉันคนเดิมกลับมาแล้ว เขาหอมแก้มฉันหนักๆ ตอนที่ยกสะโพกฉันขึ้นนั่งทับตักเขาโดยไม่ทันให้ตั้งตัว “อ๊ะ”ปลายนิ้วสากขย้ำหน้าอกข้างขวาจนล้นปรี่ ฉันกัดริมฝีปากแน่น ในขณะที่เด็กดื้อจะกดจูบที่ข้างขมับหนักๆ ในขณะที่จะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างดุนดันที่บั้นท้าย“แข็งจนปวดเอ็นไปหมดแล้วครับ”“...”“อยากเอานมมาถูอกผมตอนที่คร่อมทำไม”ริมฝีปากที่หยาบกร้านเพราะแผลฟกช้ำคลอเคลียอยู่ที่กกหูของฉัน ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นที่หน้าอกจนฉันไร้การต่อต้านใดๆ ฉันชอบสัมผัสของน้องขาล ชอบมากจนไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไง ทั้งกลิ่นตัวที่ปะปนกับบุหรี่ กลิ่นโคโลญแบบผู้ชาย กลิ่นสบู่เราดีกันรึยัง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่เรื่องลามกมันคนละเรื่องกันนี่ ยังไงก็ตาม น้องขาลก็คือสุนัขข้างใจของฉันฉันเอียงหน้าไปด้านข้าง กดจูบที่สันกรามของเขาในแบบที่ไม่กล้าทำกับใครคนอื่น อาจจะเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เคยดูแลมาตั้งแต่เด็กถึงได้ไว้ใจจะแสดงด้านน่าอายให้เห็น เขาเลื่อนริมฝีปากลงมากดที่ริมฝีปากฉัน สอดมือไปใต้กระโปรงสั้นด้วยมืออีกข้าง
ชีวิตของฉันยึดติดกับคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ฉันเรียนเก่ง ไม่ว่าจะอยู่ชั้นประถม มัธยม มหาวิทยาลัย จบแพทย์มาด้วยเกรดเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูงลิ่ว ฉันคือผู้หญิงที่หน้าตาสวย โดนรุมขายขนมจีบมากมายมาตั้งแต่เด็ก ชีวิตของฉันเจอคนตกหลุมรักมาไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง และนั่นมันไม่เกินจริงเลยผู้ชายทุกคนที่เข้าหาจะถูกป๊าสแกนตลอด ป๊ากับม๊าชอบความเพอร์เฟ็ค แน่นอน... ฉันก็ชอบมันเหมือนกันฉันกลัวคำว่า ‘เซ็กซ์’ เพราะเรียนเกี่ยวกับสูตินารีมาโดยเฉพาะ ทั้งโรคติดต่อ การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม แบคทีเรียที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธุ์รู้มากจนกลัว มีแฟนคนแรกช่วงมหาลัยก็คือที่สอง เขาพยายามอย่างมากที่จะขอมีอะไรด้วย หากแต่ฉันก็ปฏิเสธตลอดมาเพราะความกลัว แม้แต่ที่สองก็ยังคิดว่าฉันคือผู้หญิงที่เจนจัด แต่สุดท้ายก็มองหาผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนมาร่วมหออยู่ดีให้ตายเถอะ แม้แต่คำว่า ‘ออนท็อป’ ฉันยังทำไม่เป็นเลยด้วยซ้ำฉันปล่อยตัวเองโสดและเวอร์จิ้นจนอายุยี่สิบห้า และก็เป็นช่วงที่น้องชายสมัยเด็กได้โอกาสไปส่งที่บ้านจากที่ปกติเขาจะไม่พุ่งเข้ามาหาแบบนั้น เพราะฉันไม่เคยแสดงออกว่าจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายในคลับแม้ว่าจะแต่งตัววาบหวิวแค่ไห
“คุณขาลคะ หมอบะหมี่ขอเข้าพบนะคะ”ใช่ ผมกำลังรอเธออยู่รอให้เธอตอกย้ำความเจ็บให้มันสาสม“คุณหญิง หมี่ต้องขอรบกวนคุยกับคนไข้ส่วนตัวนะคะ”คนตัวเล็กหันไปพูดกับพยาบาลที่เดินเข้ามาด้วยทันที ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วเลื่อนที่ปฐมพยาบาลมาใกล้เตียงก่อนที่จะเดินออกไปเสียงประตูปิด ในขณะที่เราจ้องหน้ากันท่ามกลางความเงียบ“... คุยกับเด็กคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ว?” คำถามตรงประเด็นออกมาจากริมฝีปากบางที่ผมเคยจูบมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง “แล้วมีอะไรกันกี่ครั้ง”“...”“บอกพี่มาให้หมด”“แล้วพี่ล่ะ จูบกับไอ้หมอนั่นมากี่ครั้ง” ผมย้อนกลับไป แล้วเธอก็เม้มริมฝีปากแน่น เพราะมันตอบค่อนข้างยากกับคนที่ลืมใครไม่เต็มร้อยอย่างเธอ “กอดกี่ครั้ง มีเซ็กซ์กันกี่ครั้ง”“พี่ไม่เคยมีอะไรกับหมอสองนะ”“งั้นผมก็ไม่เคยมีเซ็กซ์กับอิงเหมือนกัน” เธอกัดริมฝีปาก ในขณะที่ผมกำหมัดแน่น ผมไม่รู้ว่าพี่หมี่เห็นผมเป็นตัวอะไรในชีวิต เธอมีเซ็กซ์กับผมคนแรกผมรู้ แต่ที่ถามออกมาก็เพื่อความแน่ใจเธอบอกคนอื่นเองนี่ว่าผมมันเป็นแค่น้องชายงั้นที่ผ่านมาแม่งก็คงไม่มีความหมายอะไรกับเธอ“แต่เราจูบเด็กคนนั้น” คนตัวเล็กโพล่งขึ้นมา ทำเหมือนเสียใจและผิด
“อื้อ... อะ?”เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ในชุดนิสิต ผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง ท่าทางเรียบร้อยผละริมฝีปากออกมาพร้อมกับหอบหายใจ เธอผิดสังเกตเพราะฉันที่ยืนอยู่หน้าประตู หันหน้ากลับมามองพร้อมๆ กับน้องขาลที่มีท่าทางโคลงเคลงเราทั้งสองคนสบตากัน ทั้งเด็กคนนั้น ทั้งฉัน“ขอโทษนะคะที่รบกวน” ฉันพูดแค่นั้น พร้อมกับหันหลังกลับ แล้วปิดประตูให้ หมุนตัวเดินหนีไป หากแต่ชนกับไหล่แข็งๆ ของผู้ชายคนหนึ่งพอเงยหน้าขึ้นมองตามตัวสูงโปร่ง ก็เห็นว่าเป็นเด็กผู้ชายในเสื้อช็อปสีเลือดหมู ที่มีทรงผมสกินเฮดพุ่งตัวเข้าไปภายในบ้านของน้องขาล เสียงเซ็งแซ่ดังตามมาเป็นระลอก พร้อมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ เหมือนว่าเขาจะมีเรื่องกันฉันรีบรุดเข้าไปในบ้านน้องขาลอีกครั้งเพราะใจนึงก็เป็นห่วง แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็แทบผงะเมื่อร่างสูงใหญ่ของเด็กสกินเฮดคนนั้นโดนเตะกระเด็นมาหน้าประตูจนต้องปิดรับร่างแทบไม่ทัน ได้ยินเสียงเขายันตัวลุกขึ้นแล้วตะลุมบอนกันอีกครั้ง พร้อมกับเสียงของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ตะโกนยั้ง“ดอม! ขาล! หยุดนะ” แต่การต่อยตีก็ยังคงดำเนินต่อไปฉันกัดริมฝีปากแน่น ไม่ทันได้ประมวลผลว่าอะไรเป็นอะไร ตัวเองก็เปิดประตูพุ่งเข้าไปจับเด็กผู้ห
[พาร์ท : ขาล]ผมเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า ทั้งเหนื่อยเรื่องเซ็กซ์ ทั้งเหนื่อยเพราะซมพิษไข้กระพริบตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกเย็นๆ ที่หน้าผาก ผมหยัดกายใหญ่ๆ ลุกขึ้นทันที ในขณะที่ผ้าชุบน้ำจนเย็นชืดตกลงมาแปะที่หน้าตักที่คลุมผ้าห่มอยู่ ผมปวดหัวตุบๆ นิดหน่อย ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแสงสว่างที่ทีวีนอกห้องนอนประตูถูกแง้ม ห้องพี่หมี่รกเล็กน้อย เธอคงทำอะไรอยู่ในห้องโถง ดูท่าทางจะเฝ้าไข้ผมจนถึงค่ำผมกระตุกยิ้มจางๆ แต่หิวน้ำจัดจนต้องเดินไปที่หน้าประตูห้องนอนที่ถูกแง้มไว้กว้าง“...!”ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพี่หมี่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ที่มีไอ้หมอคนนั้นยืนถือถุงพลาสติกใส่ซองยากับพวกของกินมาให้ผมหลบไปยืนอยู่ข้างหลังบานประตูทันทีมัน... มาตั้งแต่เมื่อไหร่?“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้องหรอก ยาพวกนี้หมี่มีที่ห้องหมดแล้ว” คนตัวเล็กในชุดนอนที่ดูเหมือนจะอาบน้ำและเปลี่ยนก่อนหน้านั้นโพล่งขึ้นอย่างไร้เยื่อใย ผมเม้มปากหน่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจนิดๆ ที่เธอไม่พยายามให้ความหวังมัน“ผมแค่เห็นว่าคุณลางานวันนี้ คุณป่วย โทรไปก็เสียงไม่ค่อยดี” ได้ยินเสียงทุ้มของมันแว่วๆ กลับมา “อย่างน้อยก็รับไว้เถอะนะครับ”ให้
“อ๊ะ อย่า” เธอครางเบาๆ ปากบอกห้ามแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน ผมเลยยันตัวลุกขึ้น ทำให้เธอหมดคราบนางพญาด้วยการใช้ปลายลิ้นเล่นยอดอกของพี่หมี่ คนเซ็กซี่บนร่างตัวสั่นเทิ้ม เธอคงพยายามยั่วยวนผม แต่ไม่ได้รู้ว่าผมมีประสบการณ์มากกว่าหน้าอกอวบที่ขาวจัดถูกผมดูดเม้มจนเป็นรอย คนตัวเล็กถูกพลิกไปอยู่ใต้ร่างของผม แววตาเสพสมความปรารถนา เราจูบปากกันอย่างร้อนแรง ในขณะที่ผมจะแหวกซับในของเธอไว้ที่ข้างร่องขา ใช้ปลายนิ้วเขี่ยปุ่มกระสันของพี่หมี่จนเธอเยิ้มแฉะ“อื้มมม แฮ่ก... น้องขาล” ผมกัดฟันแน่นเมื่อเธอเรียกชื่อผมตอนที่ผละริมฝีปากออก พี่หมี่ทำหน้ายั่วยวนมากจนแทบทนอารมณ์กำหนัดไม่ไหว อีกอย่างเพราะผมป่วยอยู่เลยไม่อยากรุนแรงกับเธอ ไม่งั้นพรุ่งนี้คงไปเรียนต่อไม่ไหวแต่... เธอทำให้ผมขาดสติทุกครั้ง ด้วยใบหน้าเย้าๆ นั่น“อื้อออ” เธอทุบอกผมเมื่อถูกจูบอีก แลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันลิ้นเล็กๆ ที่หวานยาสีฟันของเธอ กลิ่นปากเธอผสมกลิ่นมิ้นท์หน่อยๆ มันหวานและซ่าๆ ในปาก อุ้งปากของเธอเย็นเพราะเพิ่งแปรงฟันมาใหม่ๆ กลิ่นตัวเธอหอมจับใจเพราะเพิ่งอาบน้ำพี่หมี่ลางาน ลงทุนโทรหาพ่อเธอเพื่อมีเซ็กซ์กับผมที่ห้องนอนเธอต่อเธอติดใจผม หมายถึง... ติด