Chapter 107ก้องภพ ประภาพร เนาวรัตน์และก้องเกียรติที่เดินทางมารับเมฆาเห็นภาพสามพ่อแม่ลูกกอดกันก็พากันยิ้ม เนาวรัตน์ไม่เพียงแค่ยิ้ม นางตื้นตันดีใจจนร้องไห้ นางภาวนาขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน ขอให้คุ้มครองเมฆาแคล้วคลาดปลอดภัยกลับมา บททดสอบของณัฐรวีไม่ได้ส่งผลต่อเมฆาคนเดียว เนาวรัตน์ได้รับผลกระทบนั้นด้วย สามปีที่ผ่านมาเนาวรัตน์ทรมานใจเช่นกัน กินไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงบุตรชาย คืนนี้คงเป็นคนแรกที่เนาวรัตน์หลับได้เต็มตา ไม่ใช่หลับๆ ตื่นๆ เช่นทุกคืนที่ผ่านมาพวกเขารอคอยเห็นภาพนี้มานานแล้ว อยากเห็นครอบครัวเมฆาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา โยนความโกรธแค้น เจ็บปวดและความทรงจำอันเลวร้ายทิ้งไป แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความรัก ความปรารถนาดีที่เมฆากับณัฐรวีที่มีต่อกัน งานเลี้ยงต้อนรับเมฆากลับบ้านจัดขึ้นภายในบ้าน ก้องภพ แขกที่ถูกเชิญมาร่วมงานเป็นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทของเมฆาที่มากันยกก๊วน อาหารมื้อพิเศษโดยแม่ครัวสาวนามว่าณัฐรวีถูกลำเลียงไว้บนโต๊ะอาหาร โดยแบ่งเป็นสองชุดเพื่อสะดวกในการตักกิน ขณะที่ณัฐรวีกำลังจัดเตรียมอาหาร เมฆานั่งเล่นกับลูกชายในห้อง เมฆินทร์มีเรื่องเล่
Chapter 106สามปีต่อมา เมฆาเดินออกมาจากห้องพักในค่ายทหาร สถานที่ที่เขาใช้พักพิงมาเป็นเวลาสามปี สามปีที่เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ได้ฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ การที่เขามาเป็นทหารอาสา เมฆาได้เรียนรู้และได้เห็นอะไรมากมาย คนในพื้นที่ล้วนแล้วแต่เป็นมิตร มีบางกลุ่มที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในพื้นที่แบบรายวันทหารที่บาดเจ็บจากการลอบโจมตี ไม่ว่าจะเป็นการวางระเบิดคาร์บอม หรือซุ่มยิงก็มีไม่น้อย เสียชีวิตก็มีให้เห็น พวกเขาแม้รู้ว่าเสี่ยงอันตราย แต่ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบ ทหารกล้าทุกนายจึงปฏิบัติหน้าที่ด้วยใจแข็งแกร่ง อดทน เมฆาเข้าใจความรู้สึกคนจากบ้านไกล ความคิดถึงรุมเร้าใจทุกวัน ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าทั้งวันทั้งคืน แม้แต่ยามนอน ในความฝันก็ยังมีณัฐรวีกับเมฆินทร์ เมฆาทรมานใจมากที่ไม่ได้เจอหน้าสองแม่ลูก เฝ้ารอที่จะได้ยินเสียงของเมฆินทร์ทุกเดือนๆ ละหนึ่งครั้งแบบใจจดใจจ่อ เพราะไม่รู้ว่า ณัฐรวีจะโทรมาตอนไหน วันใด เป็นการรอที่เจ็บปวดรวดร้าวใจ เมฆาคล้ายคนไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเพื่อนฝูง เพราะเขาไม่สามารถติดต่อใครได้เลย นอกจากคนในค่ายทหารประจำการหรือทหารอาสานายอื่นยังได้กลั
Chapter 105 สามคนพ่อแม่ลูกมองหน้าคนพูด พวกเขาไม่คิดว่าณัฐรวีจะแกร่งและแข็งเช่นนี้ แบบทดสอบนี้โหดมากสำหรับชีวิตคนคนหนึ่งที่ไม่เคยถือปืนปกป้องชาติบ้านเมือง แล้วต้องอยู่ในพื้นที่สามปีเต็ม นั่นเท่ากับว่าอยู่ในดงอันตรายเสี่ยงกับชีวิต ที่แย่ที่สุดคือ การติดต่อกับเมฆินทร์เดือนละหนึ่งครั้ง มันดูน้อยเกินไปกับความรักและความคิดถึงที่สองพ่อลูกมีต่อกัน ต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันปานขาดใจแน่นอน “ได้ ตกลงตามนี้” เมฆารับคำอย่างรวดเร็ว ไม่คิดไม่ตรองใดใดทั้งสิ้น “ฉันติดต่อผู้ใหญ่ให้จัดการเรื่องรับคุณเป็นทหารอาสาไว้แล้ว วันจันทร์หน้าคุณไปรายงานตัวกับเขาได้เลย” ณัฐรวีจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เพราะมั่นใจว่าเขาทำตามข้อตกลงของตนแน่นอน “เหลือเวลาอีกสองวันคุณถึงจะไปรายงานตัว สองวันนี้ฉันจะให้คุณอยู่กับลูกให้เต็มที่ เก็บความทรงจำเอาไว้ตอนที่คุณไปอยู่ที่นั่น และรอคอยจะได้คุยกับลูกอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” คำพูดของณัฐรวีราบเรียบ หล่อนกำลังทรมานเมฆาทางอ้อม อยู่ในพื้นที่นานสามปีไม่เท่าไหร่ เป็นการทรมานกายที่พอทนไหว แต่การรอคอยได้พูดคุยกับเมฆินทร์นี่สิ คือการทรมานใจอย่างแสนสา
Chapter 104ความเป็นเด็ก คิดอย่างไร รู้สึกเช่นไรก็พูดออกไปตามนั้น เป็นสายใยแห่งสายเลือดที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ แต่มีพลังอานุภาพใหญ่หลวง ประโยคนี้ของเมฆินทร์ทำให้ณัฐรวีลุกเดินหนี เพราะเกรงว่าตนเองจะใจอ่อน หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ ก้องภพเรียกให้ณัฐรวีมาพบที่ห้องนั่งเล่น พอหล่อนมาถึงก็พบว่า ภายในห้องมีประภาพรกับก้องเกียรตินั่งอยู่ด้วย“คุณพ่อมีอะไรคะ”“นั่งลงสิ พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” ณัฐรวีนั่งข้างก้องเกียรติ “พ่อจะคุยเรื่องเมฆกับคีย์”“ค่ะคุณพ่อ”“จริงๆ แล้วพ่อไม่อยากยุ่งเรื่องนี้นะ พ่อให้รวีตัดสินใจเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่พอได้ยินคีย์พูดตอนเย็น พ่อคิดว่าเราปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้ ความรู้สึกที่คีย์มีต่อเมฆนับวันจะยิ่งผูกพันกันมากขึ้น พ่อกลัวว่าสักวันหนึ่งถ้าหากรวีตัดขาดเมฆจริงๆ คนที่แย่ที่สุดคือคีย์” ก้องภพเกริ่นยาว “พ่อไม่อยากให้ผลกระทบตกมาอยู่ที่คีย์ พ่อรู้นะว่า รวีก็ไม่ได้โกรธและเกลียดเมฆถึงขั้นปิดตายประตูความสัมพันธ์ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เมฆก้าวเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง พ่ออยากให้รวีชัดเจนไปเลยว่า จะให้โอกาสเมฆหรือหยุดเพียงแค่นี้ แต่พอขอเตือนรวีสักข้อว่า ตัดสินใจอะไร นึกถึงสภาพจิตใจของคีย์ด้วย บา
Chapter 103หนึ่งสัปดาห์ต่อมา มีเรื่องราวทั้งดีและร้ายเกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ กล่าวถึงเรื่องร้ายที่หนีไม่พ้นเรื่องการเสียชีวิตของกิ่งโพยม และอาการป่วยของแก้วตา ทันทีที่เมฆารู้ข่าว เขาอยากไปกราบศพคนเป็นย่า ถึงแม้จะโกรธเคืองเรื่องในอดีต ทว่ากิ่งโพยมคือคนที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิด นางมีบุญคุณกับเขาไม่น้อย จึงอยากไปกราบศพและกล่าวอโหสิกรรมให้คนเป็นย่าเรื่องคิดฆ่าลูกเมียตน ทว่าร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้เขาต้องอยู่โรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวเองให้ดีขึ้น เรื่องแก้วตาเป็นอีกเรื่องที่เมฆาเสียใจและเห็นใจ รวมถึงสงสาร แก้วตาอายุยังน้อย ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่เบื้องหน้า ทว่าตอนนี้กลับนอนขยับตัวไม่ได้อยู่บนเตียง และที่น่าแปลกคือ แก้วตามีอาการหวาดกลัวตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลากลางคืน ความหวาดกลัวเพิ่มเป็นสองเท่า ดวงตาเลิ่กลั่ก เบิกกว้างด้วยความตกใจทุกคืน หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไม แพทย์สันนิษฐานว่า แก้วตาคงเห็นเหตุการณ์ตอนกิ่งโพยมถูกฆ่าตายจึงหวาดกลัวยามค่ำคืน อาการจึงเป็นเช่นนี้ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้จึงพากันสงสารและเห็นใจที่แก้วตาเหมือนคนเสียสติขึ้นทุกวัน ส่วนเรื่องดีคือเรื่
Chapter 102 ความที่เป็นแพทย์ ทำไมแก้วตาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร อาการที่เป็นอยู่มันบ่งบอกชัดเจน หล่อนเป็นอัมพาตทั้งตัว ไม่ใช่ด้านใดด้านหนึ่งหรือซีกใดซีกหนึ่ง‘ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ได้เป็นอัมพาต ไม่ได้เป็น’ แก้วตาพูดในใจ รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีขยับตัวอีกครั้ง ครั้งแรกไม่ได้ หล่อนก็เริ่มทำครั้งที่สอง สามและสี่ ครั้งสุดท้ายคือครั้งที่ห้า ผลออกมาเช่นเดิมคือ ขยับตัวไม่ได้สักนิดเดียว น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพราก หล่อนไม่คิดว่าการลื่นล้มในห้องน้ำเมื่อคืนนี้จะทำให้ตนเป็นอัมพาต และนั่นทำให้แก้วตานึกย้อนถึงวันที่ตนวางแผนทำร้ายกิ่งโพยม มันเหมือนเหตุการณ์ที่หล่อนลื่นในห้องน้ำเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด ผลกรรมที่ตนทำไว้กับกิ่งโพยมย้อนกลับมาหาไวปานจรวด ตอนนี้หล่อนกลายเป็นคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำในเรื่องที่อยากทำไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองของกิ่งโพยมที่หวังจะได้ แม้จะได้มา แต่หล่อนก็คงไม่ได้ใช้ ‘ทำไมเป็นแบบนี้ ทำไม’ แก้วตาครวญในอกทุกข์ระทม หล่อนวาดความฝันไว้สวยหรูว่า หลังจากได้มรดกของกิ่งโพยม หล่อนจะเที่ยวรอบโลก ใช้เงินและทรัพย์สินที่ได้มาอย่างหรูหราและมีควา