จะทำอย่างไรเมื่อคนที่คุณ 'กลัว' ที่สุด คือคนเดียวกับที่หัวใจคุณ 'เรียกหา' พบกับเรื่องราวความรักวุ่นๆ ของพี่ว้ากสายโหดและลูกแมวศิลปกรรมใน #ใจเถื่อน
View Moreสวัสดีค่ะฉันชื่อ ไอ แต่งงานมีสามีและครอบครัวที่อบอุ่นสามีเป็นนักธุรกิจ ฉันเป็นคนผิวขาว หน้าตาสวย เป็นคนรูปร่างสูงโปร่ง สามีประกอบธุรกิจและต้องเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศบ่อยครั้ง ฉันมีลูกที่พอจะแก้เหงาได้บ้างแต่ก็มีความสุขเรื่อยมา แต่เมื่อเดือนที่แล้วสามีต้องเดินทางไปต่างประเทศ นายชัชคนขับรถของสามีซึ่งอายุกลางคนแล้วเป็นขับรถประจำครอบครัว เขาเป็นคนร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำ เป็นคนเงียบๆ พูดน้อย ทำงานกับสามีมานานจนสามีไว้ใจให้มาขับรถให้เขาต้องขับรถไปส่งสามีเป็นประจำอยู่แล้ว สามีขอให้ฉันไปส่งเค้าด้วยพอส่งสามีขึ้นเครื่องเสร็จนายชัชก็ขับรถกลับบ้านระหว่างทางฝนตกลงมาอย่างหนัก รถติดมาก ฉันเองก็เริ่มอึดอัดเพราะนายชัชลอบมองฉันทางกระจกส่องหลัง เหมือนนายชัชจะเดาใจฉันถูกจึงจึงบอกว่าจะพาไปทางลัดดีกว่า ฉันเลยบอกว่าตามใจนายชัชเถอะขอให้ถึงบ้านเร็วๆก็แล้วกัน นายชัชยิ้มอย่างมีเลสนัย เขาขับรถลัดเลาะไปตามซอยต่างๆอย่างชำนาญ ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักมองไม่เห็นสองข้างทางและแล้วนายชัชก็ขับมาหยุดในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
"ไปไม่ได้แล้วครับมองไม่เห็นทางเลย"
นายชัชจอดรถเข้าข้างทางโดยไม่ฟังคำตอบจากฉัน เขาดับเครื่องปิดไฟหน้าของรถพร้อมทั้งข้ามเบาะมาหาฉันทันที
"อย่านะ นายชัชจะทำอะไรนะ" ฉันร้องห้ามโดยรู้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"คุณไอสวยเหลือเกินผมขอนะครับ"
นายชัชไม่ฟังเสียงฉันแล้วเข้ามากอดรัดอย่างกระหาย สองมือสอดลูบไล้เค้นคลึงเต้านมทั้งสอง ฉันดิ้นรนขัดขืนแต่พักเดียวก็สู้แรงของเขาไม่ได้ เหมือนนายชัชจะเริ่มรู้ เขาเริ่มประกบปากจูบฉันอย่างดูดดื่ม กัดเม้มติ่งหูฉันเริ่มเสียวสยิวไปหมด มือของเขาก็เค้นคลึงเต้าอวบของฉันอย่างเมามันส์
“อย่าทำฉัน…ซีดส์สสอูยยยยยยย..อย่าาาา“
ฉันครางซีดอย่างอดไม่ได้ นายชัชเหมือนจิ้งจอกสวาท เริ่มไซร้ชอกคอปลดกระดุมเสื้อออก ปากและจมูกซอกไซร้บนบราของฉัน มือข้างหนึ่งกอดฉันไว้แน่นอีกมือหนึ่งสอดลงลูบไล้เนินสวาทแล้วเขาก็ตลบกระโปรงขี้นล้วงมือเข้าสอดประกบเนินสวาทปลายนิ้วกลางสอดเสียดไล้เลียดปุ่มกระสันสวาทอย่างชำนาญ
“อย่านะ อย่าทำฉัน…ซีดส์สสอูยยยยยยยยย…อย่าาาาอ๊ะ“ แม้ไม่เต็มใจแต่เมื่อถูกกระทำเช่นนี้ฉันเริ่มเสียวซ่านน้ำสวาทเริ่มเอ่อท่วม แอ่นเนินรับนิ้วของนายชัชอย่างลืมตัว เขารู้ว่าฉันเตลิดแล้วมือที่กอดรัดคลายออกปลดบราออกจากเต้าอวบให้พ้นอกฉันทันที ปากเริ่มดูดเต้านมอย่างกระหายหัวนมชี้ชันขึ้นตามแรงดูด ฉันต้องแอ่นอกตามอย่างเสียวกระสันต์ เสียงซีดครางของฉันยิ่งทำให้นายชัชได้ใจเคล้นคลึงเนินสวาทส่วนล่างพร้อมทั้งนิ้วกลางไล้โลมหนักขึ้นจนฉันต้องแอ่นสะโพกรับ
“โอววววหยุดเถอะนายชัชฉันเสียววววจะไม่ไหวแล้ว”
ฉันซีดคราง แทนที่เขาจะหยุดปากของฉันถูกประกบปิดอย่างเร้าร้อนจนฉันต้องเผยอปากรับลิ้นของนายชัชอย่างพัลวันแล้วมือข้างหนึ่งก็ดึงรูดซับในของฉันออกอย่างรีบร้อน
“อย่าๆๆๆๆ“ นายชัชไม่ฟังฉันแล้วปลดเข็มขัดรูดกางเกงลงอย่างรวดเร็ว ฉันถึงกับตาค้างตะลึงในสิ่งที่เห็นท่อนดำเมื่อมของนายชัชมันยาวใหญ่กว่าของสามีฉันมาก ของสามีฉันก็ว่าใหญ่แล้วมีขนาดเจ็ดนิ้วกว่าๆแต่ของนายชัชต้องมากกว่าเจ็ดนิ้วแน่ๆ แล้วอวบใหญ่เกือบเท่าข้อมือฉันสองมือ นายชัชจับมือของดิฉันรวบขึ้นปากประกบลงมาอีกอย่างเร่าร้อน แก่นกายแข็งขนาบลงมายังเนินสวาทของฉันอย่างเร่าร้อน ติ่งเนินสวาทของฉันถูกมืออันชำนาญกามบดถูอย่างชาญฉกาจ
“โอ้ววววซีดด” เสียงครางของดิฉันเหมือนเตือนให้ต้องรีบเผด็จศึกสวาทแล้ว เขาปล่อยสองมือให้ฉันสวมกอดอย่างแนบแน่น เขาไซร้กลับลงไปสองเต้านมดูดเม้มเลียหัวนมความเสียวซ่านทวีคูณจนต้องแอ่นร่อนรับอย่างเผลอตัว ส่วนหัวท่อนเอ็นเริ่มสอดส่ายหาช่องหลืบและแล้วมันก็เริ่มเข้าที่เข้าทางสติฉันยังนึกถึงความรักสามีทำให้ฉันชะงัก และส่ายหน้าหนี
“อย่านะ“ ฉันร้องขอแต่สายเสียแล้วนายชัชกอดรัดฉันแน่นพร้อมทั้งกดท่อนเอ็นอวบใหญ่ผ่านเข้ามาช้าๆๆ มันคับแน่นมาก จนเหมือนว่าจะฉีกออกทั้งๆที่ฉันเคยผ่านการร่วมสวาทมานานครั้งนับไม่ถ้วนกับสามี ฉันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แล้วปากถูกประกบบดลิ้นอย่างเร่าร้อนน้ำสวาทที่เอ่อล้นจากการปลุกเร้าทำให้ท่อนเอ็นค่อยๆเข้ามา เขากระแทกเข้ามาอย่างดุดันจนมิดยันโคนท่อนเอ็นบดติ่งสวาทจนแทบเป็นเนื้อเดียวกันมันเลยลึกเข้าไปกว่าของสามีจนส่วนปลายมันอัดเข้ากับมดลูกจนฉันจุกเสียวไปหมด
”อูยยยซีดส์” ฉันเผลอครางอย่าสุดเสียวนายชัชอัดแช่ไว้ครู่หนึ่งแล้วชเริ่มเคลื่อนไหวอัดเบียดวนท่อนแทงซ้ายขวาช้าสลับเร็ว
“อย่าาาาาาอย่าทำ”เขามีลีลาที่ทำให้ฉันเผลอตัวเผลอใจเคลิ้มไปโดยที่เขาจะค่อยๆดึงท่อนอวบฟิดแน่นของเขาออกให้หัวเงี่ยงค่อยๆครูดกับผนังช่องเสียวจนฉันต้องเผลอแอ่นร่างตามเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดออกไปแต่พอมันถึงปากช่องเขาก็จะอัดกระแทกกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงมันอัดชนมดลูกจนเสียวสะท้าน ฉันครางกระเส่าอย่างสุดเสียวในความรู้สึกที่ได้รับถึงตอนนี้ฉันลืมลูกลืมผัวหมดสิ้นแล้วสนองตอบแอ่นร่อนตามท่อนของนายชัช ฉันครางไม่หยุดในขณะที่นายชัชอัดกระแทกบดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
”เสียวซีดดดดดด ฉัน ฉันไม่ไหวแล้ววจะออกแล้ว อ๊าส์” เหมือนเขาจะรู้เช่นกันจึงรีบประกบปากบดลิ้นลงมา แล้วนายชัชก็เริ่มขย่มซอยถี่ยิบดิฉันเด้งสวนรับอย่างลืมอาย
”โอ้วววว ออกกกแล้วววววว” ดิฉันผวากอดนายชัชแน่นเขากระตุกเกร็งท้องฉันรู้ว่าเขากำลังจะถึงจุดสุดยอดจึงร้องห้าม
”อย่าปล่อยข้างในเดี๋ยวท้องอย่าาาากรี๊ดดด” แต่สายไปเสียแล้วสำหรับฉัน…กระแสน้ำรักของเขาพุ่งชนมดลูกอย่างแรงร้อนผ่าวไปทั่วช่องฉันขมิบตอดท่อนเอ็นของนายชัชอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขายังคงกอดรัดแช่ท่อนเอ็นไว้ในช่องรักของฉัน ฉันร้องไห้เงียบๆสำนึกรู้สึกเสียใจที่เสียทีเผลอใจไปทั้งๆที่สามีดีและรักฉันมาก ฉันกลัวท้องเพราะตั้งแต่คลอดลูกออกมาโดยการผ่าแล้วสามีเคยร่วมรักแค่หนเดียวเขากลัวฉันเจ็บและฉันก็ไม่ได้กินยาคุมถ้าฉันท้อง เขาปลอบใจฉันและสัญญาว่าจะมีเพียงเราสองเท่านั้นที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ต่อมาสามีต้องเดินทางไปต่างประเทศอีกคุณพ่อและคุณแม่ของสามีเดินทางไปพักที่บ้านพักต่างจังหวัดเหลือแต่ฉันและแม่บ้านซึ่งพักแยกกับนายชัชต่างหาก ฉันรับทานอาหารเย็นเสร็จก็ขึ้นห้องนอนเลยปล่อยให้แม่บ้านจัดการปิดบ้านตามปกติ ฉันจัดการอาบน้ำลูกน้อยและตัวเองก็เล่นกับลูกพักใหญ่งอแงเพราะเพิ่งหย่านม ฉันจึงปลดชุดนอนลงเหลือแค่เอวปล่อยให้ลูกดูดนมเล่นพอแกเริ่มจะหลับ นายชัชแอบเข้ามาในห้องก่อนแล้วฉันไม่รู้ซึ่งคงแอบดูเราสองแม่ลูกอยู่นาน เขาตรงเข้ามาหา ฉันตกใจมากนายชัชถึงตัวดิฉันแล้ว
“เข้ามาทำไม อย่าทำฉันอีกเลยนะ…”
ฉันวิงวอนอย่างตระหนก
“ผมคิดถึงคุณทุกวันนะ”
ว่าแล้วนายชัชก็ดึงมือฉันที่พยายามปิดเต้านมทั้งสองข้างออก
“นมคุณสวยมากจริงๆขอผมดูดบ้างนะ” แล้วเขาก็ดูดเต้านมอีกข้างของฉัน
“โอ้วววชัช“ ฉันครางอย่างสิ้นหวังส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็เริ่มล้วงเข้าไปลูบไล้เนินสวาทของฉัน นิ้วกลางเริ่มบดคลึงเม็ดเสียวสอดนิ้วเข้าไปในล่องกลืบอย่างที่เคยทำแบบครั้งแรก
“หยุดเถอะ โอ้ยยซีดส์สสสส..เสียวจัง…” นายชัชเป็นพรานฉกาจกามคงดูดนมขบเม้มเน้นๆจนฉันต้องแอ่นอกซีดเสียวด้วยความซ่านใจ เขาเริ่มจูบประกบปากมือแข็งแกร่งเคล้นคลึงสองเต้าอวบเต่งสองนิ้วบีบคลึงหัวนมสอดสลับเคล้นคลึงเนินสวาทเร่งให้ฉันเตลิดพันลิ้นจนลืมสามีไปอีกแล้ว
“ซีดดดดโอวววว…”
เขาเลื่อนตัวต่ำลงไปที่เนินสวาทรวบชุดนอนขึ้นมาที่เอวปากและลิ้นประกบลงบนเนินลิ้นรัวละเลียดยอดติ่งสวาท ฉันเสียวสุดๆสามีไม่เคยทำให้อย่างนี้เลยเสียงครางซีดเสียวระงมสะโพกแอ่นร่อนรับลิ้นของเขาตลอดเขาไม่ฟังคงระรัวลิ้นบนยอดติ่ง
“ซีดดดด ฉันออออกแล้วววววว“ ช่องสวาทมีน้ำเงี่ยนพลั่งพลูเจิ่งนองออกมาเลอะเต็มไปหมด และแล้วท่อนเอ็นอวบใหญ่ของเขาก็เริ่มสอดเข้ามาในรูหีซึ่งเจิ่งนองอยู่แล้วแม้จะเคยมาแล้วแต่ของเขาใหญ่มากมันยังคับแน่นเขาค่อยๆกระแทกเข้าไปจนสุดลำดิฉันเริ่มตื่นเตลิดอีกครั้ง เขาเริ่มบดซอยช้าสลับเร็วความเสียวซ่านเริ่มทวีคูณจนต้องแอ่นร่อนเนินสวาทรับการบดกระแทก เขารัวถี่ๆด้วยความเสียวซ่านจนฉันต้องแอ่นร่อนเอวรับ เราครางออกมาพร้อมๆกันไม่นานน้ำรักของชัชก็พุ่งกระฉูดชนมดลูกอย่างจังฉันบีบตอดท่อนเอ็นของเขาแน่นเช่นกัน
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นดิฉันใจหายเดาได้แน่ว่าสามีโทรมา ฉันรับสายในขณะร่างกายเปลือยเปล่าท่อนอวบใหญ่ยาวของชายชู้อัดแน่นปักคารูหีอยู่ สามีพยายามคุยสอบถาม นายชัชเหมือนจะแกล้งพลิกร่างดิฉันขึ้นคล่อมหยัดกายดิฉันขึ้นสองมือเริ่มเคล้นคลึงสองเต้านมอวบพร้อมบีบคลึงนมทั้งสองข้างสะโพกเกร็งแอ่นท่อนเอ็นที่เสียบคาน้ำสวาทที่เจิ่งนองเมื่อครู่เริ่มมีเสียงเจ๊าะแจ๊ะ ความเสียวเริ่มเข้ามาฉันพยายามกลั้นเสียง
"เป็นอะไรหรือเปล่า" ปลายสายเอ่ยถาม จังหวะนั้นชัชก็จับเอวอวบแน่นของเรากระแทกขึ้นลงกับควยของเขาแทบจะบดเป็นเนื้อเดียวกัน
"มะ ไม่เป็นไรค่ะ คุณทำงานต่อเถอะค่ะ" ฉันพยายามเบี่ยงเบนความสนใจให้สามีรีบวางสาย
ไว้จนกระทั่งสามีวางสายไป เขาจึงพลิกร่างดิฉันกลับทันที ปากประกบจูบอย่างเร่าร้อนท่อนเอ็นบดซอยกระแทกถี่ยิบดิฉันแอ่นร่อนรับการกระแทกอย่างลืมตัว แล้วทั้งฉันและนายชัชก็อัดร่างกอดกันแน่นแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันร้องครางออกมาเกือบพร้อมกันหัวควยของนายชัชอัดแน่นกับมดลูกของฉันจนสุดแสนจะเสียวซ่าน จนน้ำเชื้อของนายชัชพุ่งกระฉูดชนปากมดลูกอย่างจังอีกครั้ง
ฝั่งภาคิน...ภาพหยดน้ำตาเงียบๆ ของเด็กหนุ่มคณะศิลปกรรมคนนั้น มันตามหลอกหลอนภาคินไปตลอดทั้งบ่าย เขานั่งเรียนไม่รู้เรื่อง สมองที่เคยใช้คำนวณสูตรฟิสิกส์ที่ซับซ้อน ตอนนี้กลับเอาแต่ฉายภาพใบหน้าที่เจ็บปวดของกวินซ้ำไปซ้ำมา‘แค่คำพูดไม่กี่คำ...ทำไมมันถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้วะ’ภาคินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเขาจะปากเสียหรือแกล้งใคร เขาก็ไม่เคยใส่ใจผลที่ตามมา แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป...ความเงียบและการเดินจากไปของกวิน มันทิ้งความรู้สึกหน่วงหนักไว้ในอกของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ไอ้ภาคิน มึงเป็นไรวะ นั่งซึมเป็นหมาป่วยเลย”เจตทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเอาแต่นั่งเขี่ยบุหรี่ในมือเล่นโดยไม่ยอมจุดมันขึ้นมาสูบ“เสือก” เขาตอบกลับไปตามสไตล์ แต่เป็นคำด่าที่ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง“แหม่...ปากดีเหมือนเดิม แต่สายตามึงนี่โคตรเศร้าเลยว่ะ” นนท์เสริม“อกหักเหรอวะ?”ภาคินไม่ตอบ เขาแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากกลุ่มไป ทิ้งให้เพื่อนมองตามอย่างงงๆคืนนั้น...ภาคินตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาชอบทำเวลาที่รู้สึกแย่...เขาไปดื่มเหล้า และดื่มอย่างหนักหน่วง กะว่าจะให้แอลกอฮอล์มันล้างความรู้สึกผิดบ้าๆ นี้ออกไปจากหัว แต่ยิ่งดื่ม...ภาพ
‘วัตถุพยานหมายเลข 1’ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า ‘บุหรี่’ ได้กลายเป็นศูนย์กลางจักรวาลของกวินไปโดยปริยายตลอดหลายวันที่ผ่านมา เด็กหนุ่มปฏิบัติต่อมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าจากสุสานฟาโรห์ เขาเก็บมันไว้ในกล่องเหล็กอย่างดี และจะนำออกมาพินิจพิเคราะห์ก็ต่อเมื่ออยู่คนเดียวในห้องเท่านั้นเขาทั้งดม...ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นกลิ่นยาสูบจางๆ ผสมกับกลิ่นโคโลญจน์เฉพาะตัวของใครบางคนที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทั้งลองเอามาคีบระหว่างนิ้วทำท่าเหมือนจะสูบจริงๆ หน้ากระจก ก่อนจะรีบวางลงแล้วส่ายหัวอย่างแรงกับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง“มึงจะทำพิธีปลุกเสกมันรึไงวะ” ต้าถามขึ้นในเช้า เมื่อเห็นกวินกำลังจ้องมองกล่องเหล็กใบนั้นด้วยสายตาที่ลึกซึ้งเกินเบอร์“นี่คือข้อมูล” กวินตอบกลับเสียงขรึม“การกระทำของเป้าหมายในวันนั้นมันอยู่นอกเหนือทุกทฤษฎี มันคือตัวแปรที่เราต้องทำความเข้าใจ”“กูว่ามันคือการแกล้งเด็กว่ะ” โอมสรุปอย่างง่ายๆ“เขาเห็นมึงกลัว เขาก็เลยยิ่งอยากแกล้งให้มึงสับสนเล่น มันคือจิตวิทยาการล่าเหยื่อของนักล่า”คำว่า ‘ล่าเหยื่อ’ ทำให้กวินรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่ความรู้สึก ‘หวั่นไหว’ ที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้นมันก็ยัง
ข่าว ‘กระต่ายกัดเสือ’ ณ สนามฟุตบอล กลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในกลุ่มของกวินไปโดยปริยาย ต้าเล่าเหตุการณ์นั้นด้วยสีหน้าภาคภูมิใจราวกับเป็นวีรกรรมของตัวเอง ส่วนโอมก็มองเพื่อนรักด้วยสายตาที่ผสมปนเประหว่างความเป็นห่วงกับความขบขัน“มึงคือผู้กล้าหาญแห่งคณะศิลปกรรมศาสตร์!” ต้าตบบ่ากวินป้าบๆ “คนที่กล้ายืนต่อกรกับเทพเจ้าสงครามแห่งวิศวะฯ ตัวต่อตัว!”“กูว่ามึงแค่โชคดีมากกว่า” โอมแย้งพลางจิ้มหลอดลงในแก้วชานม“อย่าไปโป๊กเกอร์เฟซใส่เขาบ่อยนักเลย เดี๋ยวโชคไม่เข้าข้างขึ้นมา กูไม่อยากไปเยี่ยมมึงที่โรงพยาบาลนะ”กวินไม่ได้สนใจคำพูดของเพื่อนทั้งสองคน เขากำลังจดจ่ออยู่กับ ‘บันทึกการวิจัยภาคสนาม’ ในสมุดของเขา หน้ากระดาษเต็มไปด้วยแผนผังความคิดและลูกศรโยงไปมา“มันไม่ใช่เรื่องโชค” กวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของนักวิชาการ “มันคือการตอบสนองต่อตัวแปรที่ไม่คาดคิด จากการวิเคราะห์ข้อมูลเมื่อวานนี้ กูตั้งทฤษฎีได้ว่า ‘โหมดปกติ’ ของเป้าหมาย สามารถถูกกระตุ้นได้ด้วยสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย และ ‘โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์’ จะถูกเปิดใช้งานเมื่อถูกคุกคามหรือรู้สึกว่าถูกล้ำเส้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ...การตอบโต้ของกูเมื
สัปดาห์ต่อมา กวินใช้ชีวิตราวกับสายลับในหนังสงครามเย็น หายนะที่โรงอาหารได้ยกระดับความหวาดระแวงของเขาขึ้นสู่ขีดสุด แผนที่ในสมองของเขาถูกอัปเดตจนแทบจะเป็นแผนที่ดาวเทียมเรียลไทม์ เขาสามารถบอกได้ว่าช่วงเวลาไหนที่กลุ่มนักศึกษาวิศวะฯ มักจะเคลื่อนพล และเส้นทางไหนคือเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยที่สุด“กูว่ามึงใกล้จะบ้าแล้วนะกวิน”ต้าพูดขึ้นขณะที่เห็นเพื่อนรักกำลังใช้แอปพลิเคชันแผนที่ในมือถือซูมเข้าซูมออกบริเวณรอบตึกวิศวะฯ อย่างเคร่งเครียด“นี่มึงจะคำนวณวิถีกระสุนของพี่เขาเลยรึไง”“การเตรียมพร้อมคือหัวใจของการเอาตัวรอด” กวินตอบโดยไม่ละสายตาจากจอ “มิสไซล์นำวิถีลูกนั้นน่ากลัวเกินไป เราประมาทไม่ได้”โอมที่กำลังดูดชานมไข่มุกอยู่ข้างๆ ส่ายหัวเบาๆ “กูว่าพี่เขาคงลืมเรื่องพวกมึงไปแล้วมั้ง ป่านนี้เสื้อเขาคงขาวเหมือนเดิมแล้ว”“แกไม่เข้าใจหรอกโอม” กวินหันมาพูดด้วยแววตาจริงจัง “เราได้ทำการ ‘ล็อกเป้า’ กับเขาไปแล้วสองครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้เราอยู่ในเรดาร์ของเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ”ความหวาดระแวงขั้นสุดทำให้จิตวิญญาณศิลปินของกวินเริ่มห่อเหี่ยว เขาต้องการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อชาร์จพลังใจและปลดป
หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่การเผชิญหน้ากับ ‘ลาสบอส’ แห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชีวิตของกวินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากลายเป็นนักยุทธศาสตร์การเอาตัวรอดเต็มขั้น สมุดสเก็ตช์ภาพของเขานอกจากจะมีภาพวาดทิวทัศน์แล้ว หน้าหลังสุดยังถูกอุทิศให้เป็น ‘แผนที่เอาตัวรอดฉบับกวินและผองเพื่อน’ อย่างลับๆแผนที่นั้นระบุโซนต่างๆ ในมหาวิทยาลัยด้วยสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนโซนสีเขียว (Green Zone): เขตปลอดภัยสูงสุด เช่น ตึกคณะศิลปกรรม, ห้องสมุดมุมในสุด, และร้านป้าน้ำปั่นหลังคณะสถาปัตย์ฯ เป็นพื้นที่ที่โอกาสเจอบอสเท่ากับศูนย์โซนสีเหลือง (Yellow Zone): เขตต้องระวัง เช่น ลานกิจกรรมกลาง, สนามฟุตบอล, และโรงอาหารส่วนใหญ่ มีโอกาสเจอบอสได้ แต่สามารถหลบหลีกได้หากมีการสอดแนมที่ดีโซนสีแดง (Red Zone): เขตอันตรายสูงสุด! ได้แก่ ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และพื้นที่โดยรอบในรัศมีหนึ่งร้อยเมตร การย่างเท้าเข้าไปเทียบเท่ากับการกดปุ่ม ‘ยอมแพ้’ ให้กับชีวิต“มึง...กูว่ามึงจริงจังเกินไปแล้วนะ” ต้าพูดขึ้นในตอนเช้า ขณะที่กวินกำลังพาเพื่อนเดินอ้อมโลกเพื่อไปยังโรงอาหารที่ไกลออกไป แต่เป็นโซนสีเขียวตามแผนที่“ความปลอดภัยต้องมาก่อน” กวินตอบด้วยสีหน้
แสงแดดอ่อนๆ ของต้นเทอมสาดส่องลงมากระทบกับกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ในลานกิจกรรมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย เสียงจอแจดังอื้ออึงราวกับตลาดนัดขนาดใหญ่ที่รวมเอาความตื่นเต้น ความฝัน และความประหม่าของเด็กหนุ่มสาวนับพันคนมาไว้ในที่เดียว บูธจากคณะต่างๆ ถูกตั้งขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บ้างก็ตกแต่งอย่างสวยงามตามธีม บ้างก็เปิดเพลงดังกระหึ่มเพื่อเรียกร้องความสนใจและท่ามกลางความวุ่นวายนั้น ‘กวิน’ เฟรชชี่ปีหนึ่งจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ กำลังยืนกะพริบตาปริบๆ ราวกับลูกแมวที่เพิ่งหลุดเข้ามาในโลกกว้างเป็นครั้งแรก ในหัวของเขามีฟิลเตอร์สีรุ้งฟรุ้งฟริ้งเคลือบทุกอย่างที่มองเห็นเอาไว้ มหาวิทยาลัยในฝันที่เขาเห็นแต่ในซีรีส์ บัดนี้เขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมันแล้วจริงๆ“โอ้โห...มึงดูบูธนิเทศฯ ดิ อย่างกับหลุดมาจากบรอดเวย์” ‘ต้า’ เพื่อนสนิทร่างท้วมที่ยืนอยู่ข้างๆ ชี้ชวนให้ดูด้วยแววตาตื่นตะลึง ที่บูธนั้นมีรุ่นพี่แต่งตัวเป็นตัวละครแปลกๆ เต้นกันอย่างหลุดโลก“แล้วดูทางนู้น...บูธบริหารฯ อย่างกับประชุมบอร์ดผู้บริหาร”‘โอม’ เพื่อนอีกคนที่สุขุมกว่าเสริมขึ้น พยักพเยิดไปยังกลุ่มรุ่นพี่ในชุดสูทที่ยืนแจกแผ่นพับด้วยมาดนั
Comments