“แล้วยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” ผมเอามือลูบไปตรงเนินเนื้อที่มีไรขนอ่อนนุ่มเบาๆ เพื่อปลอบประโลม เธอดูตกใจกับคำถาม แต่ก็พยักหน้ารับ พลางสูดปากเบาๆ เพราะถูกผมเขี่ยติ่งเสียวทั้งที่ยังมีตัวตนของผมคาอยู่ในหลืบร่อง
“แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าผมยังไม่เสร็จ” ผมถามพร้อมกับใช้นิ้วบดบี้ปุ่มกระสันเธอแรงขึ้น
“ซี้ดดด ค่ะ”
“แล้วถ้าผมจะทำต่อจนเสร็จ คุณจะไหวไหม”
“จริงๆ เทียร์ไม่ค่อยเจ็บแล้ว คิดว่า...ไหวค่ะ” เธอซบหน้าลงบนไหล่ผม แล้วตอบเสียงเบา
“ก็นะ ดูจากแรงขย่มเมื่อกี้นี้ คุณคงจะเสียวจนลืมเจ็บไปเลยสิท่า” ผมแกล้งหยอก แล้วหัวเราะเบาๆ เพราะรู้สึกดีที่เธอยังอยากมีเซ็กส์กับผมต่อ
“เป็นคุณวินบอกให้เทียร์ทำแรงๆ นี่คะ”
“เพราะอย่างนั้น คุณก็เลยอดทนทำตามทั้งที่ยังเจ็บอยู่งั้นเหรอ”
“ก็...เทียร์ไม่อยากเป็นความทรงจำแย่ๆ ของคุณ”
คำตอบของเธอทำเอาตัวตนของผมแข็งขึงพองขยายจนปวดหนึบ อยากกระเด้าผู้หญิงที่ผมกำลังสอดใส่คาอยู่หนักๆ ให้สมกับความน่ารักน่าเอาของเธอเสียทั้งคืน
“อ๊ะ...”
เธอคงร้องเพราะรู้สึกแน่นร่องกว่าเดิมแน่ๆ
“เสียวเหรอครับ”
“ค่ะ”
“แต่เชื่อเถอะ คืนนี้ทั้งคืนผมจะทำให้คุณเสียวจนแทบขาดใจเลยล่ะ”
ผมให้คำมั่นทั้งกับเธอแล้วก็ตัวเอง ผมรอเวลานี้มานาน เพราะฉะนั้นต่อให้เทียร์แค่เผลอไผลไปกับการยั่วยุในคืนที่เธอทั้งเมาและเสียใจ แต่ผมจะทำให้เธอติดใจ ผูกมัดความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ด้วยเซ็กส์ที่ร้อนเร่าและวาบหวามที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง...และอีกครั้ง
ในโลกยุคปัจจุบันที่อะไรก็รวดเร็วไปหมด โอกาสที่จะเจอสาวซิงมันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก แต่คนที่ผมปรารถนามาหลายปีกลับกลายเป็นผู้หญิงไม่กี่เปอร์เซ็นต์นั้น
บอกตามตรงว่าผมสงสารเทียร์อยู่เหมือนกัน เพราะหากเทียบกับผู้ชายคนอื่นๆ ขนาดของผมนั้นจัดว่าไม่ธรรมดา แต่ความต้องการก็พลุ่งพล่านจนแทบทนไม่ไหว และเมื่อเธอยืนกรานว่าสามารถอดทนรับความยิ่งใหญ่ของผมได้ เอาเป็นว่าผมจะพยายามทะนุถนอมเธอ...
เท่าที่ผมจะอดกลั้นไหวน่ะนะ
ผมไม่ปล่อยให้เทียร์ที่เพิ่งขย่มจนตัวเองเสร็จไปแล้วพักนานเกินไป ผมพลิกตัวให้เธอลงไปนอนอยู่ด้านล่างทั้งที่เรายังเชื่อมติดกันอยู่
เส้นผมสีดำสนิทแผ่ขยายจนเต็มหมอน ดวงตาหรี่ปรือจดจ้องมาคล้ายเชิญชวน และในขณะที่ผมจัดท่าทางของเราให้เหมาะสม เธอก็บิดกาย สูดปากครางเบาๆ ดูเซ็กซี่แบบไม่ต้องปรุงแต่งทำเอาลมหายใจผมสะดุด
ให้ตายเถอะ! นี่ผมชอบเธอมากจนตื่นเต้นแบบเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีเซ็กส์ครั้งแรกเลยงั้นเหรอ
ใจเย็นหน่อยไรวินท์ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของนายจริงๆ สักหน่อย
ผมปลุกปลอบตัวเองเพื่อให้จิตใจสงบ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะขายหน้าเพราะเสร็จทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือสร้างความประทับใจอะไรให้เธอคนนี้เลย
เพื่อไม่ให้เทียร์เห็นความประหม่าในดวงตา ผมหลุบตาลง แล้วหันเหความสนใจของตัวเองไปยังยอดสีชมพูผลิพุ่งเหนือเต้าทรวงกลมกลึงที่แค่เห็นก็อยากดูดเลียแรงๆ ให้หนำใจของเธอแทน
ถึงอย่างนั้น ผมก็พยายามสะกดกลั้นไม่ให้รุกหนักเกินไป เพราะกลัวเธอจะตกใจจนขยาดไปก่อน
ผมโฉบริมฝีปากลงไป ค่อยๆ ขบเม้มยอดสีชมพูสวยที่แข็งชันยั่วตา แล้วเริ่มโลมเลียตวัดปลายลิ้นไปมาเหนือยอดอก ผมทั้งดูดทั้งเลียอย่างเพลิดเพลินราวกับว่ามันเอร็ดอร่อยจนไม่สามารถหยุดกินได้
“ใหญ่เต็มปากดีจัง” ผมชมก่อนที่จะงับหัวนมเธอแรงๆ ทีหนึ่งเพื่อตอกย้ำว่าตัวเองพูดจริง
“คุณวินคะ...อื๊อ” เธอตัวสั่น ร่างบางบิดไปมาคล้ายอยากหนีสัมผัสจากปลายลิ้นของผม แต่มันกลับทำให้เธอดูยั่วยวนมากขึ้นไปอีก เพราะทุกครั้งที่เธอขยับตัวความแข็งขึงของผมก็ป่ายปะเสียดสีอยู่บริเวณปากทางอ่อนนุ่มมันวาวสีแดงจัด
ช่องทางสดใหม่ของเธอตอดท่อนลำตุบๆ จนผมอยากกระแทกใส่เธอแรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอด
ผมผละจากความอวบอิ่ม แล้วเคลื่อนใบหน้าของตัวเองขึ้นไปให้อยู่ระดับเดียวกันกับเธอ “ยั่วผมเหรอ”
“ปะ...เปล่านะคะ”
“ถ้าไม่ได้ยั่ว แล้วทำไมถึงตอดแรงขนาดนี้ล่ะครับ” ผมส่ายสะโพก บดคลึงท่อนเนื้อหนุ่มกับเกสรแห่งความกระสันที่กำลังสั่นระริก
“อ๊าย!!! คุณวินคะ”
“ครับ” ผมรับคำ พลางขยับสะโพกขึ้นลงเบาๆ
“เทียร์เสียว”
“ผมรู้ แต่ว่าผมทำคุณเสียวได้มากกว่านี้อีกนะ คุณอยากลองไหมล่ะ” ผมหลอกล่อ
“อยากค่ะ”
“อะไรนะ ผมไม่ได้ยิน” ผมแกล้งผ่อนแรงลง และมันก็ได้ผลอีกครั้ง...
“ฉันบอกว่า ฉันอยากลองค่ะ ฉันอยากเสียวจนคลั่งเพราะคุณ”
เสี้ยววินาทีที่ได้ฟังคำตอบแสนเร้าอารมณ์ ผมขยับแก่นกายออกมาจนเกือบสุด แล้วตอกตรึงความแข็งขึงกลับเข้าไปใหม่จนมิดลำ “เทียร์ คุณนี่มันน่าเอา...น่ากระแทกให้ยับจริงๆ”
“อูย!!! คุณวิน...”
ผมไม่สนใจมือเธอที่กำลังดันบ่าผมอยู่ ผมรู้ว่าเธอต้องจุกและเจ็บ แต่ผมตั้งใจทำแบบนั้น เธอจะได้จดจำช่วงเวลาที่ทั้งเจ็บ จุก และสุขสมไปพร้อมกันเพราะฝีมือผมเอาไว้ตลอดไป
เนินหน่าวของเรากระทบกันดังสนั่น สองเต้าดีดเด้งขึ้นลง จนผมอดไม่ไหวก้มลงไปดูดเลีย แล้วฉกลิ้นหนักๆ เรียกเสียงครวญครางเร้าอารมณ์จากเธอ
“อ๊ะๆ คุณวินคะ”
“เสียวล่ะสิ อยากถูกผมเอาแรงๆ กว่านี้อีกใช่ไหม”
“หนามยกโทษให้พี่แล้วใช่ไหม” เขากุมมือเธอแน่น เงยหน้าขึ้นสบตาที่สั่นระริกด้วยความอ่อนไหวของเธออย่างวิงวอน“หนามยกโทษให้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งจะคาดโทษเอาไว้ก่อน ถ้าวันหลังพี่ว่านคิดแผนพิเรนทร์อะไรทำนองนี้อีก หนามจะหย่าจริงๆ ด้วย”“จ้าๆ พี่ไม่กล้าทำแล้วจ้ะเมียจ๋า” วรภพพุ่งเข้ากอดเมียอย่างหมดท่า ภาพเจ้าของไร่สุดเข้มที่ลูกน้องต่างเคารพยำเกรงถูกภรรยาสุดที่รักทำลายจนไม่มีเหลือทว่าพอได้กอด ได้ซุกหน้าลงบนอกอวบอั๋น สูดกลิ่นหอมอ่อนจางของเรือนร่างที่ตนหลงใหล เลือดในกายพลันพุ่งพล่านเกินควบคุม“อะ พี่ว่าน จะทำอะไรคะนั่น”เขาไม่ได้ตอบ แต่ใช้สองมือนวดคลึงเอวคอด ก่อนจะเลื่อนลงไปทำอย่างเดียวกันกับสะโพกงามงอน ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ตอนนี้จมอยู่กลางหน้าอกเธอ แม้บนร่างจะยังมีเสื้อผ้ากั้นขวางอยู่ แต่ลมหายใจร้อนระอุก็แทรกซึมผ่านไปกระทบผิวอ่อนบางของเธอได้ไม่ยากเย็นพอรุกเร้าร่างระหงจนอ่อนระทวย คนที่คิดจะพลีกายไถ่โทษก็หยัดกายขึ้นจนใบหน้าของทั้งสองห่างกันแค่คืบ ฉับพลันเขาประกบริมฝีปากหยักลงบนกลีบปากฉ่ำวาวสีชมพูอย่างร้อนแรง ราวกับจะกลืนกินลมหายใจของเธอให้หมดสิ้น นวิยายกมือคล้องลำคอแกร่ง แล้ว
“เลิกพาลได้แล้ว หนามไม่เกี่ยว” วรภพกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อให้นวิยารู้สึกอุ่นใจ พร้อมกับแสดงออกให้วรัญญารู้ว่าอย่ามาแตะต้องภรรยาของเขา“แหม รู้ย่ะว่ารักกัน แต่น้ำโดนซะขนาดนี้จะขอระบายอารมณ์บ้างไม่ได้หรือไง” วรัญญามองภาพเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้“จริงอยู่ที่เธอต้องทนลำบากกายใจเป็นปี แต่อย่าลืมสิว่าฉันทำตามที่สัญญากับเธอไว้ทุกอย่าง ตอนนี้กิจการที่บ้านเธอฟื้นตัวแล้ว ส่วนหนามก็ได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อย่างฉัน แล้วเธอจะโมโหอะไรนักหนาไม่ทราบ ยกเว้นก็แต่ว่าตอนนี้เธอนึกเสียดาย เพราะอยากจะแต่งงานกับฉัน”“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย พี่ว่านไม่ใช่สเปกน้ำ” วรัญญาแค่นเสียงหึ แต่ก็เถียงอะไรอย่างอื่นไม่ออกอีก เพราะหากคิดดีๆ ถึงแผนของวรภพจะทำให้เธอต้องพบกับความยากลำบากอยู่บ้าง แต่เขาก็ทำตามทุกอย่างที่ได้ลั่นวาจาไว้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง“พี่น้ำยกโทษให้พวกเราเถอะนะคะ” นวิยาปราดเข้าไปกุมมือที่กำแน่นของวรัญญา เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ อ้อนวอนคนเป็นพี่ให้อภัย“แกนี่นะ เอะอะก็ร้องไห้ พอๆ อย่าร้องนะ พี่ยกโทษให้ก็ได้ แค่นี้พอใจแล้วใช่ไหม” ถึงจะดูเหมือนคนแข็งๆ แต่ความจริงเธอแพ้น้ำตาของน้องสาวตลอด“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ”
“ถ้าพวกท่านเป็นห่วงพี่จริง ก็คงไม่บังคับให้พี่แต่งงานกับผู้ชายรุ่นราวคราวพ่อ โดยไม่สนว่าพี่จะรู้สึกยังไงแบบนั้นหรอก”“พี่น้ำก็เลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แล้วโยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้หนามแทนใช่ไหมคะ” นวิยาอดตัดพ้อไม่ได้“พี่ยอมรับว่ามันดูเห็นแก่ตัว แต่ความจริงพี่ก็ไม่ได้คิดจะปัดความรับผิดชอบให้แกตั้งแต่แรกนะ แต่เป็นพี่ว่านต่างหากที่มาพบพี่ เพื่อขอร้องให้หนีการแต่งงาน”“พี่ว่านมาพบพี่น้ำ แล้วขอให้หนีงานแต่ง?”“ใช่แล้วล่ะ” วรัญญามองไปทางทะเลอย่างครุ่นคิดแล้วเล่าต่อ “วันนั้นพี่ว่านมาถามฉันว่าชอบคนแก่คราวพ่อเหรอถึงได้ตกลงง่ายๆ แบบนั้น หึ ชอบกับผีน่ะสิ พี่เลยตอกกลับไปว่าเป็นพ่อเขาต่างหากที่มาพูดว่าจะมาสู่ขอพี่เพื่อแลกกับความช่วยเหลือ ไม่ใช่ทางนี้เสนอไปสักหน่อย พอพี่ว่านได้ยินแบบนั้น ก็พูดว่าเขาไม่อยากได้แม่เลี้ยงแบบพี่ ฉันงี้โกรธแทบตาย เลยสวนไปอีกรอบว่าควรจะไปบอกพ่อเขาต่างหาก เพราะทางนี้ก็ไม่ได้อยากเป็นหญ้าอ่อนโดนโคแก่รุ่นลุงรุ่นพ่อและเล็ม” “แล้วยังไงต่อคะ”“พี่ว่านก็เลยเสนอให้พี่หนีไปต่างประเทศก่อนสักปี รอให้เรื่องมันซาแล้วค่อยกลับมา”“แล้วพี่น้ำก็ไปง่ายๆ ?”“ทำไมแกถึงได้มองพี่ในแง่ร้ายขนาด
“ก็เออน่ะสิ” กรกนกหันไปถลึงตาดุๆ ใส่น้องชาย“ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็พอแค่นี้เถอะค่ะ ตอนนี้หนามเข้าใจทุกอย่างแล้ว พี่ว่านกับพี่แตมอย่าเอาเรื่องพี่ตั้มอีกเลยนะคะ พี่เขาคงห่วงว่าหนามจะเสียใจเลยมาเตือนเท่านั้นเอง”ถึงจะไม่พอใจในสิ่งที่กรวิทย์ทำ แต่พอเห็นเขาดูสำนึกผิด แถมยังถูกหมัดลุ่นๆ ของวรภพกับกระเป๋าราคาแพงหูดับของกรกนกกระแทกจนหน้าช้ำไปหมด นวิยาเลยคิดว่าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว“ก็ได้ นี่ฉันเห็นแก่หนามกับแตมหรอกนะ ไม่งั้นแกได้คุยกับลูกปืนแน่”“ตั้มขอโทษจริงๆ ครับพี่ว่าน ตั้มก็แค่เป็นห่วงกลัวหนามจะเสียใจ” เมื่อรูปการณ์ออกมาเป็นแบบนี้ กรวิทย์ก็รู้แล้วว่าควรจะยอมรับความจริง แล้วถอยออกมา เพราะระหว่างเขากับนวิยาคงไม่มีทางหวนคืนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์“เออ แต่อย่าทำอะไรรุ่มร่ามกับหนามอีกแล้วกัน ไม่งั้นอย่าหาว่ากูโหด ไม่ไว้หน้าพี่สาวมึง”กรวิทย์ได้แต่รับคำเสียงอ่อย “ครับพี่ว่าน”“เอาล่ะๆ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ขับรถมาตั้งไกล ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” พูดจบกรกนกก็เดินไปทางร้านอาหารโดยไม่รอคนอื่น กรวิทย์ที่ยังทำตัวไม่ค่อยถูกก็เร่งฝีเท้าตามพี่สาวไปสองสามีภรรยาสบประสา
“ไม่จริง นี่หนามรังเกียจพี่ แต่ไม่รังเกียจไอ้ผู้ชายสารเลวที่หลอกใช้หนามอย่างไอ้ว่านเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้” ความโกรธทำให้กรวิทย์ออกแรงหนักขึ้นอีก เขาพยายามจะดึงนวิยาเข้ามากอดจูบ มั่นใจว่าถ้าได้ทำแบบนี้แล้วเธอจะนึกถึงความรู้สึกสมัยที่ยังเป็นแฟนกันอย่างแน่นอนกระทั่งคนที่ทนฟังคำใส่ร้ายป้ายสีจากปากของกรวิทย์อยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เจ้าของไร่หนุ่มก้าวเท้าเร็วๆ จนกระทั่งประชิดตัวคนทั้งคู่ก่อนโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ หน่อย ใครหลอกใช้ใครไม่ทราบ”“พะ...พี่ว่าน” กรวิทย์ผงะ ตกใจจนดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี“เออ กูเอง” วรภพปราดเข้าไปดึงนวิยาให้ออกมาอยู่ด้านหลังตนเองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชกเข้าที่ใบหน้าของคนที่บังอาจทำให้เธอเสียใจร้องไห้เต็มแรงจนล้มคว่ำไปกองกับพื้น“โอ๊ย! ไอ้ว่าน! มึงต่อยกู” กรวิทย์รับรู้รสชาติเลือดในปากได้อย่างชัดเจนเริ่มเดือดปุดๆ เขารีบยันตัวลุกขึ้นยืนแล้วมองอีกฝ่ายตาขวาง“กูไม่เอาปืนเป่าหัวมึงกระจุยก็บุญแล้ว ต้องขอบใจพี่มึงโน่นที่ขอไว้” วรภพพูดแล้วประคองนวิยาไปอีกด้าน เปิดทางให้เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยรูปร่างสูงโปร่งในชุดสูททันสมัยยืนตัวสั่นด้วยควา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหลังจากใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนที่บ้านพักริมธารน้ำตกปรับความเข้าใจกัน วรภพที่งานยุ่ง แต่ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เมียจึงกระเตงนวิยาออกมาทำงานด้วย แต่เพราะรู้ว่าเธอเป็นคนขี้ร้อน และผิวบางๆ นั่นก็ถูกแดดเผาจนแสบแดงง่ายเหลือเกิน หากเขามีความจำเป็นต้องออกไปดูงานกลางแจ้ง ก็จะให้เธอรออยู่ที่ห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ในส่วนของรีสอร์ตแต่วันนี้วรภพออกไปนานแล้วก็ยังไม่กลับมา คุณนายไร่องุ่นที่ไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอันก็นึกเบื่อ เลยออกจากห้องทำงานของสามีแล้วไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกเพื่อฆ่าเวลานวิยาเรียนจบบริหารธุรกิจการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทว่าจนถึงตอนนี้เธอยังไม่มีโอกาสได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย คิดถึงตรงนี้เธอก็อดนึกเสียดายไม่ได้ คนอุตส่าห์ร่ำเรียนมาหลายปีกลับทำได้เพียงใช้ปริญญาเรียกรอยยิ้มภาคภูมิใจของพ่อแม่ได้อย่างเดียวหลายครั้งนวิยาคิดจะเอ่ยปากขอตำแหน่งงานเล็กๆ ในไร่จากวรภพ แต่กลัวเขาจะมองว่าเธอจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง ครั้นจะขอไปช่วยงานที่บริษัทของพ่อแม่ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่โคราช ไม่รู้ว่าปีๆ หนึ่งจะมีโอกาสเข้ากรุงเทพกี่วันกัน“น้องหนาม” เสียงเรียกทุ้มน