Share

เหล่าองค์ชาย (2/2)

last update Last Updated: 2025-11-12 15:32:46

บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (2/2)

โม่หรงอี้เลิกคิ้วสูง “ท่านลุงมาอย่างนั้นหรือ?”

บ่าวผู้นั้นตอบรับ สองพี่น้องจึงไม่รอช้า รีบไปพบคนสำคัญทันที

“หวังหย่ง จำที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ได้หรือไม่” โม่ซือเฉินกวักมือเรียกคนสนิทมากระซิบถาม อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรู้งานเขาจึงวางใจ เด็กชายก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามหลังพี่ชาย ตั้งแต่ได้รับโอกาสใช้ชีวิตใหม่นี่นับเป็นการพบกันหนแรกระหว่างเขากับผู้เป็นลุง

เจิ้งเป่าโหวเฮ่อเสียนตงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของมารดา ท่านลุงมีบุตรชายสองคน

สมัยอายุยังน้อยท่านลุงมักถูกบรรดาคุณชายสกุลอื่นดูแคลนว่าเรียนหนังสือเขียนอ่านไม่เอาไหน ทว่าพอได้จับดาบง้างคันธนูกลับราศีจับ สมเป็นทายาทตระกูลทหาร ถึงอย่างนั้นเฮ่อเสียนตงหาใช่พวกใช้หมัดแก้ปัญหา นอกจากจงรักภักดีต่อเหนือหัวอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังรู้จักหนักเบา ไม่ชอบข้องแวะกับขั้วอำนาจต่าง ๆ ในราชสำนัก ทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ไม่ค่อยถูกขุนนางวาจาวิพากษ์วิจารณ์

ภายในโถงเรือนหน้าซึ่งมีไว้รับแขก ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานหาใช่โม่เทียนฉินแต่เป็นโม่เหล่าฟูเหริน โม่ซือเฉินเห็นท่านอาของตนกับสาวใช้รุ่นใหญ่ช่วยประคองหญิงชรานั่งลง ดูเหมือนท่านย่าเองเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขาไม่นาน คิดว่าพอทราบเรื่องเจิ้งเป่าโหวมาเยี่ยมเยือนก็รีบตรงมารับหน้าทันที ไม่อยากปล่อยบุตรชายที่มีทิฐิในใจต้อนรับเพียงลำพัง

ท่านย่ารักใคร่เขาและพี่ใหญ่เท่ากัน ทว่าอาจเป็นเพราะตนแทบไม่ได้สัมผัสความรักจากมารดาเหมือนหลานคนอื่นๆ ท่านย่าถึงเอ็นดูเขาเป็นพิเศษ ชีวิตก่อนเองเป็นแบบนี้เช่นกัน โม่เหล่าฟูเหรินมักพูดเสมอว่าเขามีนิสัยคล้ายคลึงท่านปู่ เมื่อรักหรือเชื่อใจใครมักทุ่มเทสุดกำลัง ยามเกลียดชังผู้ใดล้วนแสดงออกชัดเจนไม่ปิดบัง

ความห้าวหาญตรงไปตรงมานี้ทั้งน่านับถือ อีกทั้งเป็นภัย คำตักเตือนจึงถูกสอนสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า

สุดท้ายสิ่งที่ท่านย่าเคยสอนโม่ซือเฉินกลับระลึกได้ตอนคมดาบกำลังจะบั่นคอ

หากกล่าวว่าความผิดมักเป็นบทเรียน คนเรามิอาจเอาแต่เรียนรู้โดยไม่ยอมแก้ไขปรับปรุงตัว เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่นไม่เลือกทางผิดซ้ำรอยเดิม

บุรุษซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยอย่างโม่เทียนฉินนั่งตรงข้ามเฮ่อเสียนตง มีท่านอายืนเยื้องไปด้านหลัง

ฝ่ายคนจากสกุลเฮ่อนั่งเรียงกันฝั่งหนึ่ง เริ่มที่ท่านลุง ถัดมาคือญาติผู้พี่อย่างคุณชายใหญ่เฮ่อ ตามด้วยคุณชายรองเฮ่อ ยังมีเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโม่หรงอี้อีกคน เขาหน้าผากกว้าง ดวงตาเรียว ปลายจมูกโด่งรั้น แววตาฉายความขบถอยู่ในที ด้านหลังมีผู้ติดตามร่างใหญ่หน้าตาน่ากลัว

มองปราดเดียวทราบได้ว่าเป็นองครักษ์ประจำตัว ไม่ใช่บ่าวชายทั่วไป ชีวิตก่อนโม่ซือเฉินไม่ถูกชะตากับเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างรุนแรง ส่วนชีวิตนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเส้นทางของทั้งสองจะดำเนินไปเช่นไร ในเมื่อต้องเลือกทางเดินใหม่จึงมิควรตัดตัวเลือกใดทิ้ง

“ท่านลุง” โม่หรงอี้ทักทายพร้อมประสานมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“พี่เหลียงเซิน อาหยวน…อา คุณชายเหริน”

เฮ่อเหลียงเซินบุตรคนโตของเจิ้งเป่าโหววัยสิบห้าปีส่งยิ้มตอบญาติผู้น้อง ทางด้านเฮ่อหยวนอีอายุเท่ากับโม่หรงอี้ ดังนั้นเลยถูกเรียกขานอย่างสนิทสนม อย่างไรก็ตามกิริยาพินอบพิเทาที่แสดงต่อผู้ถูกเรียกว่าคุณชายเหรินทำให้คนสกุลโม่แปลกใจอยู่บ้าง

ความจริงโม่เทียนฉินสงสัยถึงขั้นคิดเอ่ยปากถาม แต่กลับถูกขัดด้วยการมาถึงของมารดาเสียก่อน ครั้นบุตรชายทั้งสองที่มีสายเลือดสกุลเฮ่อไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่งมาถึง เขาก็แทบไร้ตัวตน บทสนทนาวนอยู่เพียงไม่กี่คน นอกจากเฮ่อเสียนตงช่วยรักษาหน้าผู้อาวุโส หันมาถามนั่นนี่เขาสามสี่ประโยค โม่เทียนฉินแทบไม่เห็นความจำเป็นของการนั่งอยู่ตรงนี้

“คนแก่ร่างกายไม่ค่อยได้ดั่งใจ ข้าคิดว่ารอให้อากาศอุ่นขึ้นอีกสักสองสามวันจะพาเฉินเกอไปฝากฝังกับท่านโหวที่จวน นึกไม่ถึงท่านโหวจะใจตรงกัน”

โม่เหล่าฟูเหรินเอ่ยอย่างให้เกียรติ

ถึงบุตรชายของนางสืบบรรดาศักดิ์โหวเช่นเดียวกับคนตรงหน้า ทว่าในแง่บารมีกับความโปรดปรานของฝ่าบาทที่มีต่อคนเบื้องหน้า ย่อมไม่ควรล่วงเกิน นี่ยังไม่นับความลำเอียงของบุตรชายซึ่งเคยกระทำต่อภรรยาเอก ใคร่ครวญถึงจุดนี้ยิ่งพานละอายต่อสกุลเฮ่อ

“จวนแม่ทัพอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร จะให้ผู้อาวุโสลำบากเดินทางได้อย่างไร” เฮ่อเสียนตงรีบโบกมือ “ข้ารู้สึกละอายใจต่อจิงจิงนัก นางฝากฝังหรงอี้กับซือเฉินเอาไว้ ข้ามัววิ่งวุ่นเรื่องอื่นจนลืมหลานคนเล็กเสียได้ หวังว่าเหล่าฟูเหรินจะให้อภัยที่ข้าเผลอละเลยไป”

“ท่านโหวงานล้นมือ” หญิงชรากล่าว “นี่มิใช่ความผิดของท่าน”

คนฟังผงกศีรษะ บอกว่าบ้านเมืองสงบสุข ปัญหาเล็กน้อยตามชายแดนขุนนางท้องถิ่นสามารถรับมือไหว หลังจากนี้ตนยังไม่ได้รับมอบหมายภารกิจใดนอกเมืองหลวง คงมีเวลาอยู่จวนอีกนานทีเดียว

“มาเถอะ มาให้ลุงดูเจ้าชัด ๆ” ครั้งสุดท้ายที่พบหน้าเป็นหลายปีก่อน ตอนนั้นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่แห่งแผ่นดินเทียนเหรินยังมีภาระหน้าที่ค่อนข้างมากเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบนอกด่าน

โม่ซือเฉินเดินไปหาอีกฝ่ายด้วยฝีเท้ามั่นคง ไม่ได้ก้มหน้าหลบเหมือนเด็กทั่วไปยามประสานสายตาดุ ๆ ของผู้เป็นลุง นอกจากรอยแผลเป็นตรงปลายหางคิ้วซึ่งลากยาวเกือบถึงใบหู แม่ทัพเฮ่อยังมีรอยแผลบนหลังฝ่ามือที่ยื่นมาหาอีกด้วย บุรุษผู้นี้ยังคงความน่าเกรงขามเอาไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย

“ผิดต่อเจ้าแล้ว” เฮ่อเสียนตงรำพึง ตบลงบนไหล่เล็กเบา ๆ แม้หลานชายคนรองมีใบหน้าละม้ายคล้ายน้องเขยที่ตนไม่ค่อยชอบนัก เขามิได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อย เลือดเนื้อเชื้อไขของน้องสาวทั้งคน เขาอดรู้สึกสงสารระคนเอ็นดูไม่ได้ “ลุงไม่ได้ตอบจดหมายแต่รีบมาพบเจ้า อย่าน้อยใจไปเล่า”

“จดหมาย?” โม่เทียนฉินทวน “ไม่ทราบว่าพี่ภรรยาหมายถึงจดหมายอะไร”

“ท่านพ่อ” โม่ซือเฉินหันไปอธิบาย “ข้าเป็นห่วง ไม่อยากให้ท่านย่านั่งรถม้านาน ๆ เลยเขียนจดหมายไปขอฝึกที่จวนท่านลุงเองขอรับ”

“เสียมารยาท!” บิดาชี้หน้า ขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ “ไยทำอะไรไม่ปรึกษาผู้ใหญ่ หรือว่านี่เป็นความคิดพี่ใหญ่ของเจ้า”

โม่หรงอี้ไม่กลัวสักนิดหากต้องแบ่งโทษจากน้องชาย ทว่าสืบเท้าขึ้นหน้าได้เพียงก้าวเดียว โม่ซือเฉินกลับแย้งด้วยน้ำเสียงฉะฉาน “ท่านพ่อ หมอเคยบอกว่าท่านย่าไม่ควรนั่งรถม้านาน ๆ อาการมึนหัวจะกำเริบ จากนั้นก็จะอาเจียน ทรมานยิ่งนัก ข้าไม่กล้าปล่อยให้ท่านย่าตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเพื่อข้าหรอกขอรับ”

“เด็กโง่” โม่เหล่าฟูเหรินทั้งปวดใจ ทั้งยินดีที่หลายชายคำนึงถึงสุขภาพตน “อย่างไรการทำเช่นนั้นผิดมารยาทจริงเช่นท่านพ่อของเจ้าว่า พวกเราส่งเจ้ากับหรงอี้ไปรบกวน…”

เฮ่อเสียนตงปฏิเสธ “เหล่าฟูเหริน พวกเราสองตระกูลเกี่ยวดองกันมานาน เรื่องพิธีรีตองทั้งหลายอย่าได้ใส่ใจเลย เรื่องนี้ให้คิดเสียว่าเป็นความกตัญญูและปรารถนาดีของซือเฉิน สกุลเฮ่อกว้างขวางมีน้ำมีอาหารพร้อมสรรพ หลานชายสองคนข้าจะเลี้ยงไม่ไหวได้อย่างไร”

ผู้อื่นจงใจไม่ต่อความยาว ทั้งหญิงชราและแขกต่างยิ้มให้กันอย่างเข้าอกเข้าใจ โม่เทียนฉินกลับคิดว่าโม่ซือเฉินสมควรถูกลงโทษเพื่อไม่ให้เหิมเกริม ทำสิ่งใดไม่ปรึกษาจนเขาในฐานะบิดาต้องเสียหน้า

ไม่แน่ว่าเฮ่อเสียนตงอาจเข้าใจผิด คิดว่าเขาส่งบุตรชายไปขอร้องเพราะไม่กล้าสู้หน้า

คังโหวอ้าปาก “แต่ว่า-”

“เช่นนั้นขอท่านโหวโปรดรับของขวัญที่ท่านแม่เตรียมไว้ให้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” โม่กุ้ยหลันยิ้มบาง รีบดึงความสนใจมาที่ตนเมื่อเห็นพี่ชายหวิดทำลายบรรยากาศดี ๆ “จำได้ว่าโหวฟูเหรินชื่นชอบสุราหมักที่ข้าเคยฝากพี่สะใภ้ไปให้ ครั้งนี้หมักได้รสชาติเข้มข้น หวังว่าจะถูกใจ” กล่าวจบจึงหันไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมนำของไปให้บ่าวสกุลเฮ่อที่รออยู่หน้าประตูใหญ่

นอกจากสุราแล้ว ยังมีข้าวของอีกหลายอย่าง เรียกว่าสกุลโม่เตรียมพร้อมไว้อย่างดิบดี ด้านสกุลเฮ่อเองหาได้มามือเปล่าเช่นกัน พวกเขาให้คนยกของกำนัลเข้ามาในโถง แม้เป็นหีบไม้เล็ก ๆ เพียงสองหีบ ด้านในกลับเป็นของหายาก กระทั่งใบชาไม่กี่ชั่งที่มอบให้ยังเป็นชาเลื่องชื่อจากทางใต้

“เจ้ามองข้าตั้งแต่เมื่อครู่ มีอะไรอยากพูดหรือไม่”

ขณะคนอื่นกำลังติดพันอยู่ในวงสนทนา เด็กหนุ่มซึ่งถูกเรียกว่าคุณชายเหรินกลับจ้องหน้าโม่ซือเฉินพลางเอ่ยเสียงเบา

เด็กชายตีหน้าใสซื่อ เอ่ยถาม “ท่านเป็นสหายของพี่เหลียงเซินกับพี่เจียหยวน?”

“ข้ายังรู้จักกับพี่ชายเจ้าด้วย”

ชีวิตก่อนโม่หรงอี้ค่อนข้างไว้ใจคนผู้นี้ อย่างไรเสียมิอาจเผยพิรุธได้ “ท่านฝึกอยู่ที่สกุลเฮ่อ? เช่นนั้นต่อไปพวกเราคงได้ฝึกร่วมกัน”

คนฟังพยักหน้า “ตอนฝึกอยู่สกุลเฮ่อ นอกจากพวกพี่ชายของเจ้ากับข้าแล้วยังมีอีกหลายคน เลือกคบหาให้ดีเล่า”

“ท่านอาสอนว่าวิญญูชนควรมีน้ำใจไมตรีกับผู้อื่น ถ้าข้าดีกับทุกคนทุกคนย่อมดีต่อข้า ไม่เห็นต้องเลือกเลย”

“ช่างเป็นคำสอนที่เหมาะสมกับเด็กเสียจริง” คุณชายเหรินเลิกคิ้ว หัวเราะพลางหัวเราะในลำคอ

คนเติบโตในสถานที่เต็มไปด้วยอำนาจเช่นเขาถูกบีบให้ความคิดอ่านโตเกินวัย ยามเห็นความใสซื่อบริสุทธิ์จึงพานอยากถ่ายทอดความดำมืดของโลกใบนี้ให้อีกคนฟัง มิใช่เพราะเจตนาร้ายหรือหมายกลั่นแกล้ง แค่ไม่ต้องการให้น้องชายของสหายมองโลกในแง่จนถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบได้

วังหลวงเป็นสถานที่บ่มเพาะคนอันตราย จะเที่ยงธรรมหรือกลายเป็นทรราชในวันหน้าสามารถเป็นไปได้ทั้งสิ้น ในบรรดา‘พวกตน’ไม่มีใครปราศจากพิษหรือหนามแหลม 

“น้องรอง เจ้าคุยอะไรกับคุณชายเหรินหรือ”

“คุยเรื่องฝึกที่สกุลเฮ่อขอรับ…” ตอนนั้นเองหวังหย่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ประตูห้องโถงสบตานายของตนก่อนพยักหน้าเล็กน้อย

สีหน้าโม่ซือเฉินไม่แปรเปลี่ยน ภายในใจกลับยิ้มกริ่ม สามารถคาดเดาความคิดกับการกระทำของสตรีผู้นั้นได้แม่นยำ ถึงเหตุการณ์ที่ตนเขียนจดหมายรวมถึงท่านลุงมารับที่จวนไม่เคยเกิดในชีวิตก่อน ประเมินจากอุปนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็นของนายบ่าวเรือนหลังคู่นี้ ย่อมอยากสอดแนมความเป็นไปแน่นอน

เด็กชายเปล่งเสียงค่อนข้างดังตอนพูด ทำเอาคนอื่นต่างหันมามองเป็นตาเดียว 

“ซินเถา เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

สาวใช้ประจำตัวฟางอี๋เหนียงสะดุ้ง นางสู้อุตส่าห์ดีใจตอนพบว่าทางสะดวก ทั้งยังติดสินบนบ่าวด้านนอกเพื่อแอบฟังเงียบ ๆ อยู่แถวประตูห้องโถงซึ่งเปิดกว้าง

“พี่ซินเถา คุณชายรองบอกให้ท่านเข้าไปข้างใน” ตอนกำลังลนลานหวังหย่งกลับยื่นหน้ามาเรียกพร้อมกระตุกแขนเสื้อ

“ปล่อย ปล่อยข้า!” คนถูกจับได้กระซิบลอดไรฟัน ใคร่ทุบเจ้าเด็กนี่ให้น่วม

“มีอะไรหรือ?” โม่กุ้ยหลันขยับมาหาหลานชายทั้งสอง เป็นจังหวะเดียวกับหวังหย่งยื้อยุดจนซินเถาโผล่มาหน้าประตู

“ท่านอา ข้าเห็นซินเถามาด้อม ๆ มอง ๆ ข้างนอก บางทีฟางอี๋เหนียงอาจมีเรื่องสำคัญอยากแจ้งท่านพ่อ”

โม่ซือเฉินใช้ใบหน้ายิ้มแย้มของตนขุดหลุมให้ทั้งนายและบ่าวเป็นที่เรียบร้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   เหล่าองค์ชาย (2/2)

    บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (2/2)โม่หรงอี้เลิกคิ้วสูง “ท่านลุงมาอย่างนั้นหรือ?”บ่าวผู้นั้นตอบรับ สองพี่น้องจึงไม่รอช้า รีบไปพบคนสำคัญทันที“หวังหย่ง จำที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ได้หรือไม่” โม่ซือเฉินกวักมือเรียกคนสนิทมากระซิบถาม อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรู้งานเขาจึงวางใจ เด็กชายก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามหลังพี่ชาย ตั้งแต่ได้รับโอกาสใช้ชีวิตใหม่นี่นับเป็นการพบกันหนแรกระหว่างเขากับผู้เป็นลุงเจิ้งเป่าโหวเฮ่อเสียนตงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของมารดา ท่านลุงมีบุตรชายสองคนสมัยอายุยังน้อยท่านลุงมักถูกบรรดาคุณชายสกุลอื่นดูแคลนว่าเรียนหนังสือเขียนอ่านไม่เอาไหน ทว่าพอได้จับดาบง้างคันธนูกลับราศีจับ สมเป็นทายาทตระกูลทหาร ถึงอย่างนั้นเฮ่อเสียนตงหาใช่พวกใช้หมัดแก้ปัญหา นอกจากจงรักภักดีต่อเหนือหัวอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังรู้จักหนักเบา ไม่ชอบข้องแวะกับขั้วอำนาจต่าง ๆ ในราชสำนัก ทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ไม่ค่อยถูกขุนนางวาจาวิพากษ์วิจารณ์ภายในโถงเรือนหน้าซึ่งมีไว้รับแขก ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานหาใช่โม่เทียนฉินแต่เป็นโม่เหล่าฟูเหริน โม่ซือเฉินเห็นท่านอาของตนกับสาวใช้รุ่นใหญ่ช่วยประคองหญิงชรานั่งลง ดูเหมือนท่านย่าเองเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขา

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   เหล่าองค์ชาย (1/2)

    บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (1/2)หลังโม่เหล่าฟูเหรินลั่นวาจาในโถงจะเป็นผู้พาโม่ซือเฉินไปฝากฝังกับสกุลเฮ่อด้วยตนเอง โม่กุ้ยหลันได้เริ่มตระเตรียมของขวัญสำหรับมอบให้ฝ่ายนั้น ส่วนอาจารย์ซ่งไม่กล่าวคัดค้านอะไร ถึงเสียดายเพราะอยากมีเวลาถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์คนโปรดมากกว่านี้อีกสักนิด ทว่านอกจากยุทธวินัยซึ่งสมควรเรียนรู้เพื่อต่อยอดสู่การศึกษากลยุทธ์การศึก ด้านร่างกายยิ่งต้องรีบฝึกปรือให้คุ้นชินต่อความลำบาก หากฝึกตอนอายุมากแล้วต่อให้พึ่งพาพรสวรรค์อาจส่งผลให้พื้นฐานไม่มั่นคง กลายเป็นปัญหาภายหลังขุนศึกนามระบือหลายคนยังมีจุดอ่อน หาได้เชี่ยวชาญทุกแขนง หากโม่ซือเฉินได้รับโอกาสเพื่อขัดเกลาตนเองเร็วขึ้น นั่นย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี เส้นทางของเด็กชายจะเปิดกว้างขึ้น“อาจารย์ได้ยินว่าเจ้ามีใต้เท้าหยางกับบัณฑิตเก่งกาจหลายคนดูแลเรื่องการปกครองและจารีตธรรมเนียม เท่านี้ก็รู้สึกวางใจ”โม่ซือเฉินประสานมือ ทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม ไม่ว่าชีวิตไหนล้วนเป็นอาจารย์ซ่งสั่งสอนอบรมจึงมีความรู้กว้างขวาง ไม่อับอายใคร เวลานี้เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไม่อาจเก็บตัวอยู่ในจวนคังโหวจนอายุสิบห้าถึงเริ่มจับอาวุธ ดังน

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   สกุลเฮ่อ (2/2)

    บทที่สอง สกุลเฮ่อ (1/2)“สกุลไป๋แห่งตรอกอิ๋นซิ่ง…ตรอกอิ๋นซิ่ง” หวังหย่งพึมพำ ทวนสิ่งที่ได้ยิน “คิดว่าวันมะรืนคนส่งผักน่าจะมาที่จวน บ่าวจะสอบถามให้ท่านขอรับ”คนฟังพยักหน้า “หาโอกาสให้ดี อย่าให้ผู้อื่นได้ยิน”เขาไม่ปรารถนาให้ใครยุ่มย่ามโม่ซือเฉินหยิบเอาเหรียญกลมเจาะรูตรงกลางจากถุงใบเล็กที่ท่านอาเย็บให้เป็นของขวัญ มอบแก่คนสนิทหนึ่งเหรียญและสั่งให้มอบแก่คนส่งผัก “บอกเขาว่าให้คอยส่งข่าวสกุลไป๋แก่เจ้า ปิดปากให้สนิทด้วย ไม่อย่างนั้นงานง่าย ๆ รายได้ดีจะไม่มีให้ทำอีก”“ขอรับ”“จำไว้ว่าต่อจากนี้ไม่ต้องเสวนากับคนจากเรือนฟางอี๋เหนียง หากเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศไม่เป็นไร แต่นอกเหนือจากนั้นให้ตอบว่าไม่รู้สถานเดียว บอกคนอื่นในเรือนของเราด้วย”หวังหย่งรับคำแข็งขันคืนนั้นก่อนดับไฟเข้านอน คุณชายรองสกุลโม่นำทรัพย์สินของตนออกมานับ พบว่าเงินตราสำหรับซึ่งนำไปจับจ่ายนั้นมีไม่น้อย โดยเงินเก็บส่วนมากเป็นท่านย่ามอบให้ ส่วนของมีค่านอกจากเครื่องประดับหยกและเงินจำพวกปิ่นกับหยกสลักชิ้นเล็กสำหรับห้อยเอวก็ไม่มีอย่างอื่นอีก เครื่องประดับสูงค่าหลายชิ้นท่านอาเป็นผู้เก็บ รอกระทั่งเขาโตกว่านี้ถึงค่อยมอบให้เก็บรักษาด้วยต

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   สกุลเฮ่อ (1/2)

    บทที่สอง สกุลเฮ่อ (1/2)ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในเขตเรือนของฟางอี๋เหนียง เสียงคร่ำครวญเรียกชื่อพลางปลอบใจบุตรชายเพียงคนเดียวหลังฉากกั้นทำโม่ซือเฉินสะอิดสะเอียน เด็กชายกลอกตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ถัดจากหลังพี่ชาย ครั้นนึกได้ว่าท่าทางแบบนี้ไม่สมวัยสักเท่าไรจึงคิดเลื่อนมือมาประสานด้านหน้า ตอนนั้นเองบุรุษในเสื้อคลุมสีอ่อนดูหรูหราพลันก้าวเร็ว ๆ ผ่านพวกเขาไปสมทบกับอนุของตนหลังฉากกั้น ไม่แม้แต่จะหยุดทักทายทายาทจากภรรยาเอกอีกสองคนโม่ซือเฉินยิ้มเยาะในใจช่างเถิด จะระวังกิริยาไปไยในเมื่อมิมีผู้ใดใส่ใจ ขอแค่ระวังคำพูดหรือสีหน้ายามอยู่ต่อหน้าท่านย่ากับท่านอาก็พอ“เหวินเอ๋อร์ท่านพ่อของเจ้ามาแล้ว รีบบอกท่านพ่อเร็วเข้าว่าเจ็บที่ใดบ้าง” อนุคนโปรดสะอื้นกล่าว “โชคร้ายเหลือเกิน ไม่รู้กระทบกระเทือนศีรษะหรือไม่”คังโหวโม่เทียนฉินขมวดคิ้ว ตวาดถามบ่าวชาย “พวกเจ้าตามหมอหรือยัง”เป็นบุตรชายคนโตส่งเสียงตอบแทนว่าส่งคนไปเชิญหมอมาตรวจอาการแล้ว คงอยู่ระหว่างเดินทางม้าแคระตัวไม่สูง ตอนตกลงมาศีรษะมิทันกระแทกพื้นด้วยซ้ำ เนื่องจากคนสนิทเข้าช่วยเหลือทัน เพียงฝ่ามือถลอกเล็กน้อย สาเหตุที่โม่เหวินแหกปากเสียลั่นคงเพราะเสี

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   ไร้เดียงสา (2/2)

    บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (2/2)ภายใต้แสงจากเชิงเทียนข้างโต๊ะไม้ยาว เด็กชายนั่งหลังเหยียดตรงบนเบาะผ้า ปลายพู่กันขยับลงบนกระดาษ ลากติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ตัวอักษรค่อนข้างหวัดแต่น้ำหนักเส้นยังคงสม่ำเสมอโม่ซือเฉินมองดูชื่อของคนทั้งหลายที่เขาคุ้นเคย ไตร่ตรองว่าควรเริ่มขยับหมากตัวใดบนกระดานซึ่งถูกล้างใหม่ หมากตัวใดควรเก็บไว้ หมากตัวไหนควรทำลายตั้งแต่เนิ่น ๆฝันหนึ่งตื่นคือชั่วชีวิตยี่สิบสองปีที่เคยเกิดขึ้นจริงหลังฟื้นจากพิษไข้ คนแรกที่เขาไปคารวะเต็มพิธีคือท่านย่าจากนั้นตามด้วยท่านอา เวลานั้นคลับคล้ายตนเองยังสลัดความรู้สึกโศกเศร้าคับแค้นใจจากอีกชีวิตหนึ่งไม่พ้น เพราะความโง่เขลาถึงทำสกุลโม่เดือดร้อน เขาทราบเพียงว่านหมิงจวินเป็นผู้ลงดาบสังหารตนตามคำสั่งหวงตี้[1] ทว่าตระกูลของตนต้องประสบพบเจอความยากลำบากอะไรหลังความตายของตน เขามิอาจรับรู้ หากให้คาดเดาจากอุปนิสัยผู้ออกคำสั่ง คิดว่าคงรักษาหน้าและแสดงความอาทรเมตตา ลงโทษเด็กกับสตรีสถานเบาถึงเหล่าฟูเหริน[2]และโม่กุ้ยหลันไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหลานชาย ความรู้สึกผิดยังคงกัดกินจนยากมองหน้าพวกนาง หลังจากนั้นถึงเข้าไปสงบสติในหอบรรพชน ใครโน้มน้าวเช่นไร

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   ไร้เดียงสา (1/2)

    บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (1/2)“เฉินเกอ[1]เด็กดี”คนถูกเรียกว่าเด็กดีขมวดคิ้ว ฝืนใจยอมยืนนิ่งให้สาวใช้อีกสองคนช่วยกันเปลี่ยนชุดฤดูหนาวให้ตนเป็นชุดที่หก ทุกชุดล้วนมีขนสัตว์นุ่มนิ่มเย็บติดอยู่ตรงคอเสื้อ เพราะอยู่ในวัยกำลังโตจึงต้องลองสวมเครื่องนุ่งห่มที่ตัดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ตรงไหนหลวมหรือคับแน่นจะได้แก้ไข“ดูสิเจ้าคะ ตั้งแต่ล้มป่วยคราวก่อนคุณชายรองซูบลงไม่น้อย”ท่านอาของโม่ซือเฉินมีนามว่าโม่กุ้ยหลัน นางฟังคนสนิทกล่าวก่อนพยักหน้า “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เจ้าสั่งห้องครัวให้ทำน้ำแกงบำรุงทุกมื้อ ต้องเร่งบำรุงเฉินเกอให้ดี”ท่านอาเคยหมั้นหมายตอนอายุน้อยสองครั้ง ครั้งแรกกับคนที่รักใคร่ชอบพอทว่าไร้วาสนา คู่หมั้นจากไปก่อนวัยอันควร ครั้งที่สองเป็นสกุลโม่ขอถอนหมั้นเนื่องจากอีกฝ่ายประพฤติตัวลุ่มหลงในกาม เข้าออกหอนางโลมเสเพลเจ้าสำราญตั้งแต่อายุน้อย มองดูไร้อนาคต จากนั้นมาท่านอาก็ไม่สนใจผู้ใดอีก นางมุ่งมั่นทุ่มเทช่วยเลี้ยงดูอบรมบุตรชายสองคนของพี่ชายซึ่งกำพร้ามารดา สกุลโม่ขาดสะใภ้ โม่กุ้ยหลันต้องรับหน้าที่จัดการเรื่องจิปาถะในเรือนแทนมารดาที่แก่ตัวลงและไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเรื่องออกเรือนจึงถูกปัดตกในท้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status