Share

ไร้เดียงสา (1/2)

last update Last Updated: 2025-11-06 01:39:22

บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (1/2)

“เฉินเกอ[1]เด็กดี”

คนถูกเรียกว่าเด็กดีขมวดคิ้ว ฝืนใจยอมยืนนิ่งให้สาวใช้อีกสองคนช่วยกันเปลี่ยนชุดฤดูหนาวให้ตนเป็นชุดที่หก ทุกชุดล้วนมีขนสัตว์นุ่มนิ่มเย็บติดอยู่ตรงคอเสื้อ เพราะอยู่ในวัยกำลังโตจึงต้องลองสวมเครื่องนุ่งห่มที่ตัดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ตรงไหนหลวมหรือคับแน่นจะได้แก้ไข

“ดูสิเจ้าคะ ตั้งแต่ล้มป่วยคราวก่อนคุณชายรองซูบลงไม่น้อย”

ท่านอาของโม่ซือเฉินมีนามว่าโม่กุ้ยหลัน นางฟังคนสนิทกล่าวก่อนพยักหน้า “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เจ้าสั่งห้องครัวให้ทำน้ำแกงบำรุงทุกมื้อ ต้องเร่งบำรุงเฉินเกอให้ดี”

ท่านอาเคยหมั้นหมายตอนอายุน้อยสองครั้ง ครั้งแรกกับคนที่รักใคร่ชอบพอทว่าไร้วาสนา คู่หมั้นจากไปก่อนวัยอันควร ครั้งที่สองเป็นสกุลโม่ขอถอนหมั้นเนื่องจากอีกฝ่ายประพฤติตัวลุ่มหลงในกาม เข้าออกหอนางโลมเสเพลเจ้าสำราญตั้งแต่อายุน้อย มองดูไร้อนาคต จากนั้นมาท่านอาก็ไม่สนใจผู้ใดอีก นางมุ่งมั่นทุ่มเทช่วยเลี้ยงดูอบรมบุตรชายสองคนของพี่ชายซึ่งกำพร้ามารดา สกุลโม่ขาดสะใภ้ โม่กุ้ยหลันต้องรับหน้าที่จัดการเรื่องจิปาถะในเรือนแทนมารดาที่แก่ตัวลงและไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเรื่องออกเรือนจึงถูกปัดตกในท้ายที่สุด

“เมื่อวานพี่ใหญ่ของเจ้าส่งคนมาแจ้งว่าจะกลับวันนี้” นางเอ่ยขณะจัดแขนเสื้อให้หลานชาย “คิดว่าคงกลับมาทันมื้อกลางวัน”

อาหญิงจับข้อมืออวบขาวกับแก้มยุ้ยๆ ของเด็กชายวัยแปดขวบ ถึงเนื้อหนังบนกายซูบลงแต่แก้มกลับไม่ลดตาม เจ้าตัวมีสีหน้าเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายเมื่อถูกให้ลองสวมผ้าคลุมขนสัตว์อีกผืน ตอนนั้นเองมีเสียงเอะอะว่าคุณชายใหญ่กลับมาแล้ว ดวงตาเรียวยาวของโม่ซือเฉินพลันเปล่งประกาย รีบหมุนกายวิ่งปรูดไปยังประตู

โม่หรงอี้พี่ชายแท้ ๆ อายุห่างกันห้าปีของโม่ซือเฉินยืนฉีกยิ้มอยู่ตรงนั้น ดวงตาของคนแก่กว่าค่อย ๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นน้องชาย ภาพจำครั้งสุดท้ายของอีกฝ่ายหาได้ชวนตกใจเหมือนยามนี้

“ข้าไม่อยู่แค่สามเดือน ไฉนเจ้าถึงผ่ายผอมเยี่ยงนี้”

คุณชายรองแห่งสกุลโม่เคยเป็นเด็กชายตัวอวบขาวจ้ำม่ำ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ราวสองเดือนก่อนเขากลับล้มป่วยกะทันหัน ขณะมีไข้สูงอยู่สามคืนเต็มยังเอาแต่พึมพำถ้อยคำซึ่งไม่สามารถปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวได้ ล่วงเข้าสู่เช้าวันที่สี่ คุณชายรองทำคนแตกตื่นตกใจ ลุกจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่ ตรงไปเคาะประตูเรือนผู้เป็นย่า คารวะหญิงชราเต็มพิธีจนทำเอาคนในเรือนแตกตื่นกันยกใหญ่ ต่อมายังคารวะอาหญิง กอดนางแนบแน่นหนหนึ่ง จากนั้นจึงกินโจ๊กธัญพืชและดื่มน้ำแกงบำรุงกำลังเป็นมื้อเช้าแล้วเก็บตัวอยู่ในหอบรรพชนเพื่อสวดมนต์ อ้างว่าเป็นเพราะวิญญาณเหล่าบรรพชนสกุลโม่คุ้มครองจึงหายป่วย

โม่เทียนฉินผู้เป็นบิดาต้องไปเคาะประตูเรียกด้วยตนเองตอนยามไฮ่[2]ถึงยอมกลับไปพักผ่อนที่เรือน

เวลานั้นไม่มีใครเข้าใจสายตาอาวรณ์ลึกล้ำที่เด็กชายใช้มองผู้เป็นย่า

และอา บ่าวไพร่เห็นคุณชายรองขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียว ล้วนเข้าใจว่า

ร่างเล็กเพิ่งฟื้นไข้หลังนอนซมจึงมีสภาพเช่นนั้น

“พี่ใหญ่” โม่ซือเฉินควบคุมเสียงตนเองให้เป็นปกติ “ท่านกลับมาแล้ว”

คนฟังพยักหน้าพลางลูบศีรษะน้องชาย เขาคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงตัวสวย ขับให้รูปโฉมของหนุ่มน้อยสดใส ชวนมองเป็นพิเศษ

“พี่ใหญ่มีของเล่นมาฝากเจ้าด้วย”

กระบอกตาโม่ซือเฉินร้อนผ่าว จำต้องสะกดคลื่นอารมณ์อ่อนไหว เขาทราบว่าของเล่นที่อีกฝ่ายนำมาฝากนั้นเป็นอะไร เด็กน้อยยื่นมือสองข้างออกไปรอรับดาบไม้

“เป็นอย่างไร ชอบหรือไม่?” โม่หรงอี้หาได้เอะใจกับท่าทางเตรียมพร้อมของน้องชายสักนิด เร่งอธิบายคุณสมบัติเพราะเกรงคนรับจะปฏิเสธ “เจ้าอย่าได้คิดดูแคลนว่าเป็นเพียงของเล่นเชียว ดาบไม้เล่มนี้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ใช้ฝึกกำลังแขนก่อนใช้ของจริงได้ดี”

“ขอบคุณพี่ใหญ่” ปลายนิ้วโม่ซือเฉินลูบไล้ด้ามดาบไปมา สีหน้าแววตามีความจริงใจเต็มเปี่ยม “ข้าชอบมันมาก”

โม่กุ้ยหลันกับสาวใช้ที่เดินออกมารับหลานชายคนโตชะงัก แน่นอนว่าผู้ให้อย่างโม่หรงอี้เองนิ่งงันเช่นกัน

ใครในสกุลโม่ไม่รู้บ้างว่าคุณชายรองเอาแต่ใจและเรื่องมากเป็นที่หนึ่ง มักทำตัวไม่สมอายุ จุกจิก เอาใจยาก เผด็จการราวขุนนางเฒ่า หากของเล่นของฝากที่ได้รับไม่ถูกใจมักทิ้งขว้างหรือยกให้ผู้อื่นอย่างไม่รักษาน้ำใจผู้ให้

“เจ้าชอบมันจริง ๆ หรือ…” นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายใหญ่มอบของขวัญถูกใจน้องชาย เด็กชายหาได้ใส่ใจคำถาม กระตุกชายแขนเสื้อคนตรงหน้า

“พี่ใหญ่พาข้าไปลองดาบนี่เร็วเข้า” โม่หรงอี้ไม่ได้รับปากทันที เขาคารวะผู้เป็นอาทั้งยังไปคารวะท่านย่าตามธรรมเนียม อยู่ร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันเสียก่อนถึงพาโม่ซือเฉินไปเล่นสนุกตามคำขอ

ช่วงบ่ายวันนั้นหากผู้เป็นอาไม่มาตามหลานชายทั้งสองในสวนด้วยตนเอง เกรงว่าจะพากันเล่นเพลินจนมืดค่ำ คนเป็นพี่ชายตามอกตามใจไม่ห้ามปรามตามประสาคนใจดี

อายุที่ห่างกันห้าปีทำให้ประสบการณ์ของคุณชายใหญ่มีมากกว่า อีกทั้งปัจจุบันไปพักอยู่จวนแม่ทัพของท่านลุงเพื่อฝึกซ้อมร่วมกับเครือญาติฝั่งมารดา เรื่องราวความสนุกสนานประสาเด็กผู้ชายถึงถูกถ่ายทอดไม่รู้จบ

“ช่วงข้าไม่อยู่เจ้าต้องฝึกออกกำลังแขนให้มาก หาไม่ตอนไปฝึกที่จวนท่านลุงจะยกคันธนูไม่ขึ้น”

โม่ซือเฉินเคยบุกตะลุยสนามรบ เข่นฆ่าศัตรูด้วยอาวุธหลายชนิด ข้อนี้เขาย่อมทราบดี กระนั้นยังตอบรับคำสอนอย่างว่าง่าย

“ขอรับ ข้าจะฝึกซ้อมให้มาก”

“เมื่อเย็นข้าเห็นน้องสามป้วนเปี้ยนอยู่แถวศาลาริมสระบัว คงอยากมาเล่นกับเจ้าแต่ไม่กล้าเข้ามาเพราะข้าอยู่”

รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏบนริมฝีปากบางเพียงครู่เดียวก่อนเลือนหาย โม่หรงอี้ไม่ทันสังเกตสีหน้าน้องชาย ยังคงพูดถึงโม่เหวินหรือน้องสาม บุตรชายที่เกิดจากอนุของบิดาพวกเขาอีกสองสามคำ

“ช่างน้องสามเถิด พรุ่งนี้พี่ใหญ่พาข้าไปขี่ม้าได้หรือไม่”

“เอาสิ”

สองพี่น้องนอนกลิ้งไปบนฟูก สนทนาจนดึกดื่นกระทั่งโม่หรงอี้หลับไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า

เด็กน้อยค่อย ๆ ลืมตา คลานลงจากเตียงทางฝั่งปลายเท้า ช่วยขยับและเหน็บผ้าห่มไม่ให้ความเย็นกล้ำกรายคนกำลังฝันดี นัยน์ตาดำขลับทอดสายตา จ้องมองร่างของโม่หรงอี้อยู่เนิ่นนานหลายอึดใจ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าพี่ชายซึ่งเกิดจากมารดาเดียวกันต้องประสบพบเจอเรื่องร้ายจนไม่อาจเดินเหินด้วยขาสองข้าง จากเด็กหนุ่มรูปงาม อนาคตยาวไกล ถูกวางตัวสืบทอดตำแหน่งโหวซื่อจื่อ[3]กลายเป็นผู้พิการ ท้ายสุดโม่หรงอี้จะจากไปด้วยอาการตรอมใจ

“ข้าจะปกป้องท่านให้ดี”

เทียนไขบนเชิงเทียนถูกดับ เด็กชายเปิดและปิดบานประตูห้องด้วยความระมัดระวัง

ตั้งแต่ฟื้นจากอาการป่วยโม่ซือเฉินกลายเป็นคนชอบนอนลำพัง จากเคยมีสาวใช้นอนเฝ้าหน้าเตียงเขาได้ขออาหญิงนอนคนเดียว คืนนี้เองไม่มีข้อยกเว้น เขาเลือกไม่นอนค้างเรือนพี่ชายเพราะเกรงว่าตนอาจเผลอละเมอกล่าวบางสิ่งซึ่งไม่สมควรออกมายามอยู่ในห้วงนิทรา

“หวังหย่ง กลับเรือน”

คนสนิทผงกศีรษะ เตรียมยกโคมเดินนำ ทว่ามีบางอย่างยื่นมาตรงหน้าเสียก่อน

“พี่ใหญ่ซื้อมาฝาก นี่แบ่งให้เจ้า”

น้ำตาลกวนหลายชิ้นในห่อกระดาษไขดูสวยงาม ต่อให้อายุมากกว่าหนึ่งปีทั้งยังถูกอบรมให้สำรวมต่อหน้าเจ้านายก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เมื่อได้ขนมย่อมดีใจเป็นธรรมดา

โม่ซือเฉินแหงนมองท้องฟ้ายามขณะหวังหย่งเก็บน้ำตาลกวนใส่สาบเสื้อพลางเอ่ยขอบคุณซ้ำหลายหน

ดวงดาวพร่างพราวตระการตา ไร้หมู่เมฆบดบัง

ใบหน้า น้ำเสียง เหตุการณ์นับไม่ถ้วนไหลทวนสู่ความทรงจำ เด่นชัดราวกับไม่ใช่เพียงภาพมายาสะเปะสะปะอันเกิดจากพิษไข้ เวลาสองเดือนก่อนโม่หรงอี้กลับมาเขาได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดหาใช่ความฝัน หลายสิ่งเป็นไปตามนั้นไม่ผิดเพี้ยน เพียงแค่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าตนฝันเห็นอนาคตข้างหน้าหรือเป็นวิญญาณซึ่งย้อนเวลากลับมากันแน่

หวังหย่งกระชับโคมในมือ เห็นผู้เป็นนายเอามือไพล่หลังเหม่อมองฟ้า กิริยาละม้ายคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงไม่กล้าขัด รอกระทั่งเด็กชายละสายตาแล้วถอนใจถึงเรียกเบาๆ “คุณชาย…”

“อืม ไปกันเถอะ”

สองร่างพากันเดินกลับเรือน เงาบนทางเดินค่อยๆ ห่างออกไป

ผู้ที่ดีกับตน…

ผู้ที่คิดหักหลัง…

ไม่ว่าดีหรือเลวโม่ซือเฉินจะตอบแทนและเอาคืนอย่างสาสม

- - - - - - - - - - -

เชิงอรรถ

[1] เกอ คำลงท้าย ใช้สำหรับเรียกเด็กผู้ชาย

[2] ยามไฮ่ ช่วงเวลาประมาณ 21.00-22.59 น.

[3] โหว หนึ่งในบรรดาศักดิ์ของขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จีนสมัยโบราณ จากบรรดาศักดิ์ทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่ กง โหว ป๋อ จือ หนาน ทั้งหมดมีศักดิ์ต่ำกว่าบรรดาศักดิ์ หวัง หรือ อ๋อง ซึ่งมอบให้เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ส่วนซื่อจื่อคือคำเรียกผู้สืบทอดตำแหน่ง

รายชื่อลูกหลานสกุลโม่

โม่หรงอี้/ คุณชายใหญ่ เกิดจากภรรยาเอก

โม่ซือเฉิน/ คุณชายรอง เกิดจากภรรยาเอก (พระเอก)

โม่เหวิน/ คุณชายสาม เกิดจากอนุ

โม่หลิงจู/ คุณหนูโม่ เกิดจากอนุ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   เหล่าองค์ชาย (2/2)

    บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (2/2)โม่หรงอี้เลิกคิ้วสูง “ท่านลุงมาอย่างนั้นหรือ?”บ่าวผู้นั้นตอบรับ สองพี่น้องจึงไม่รอช้า รีบไปพบคนสำคัญทันที“หวังหย่ง จำที่ข้าเคยสั่งเอาไว้ได้หรือไม่” โม่ซือเฉินกวักมือเรียกคนสนิทมากระซิบถาม อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรู้งานเขาจึงวางใจ เด็กชายก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามหลังพี่ชาย ตั้งแต่ได้รับโอกาสใช้ชีวิตใหม่นี่นับเป็นการพบกันหนแรกระหว่างเขากับผู้เป็นลุงเจิ้งเป่าโหวเฮ่อเสียนตงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของมารดา ท่านลุงมีบุตรชายสองคนสมัยอายุยังน้อยท่านลุงมักถูกบรรดาคุณชายสกุลอื่นดูแคลนว่าเรียนหนังสือเขียนอ่านไม่เอาไหน ทว่าพอได้จับดาบง้างคันธนูกลับราศีจับ สมเป็นทายาทตระกูลทหาร ถึงอย่างนั้นเฮ่อเสียนตงหาใช่พวกใช้หมัดแก้ปัญหา นอกจากจงรักภักดีต่อเหนือหัวอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังรู้จักหนักเบา ไม่ชอบข้องแวะกับขั้วอำนาจต่าง ๆ ในราชสำนัก ทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้ไม่ค่อยถูกขุนนางวาจาวิพากษ์วิจารณ์ภายในโถงเรือนหน้าซึ่งมีไว้รับแขก ผู้ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานหาใช่โม่เทียนฉินแต่เป็นโม่เหล่าฟูเหริน โม่ซือเฉินเห็นท่านอาของตนกับสาวใช้รุ่นใหญ่ช่วยประคองหญิงชรานั่งลง ดูเหมือนท่านย่าเองเพิ่งมาถึงก่อนหน้าเขา

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   เหล่าองค์ชาย (1/2)

    บทที่สาม เหล่าองค์ชาย (1/2)หลังโม่เหล่าฟูเหรินลั่นวาจาในโถงจะเป็นผู้พาโม่ซือเฉินไปฝากฝังกับสกุลเฮ่อด้วยตนเอง โม่กุ้ยหลันได้เริ่มตระเตรียมของขวัญสำหรับมอบให้ฝ่ายนั้น ส่วนอาจารย์ซ่งไม่กล่าวคัดค้านอะไร ถึงเสียดายเพราะอยากมีเวลาถ่ายทอดความรู้ให้ศิษย์คนโปรดมากกว่านี้อีกสักนิด ทว่านอกจากยุทธวินัยซึ่งสมควรเรียนรู้เพื่อต่อยอดสู่การศึกษากลยุทธ์การศึก ด้านร่างกายยิ่งต้องรีบฝึกปรือให้คุ้นชินต่อความลำบาก หากฝึกตอนอายุมากแล้วต่อให้พึ่งพาพรสวรรค์อาจส่งผลให้พื้นฐานไม่มั่นคง กลายเป็นปัญหาภายหลังขุนศึกนามระบือหลายคนยังมีจุดอ่อน หาได้เชี่ยวชาญทุกแขนง หากโม่ซือเฉินได้รับโอกาสเพื่อขัดเกลาตนเองเร็วขึ้น นั่นย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี เส้นทางของเด็กชายจะเปิดกว้างขึ้น“อาจารย์ได้ยินว่าเจ้ามีใต้เท้าหยางกับบัณฑิตเก่งกาจหลายคนดูแลเรื่องการปกครองและจารีตธรรมเนียม เท่านี้ก็รู้สึกวางใจ”โม่ซือเฉินประสานมือ ทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยความนอบน้อม ไม่ว่าชีวิตไหนล้วนเป็นอาจารย์ซ่งสั่งสอนอบรมจึงมีความรู้กว้างขวาง ไม่อับอายใคร เวลานี้เขาจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไม่อาจเก็บตัวอยู่ในจวนคังโหวจนอายุสิบห้าถึงเริ่มจับอาวุธ ดังน

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   สกุลเฮ่อ (2/2)

    บทที่สอง สกุลเฮ่อ (1/2)“สกุลไป๋แห่งตรอกอิ๋นซิ่ง…ตรอกอิ๋นซิ่ง” หวังหย่งพึมพำ ทวนสิ่งที่ได้ยิน “คิดว่าวันมะรืนคนส่งผักน่าจะมาที่จวน บ่าวจะสอบถามให้ท่านขอรับ”คนฟังพยักหน้า “หาโอกาสให้ดี อย่าให้ผู้อื่นได้ยิน”เขาไม่ปรารถนาให้ใครยุ่มย่ามโม่ซือเฉินหยิบเอาเหรียญกลมเจาะรูตรงกลางจากถุงใบเล็กที่ท่านอาเย็บให้เป็นของขวัญ มอบแก่คนสนิทหนึ่งเหรียญและสั่งให้มอบแก่คนส่งผัก “บอกเขาว่าให้คอยส่งข่าวสกุลไป๋แก่เจ้า ปิดปากให้สนิทด้วย ไม่อย่างนั้นงานง่าย ๆ รายได้ดีจะไม่มีให้ทำอีก”“ขอรับ”“จำไว้ว่าต่อจากนี้ไม่ต้องเสวนากับคนจากเรือนฟางอี๋เหนียง หากเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศไม่เป็นไร แต่นอกเหนือจากนั้นให้ตอบว่าไม่รู้สถานเดียว บอกคนอื่นในเรือนของเราด้วย”หวังหย่งรับคำแข็งขันคืนนั้นก่อนดับไฟเข้านอน คุณชายรองสกุลโม่นำทรัพย์สินของตนออกมานับ พบว่าเงินตราสำหรับซึ่งนำไปจับจ่ายนั้นมีไม่น้อย โดยเงินเก็บส่วนมากเป็นท่านย่ามอบให้ ส่วนของมีค่านอกจากเครื่องประดับหยกและเงินจำพวกปิ่นกับหยกสลักชิ้นเล็กสำหรับห้อยเอวก็ไม่มีอย่างอื่นอีก เครื่องประดับสูงค่าหลายชิ้นท่านอาเป็นผู้เก็บ รอกระทั่งเขาโตกว่านี้ถึงค่อยมอบให้เก็บรักษาด้วยต

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   สกุลเฮ่อ (1/2)

    บทที่สอง สกุลเฮ่อ (1/2)ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในเขตเรือนของฟางอี๋เหนียง เสียงคร่ำครวญเรียกชื่อพลางปลอบใจบุตรชายเพียงคนเดียวหลังฉากกั้นทำโม่ซือเฉินสะอิดสะเอียน เด็กชายกลอกตา ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ถัดจากหลังพี่ชาย ครั้นนึกได้ว่าท่าทางแบบนี้ไม่สมวัยสักเท่าไรจึงคิดเลื่อนมือมาประสานด้านหน้า ตอนนั้นเองบุรุษในเสื้อคลุมสีอ่อนดูหรูหราพลันก้าวเร็ว ๆ ผ่านพวกเขาไปสมทบกับอนุของตนหลังฉากกั้น ไม่แม้แต่จะหยุดทักทายทายาทจากภรรยาเอกอีกสองคนโม่ซือเฉินยิ้มเยาะในใจช่างเถิด จะระวังกิริยาไปไยในเมื่อมิมีผู้ใดใส่ใจ ขอแค่ระวังคำพูดหรือสีหน้ายามอยู่ต่อหน้าท่านย่ากับท่านอาก็พอ“เหวินเอ๋อร์ท่านพ่อของเจ้ามาแล้ว รีบบอกท่านพ่อเร็วเข้าว่าเจ็บที่ใดบ้าง” อนุคนโปรดสะอื้นกล่าว “โชคร้ายเหลือเกิน ไม่รู้กระทบกระเทือนศีรษะหรือไม่”คังโหวโม่เทียนฉินขมวดคิ้ว ตวาดถามบ่าวชาย “พวกเจ้าตามหมอหรือยัง”เป็นบุตรชายคนโตส่งเสียงตอบแทนว่าส่งคนไปเชิญหมอมาตรวจอาการแล้ว คงอยู่ระหว่างเดินทางม้าแคระตัวไม่สูง ตอนตกลงมาศีรษะมิทันกระแทกพื้นด้วยซ้ำ เนื่องจากคนสนิทเข้าช่วยเหลือทัน เพียงฝ่ามือถลอกเล็กน้อย สาเหตุที่โม่เหวินแหกปากเสียลั่นคงเพราะเสี

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   ไร้เดียงสา (2/2)

    บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (2/2)ภายใต้แสงจากเชิงเทียนข้างโต๊ะไม้ยาว เด็กชายนั่งหลังเหยียดตรงบนเบาะผ้า ปลายพู่กันขยับลงบนกระดาษ ลากติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ตัวอักษรค่อนข้างหวัดแต่น้ำหนักเส้นยังคงสม่ำเสมอโม่ซือเฉินมองดูชื่อของคนทั้งหลายที่เขาคุ้นเคย ไตร่ตรองว่าควรเริ่มขยับหมากตัวใดบนกระดานซึ่งถูกล้างใหม่ หมากตัวใดควรเก็บไว้ หมากตัวไหนควรทำลายตั้งแต่เนิ่น ๆฝันหนึ่งตื่นคือชั่วชีวิตยี่สิบสองปีที่เคยเกิดขึ้นจริงหลังฟื้นจากพิษไข้ คนแรกที่เขาไปคารวะเต็มพิธีคือท่านย่าจากนั้นตามด้วยท่านอา เวลานั้นคลับคล้ายตนเองยังสลัดความรู้สึกโศกเศร้าคับแค้นใจจากอีกชีวิตหนึ่งไม่พ้น เพราะความโง่เขลาถึงทำสกุลโม่เดือดร้อน เขาทราบเพียงว่านหมิงจวินเป็นผู้ลงดาบสังหารตนตามคำสั่งหวงตี้[1] ทว่าตระกูลของตนต้องประสบพบเจอความยากลำบากอะไรหลังความตายของตน เขามิอาจรับรู้ หากให้คาดเดาจากอุปนิสัยผู้ออกคำสั่ง คิดว่าคงรักษาหน้าและแสดงความอาทรเมตตา ลงโทษเด็กกับสตรีสถานเบาถึงเหล่าฟูเหริน[2]และโม่กุ้ยหลันไม่ทราบว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับหลานชาย ความรู้สึกผิดยังคงกัดกินจนยากมองหน้าพวกนาง หลังจากนั้นถึงเข้าไปสงบสติในหอบรรพชน ใครโน้มน้าวเช่นไร

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   ไร้เดียงสา (1/2)

    บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (1/2)“เฉินเกอ[1]เด็กดี”คนถูกเรียกว่าเด็กดีขมวดคิ้ว ฝืนใจยอมยืนนิ่งให้สาวใช้อีกสองคนช่วยกันเปลี่ยนชุดฤดูหนาวให้ตนเป็นชุดที่หก ทุกชุดล้วนมีขนสัตว์นุ่มนิ่มเย็บติดอยู่ตรงคอเสื้อ เพราะอยู่ในวัยกำลังโตจึงต้องลองสวมเครื่องนุ่งห่มที่ตัดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ตรงไหนหลวมหรือคับแน่นจะได้แก้ไข“ดูสิเจ้าคะ ตั้งแต่ล้มป่วยคราวก่อนคุณชายรองซูบลงไม่น้อย”ท่านอาของโม่ซือเฉินมีนามว่าโม่กุ้ยหลัน นางฟังคนสนิทกล่าวก่อนพยักหน้า “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เจ้าสั่งห้องครัวให้ทำน้ำแกงบำรุงทุกมื้อ ต้องเร่งบำรุงเฉินเกอให้ดี”ท่านอาเคยหมั้นหมายตอนอายุน้อยสองครั้ง ครั้งแรกกับคนที่รักใคร่ชอบพอทว่าไร้วาสนา คู่หมั้นจากไปก่อนวัยอันควร ครั้งที่สองเป็นสกุลโม่ขอถอนหมั้นเนื่องจากอีกฝ่ายประพฤติตัวลุ่มหลงในกาม เข้าออกหอนางโลมเสเพลเจ้าสำราญตั้งแต่อายุน้อย มองดูไร้อนาคต จากนั้นมาท่านอาก็ไม่สนใจผู้ใดอีก นางมุ่งมั่นทุ่มเทช่วยเลี้ยงดูอบรมบุตรชายสองคนของพี่ชายซึ่งกำพร้ามารดา สกุลโม่ขาดสะใภ้ โม่กุ้ยหลันต้องรับหน้าที่จัดการเรื่องจิปาถะในเรือนแทนมารดาที่แก่ตัวลงและไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเรื่องออกเรือนจึงถูกปัดตกในท้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status