แม่ชีแห่งโชคชะตากำจดหมายไว้มืออันสั่นเทาของเธอ เธอกัดฟันกรอดและกล่าวกับออโรร่า “ท่านเจ้าสำนักศิษย์พี่ นี่คือความระยำที่แดร์ริลได้กระทำ! เขาล่วงละเมิดน้องสะใภ้ของตัวเอง จนทำให้เธอต้องหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ในความอับอาย!”แม่ชีแห่งโชคชะตามีจิตสังหารอันแข็งกร้าว “แดร์ริลควรถูกกำจัดให้สิ้นซากสำหรับสิ่งที่เขาทำ!”ฟลอเรียนตกใจเมื่อได้ยินคำตอบของแม่ชีแห่งโชคชะตา เขาจ้องไปที่ออโรร่าอย่างโหวงเหวง‘ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ท่านแม่ชีแห่งโชคชะตา... คือเจ้าสำนักง้อไบ๊งั้นเหรอ?’ฟลอเรียนและยูมิสบสายตากัน พวกเขาตกใจเกินกว่าจะพูดอะไรออกมามีข่าวลือหนาหูว่าเจ้าสำนักแห่งสำนักง้อไบ๊เป็นคนมีหน้าตางดงามเธอดูสวยกว่าที่พวกเขาเคยคาดคิดไว้เสียอีก!ฟลอเรียนรู้สึกประทับใจอย่างชอบพอ เขากลืนน้ำลายเฮือกใหญ่หากเขาได้ร่วมหลับนอนกับออโรร่าผู้งดงามคนนี้สักครั้ง เขาก็จะไม่เสียใจเลยแม้แต้น้อยต่อให้เขาต้องสิ้นชีพมลายไป!…อีกด้านหนึ่งในโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมืองตงไห่แดร์ริลนั่งอยู่ตรงม้านั่งด้านนอกห้องผ่าตัด เขารู้สึกหัวใจแตกสลายร้อนรนที่ไม่รับรู้ถึงอาการของโมนิก้าเอี๊ยด...เมื่อเขามาถึงจุดแตกหัก ประตูห้องผ่
เธอเจตตนาดี?แดร์ริลกำหมัดแน่นขึ้นกว่าเดิม! ดวงตาของเขาแดงเถือกด้วยความโกรธแค้น!“เอาล่ะ เอาล่ะ ดูนายสิ ฉุนเฉียวอะไรขนาดนี้ ฉัน... ฉันหิวข้าวแล้ว” โมนิก้ากล่าวเบา ๆเธอนอนหลับไม่ค่อยสนิทในช่วงเวลาที่เธออยู่ในสวนซ่อนเร้น หลังการผ่าตัดจบลงเธอรู้สึกอ่อนเพลียและหิวกระหาย“ผมจะไปซื้อโจ๊ก... เดี๋ยวผมจะไปเลย” แดร์ริลรีบลุกขึ้นยืนและสวมเสื้อโค้ทอย่างร้อนรน “ที่รัก รออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”ม๊วฟ!โมนิก้าหน้าแดงในทันทีมองแผ่นหลังแดร์ริลรีบวิ่งออกไป ทำให้เธอรู้สึกมีความสุข…อีกทางด้านหนึ่งแดร์ริลรีบโบกรถแท็กซี่ด้านนอกของโรงพยาบาลและมุ่งตรงไปที่ชายหาดมีแผงขายโจ๊กที่ชายหาดตงไห่ซึ่งเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แดร์ริลและผองเพื่อนมักจะแวะเวียนไปกินอยู่บ่อยครั้งเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กวัยรุ่นและออกไปเที่ยวเล่นสนุกในยามค่ำคืน โจ๊กร้านนี้คือตัวเลือกอันดับหนึ่งของพวกเขาสำหรับอาหารมื้อเย็นอาหารจานเด็ดของทางร้านคือโจ๊กทะเลเดือดกุ้งและปูเขาจดจำได้คร่าว ๆ ว่าอาหารจานนี้ราคาประมาณสองร้อย มันอร่อยเลิศรสและเขามั่นใจว่าโมนิก้าจะต้องหลงรักมันอย่างแน่นอนแดร์ริลมองออกไปนอกหน้าต่างเพ
ซวย!แดร์ริลตกตะลึงเมื่อเห็นแส้พุ่งลงมาใส่เขา!นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? หญิงสาวตัวแค่นี้ในวัยยี่สิบต้น ๆอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นสองแล้ว?ถูกต้องแล้ว! เธอนั้นอยู่ในระดับปราญชญ์ยุทธขั้นสอง!แดร์ริลรู้สึกงุนงง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหนาสาหัสในการไปถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสี่และได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นสอง!แดร์ริลคิดว่าเขาอาจจะมองผิดไป เขารีบหลบแส้และกล่าวกับไอรีน “สวยน้อย ฉันจำไม่ได้ว่ามีความบาดหมางอะไรระหว่างเรา ทำไมทำแบบนี้?”เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน! การสะบัดแส้ก่อนหน้านี้มีเป้าหมายเพื่อสังหารเขา หากเขาไม่ว่องไวมากพอที่จะหลีกเลี่ยงได้ เขาคงชะตาขาดไปแล้ว!“ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่นายจะต้องรู้ นายควรจะรู้ไว้เพียงแค่ว่าปีหน้า ในวันนี้คือวันครบรอบวันตายของนาย!” ไอรีนกล่าวอย่างเย็นชาและเธอก็สะบัดแส้โจมตีอีกครั้งเปรี้ยะ!มันรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก!“ไม่เอาหน่า คนสวย บอกฉันมาเถอะ ทำไมเธอถึงอยากฆ่าฉัน?” แดร์ริลถอนหายใจยาวไอรีนไม่ได้ล้อเล่นอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เธอสะบัดแส้โจมตี
”เธอคือใคร? ทำไมเธอถึงต้องมาฆ่าฉัน?” แดร์ริลมองไปที่เทพธิดาตัวน้อยและกล่าวซ้ำอย่างเย็นชา “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามาลองดีกับฉัน!”เขากดดาบกลืนโลหิตไปที่คอของเทพธิดาตัวน้อย!ไอรีนเหลือบมองไปที่ดาบกลืนโลหิต ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความหวาดกลัว “เร็วสิ! ฆ่าฉันเลย! ฉันจะบอกอะไรให้ นายคงจะไม่ได้พบกับความสงบสุขอีกหลังจากที่นายฆ่าฉัน นายจะกลายเป็นที่หมายหัวของใครหลายคน”เฮ่อ...แดร์ริลจ้องไปที่หญิงสาวผู้ไม่ยอมอ่อนข้อ“เร็วเข้าสิ ปล่อยฉันไปสักที” ไอรีนกล่าวอย่างเย็นชา แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจุดตรึงไว้อยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับคนถูกจับแดร์ริลหัวเราะคิกคัก “เธอถ่อมาที่นี่เพื่อจะฆ่าฉัน แต่เธอก็ยังมาขอให้ฉันเมตตาปล่อยตัวเธอไปงั้นเหรอ? เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้รึไง? เอาล่ะ ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่บอกฉันมาว่าเรามีเรื่องบาดหมางอะไรกันถึงขนาดที่เธอจะต้องมาฆ่าฉัน ฉันจะปล่อยเธอไปถ้าเธอพูดออกมา”“ไม่มีทาง” สามคำสั้น ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอซวย!แดร์ริลหมดความอดทนจนปรอทแตก เขายกตัวเทพธิดาตัวน้อยขึ้นแล้ววางเธอลงบนพื้นในท่านั่ง“นี่นายกำลังจะทำอะไร? ไปให้พ้น! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” เทพธิดา
ไอรีนหน้าแดงก่ำ ในพระราชวังฟูเหยา พวกผู้ชายคือทาส เธอไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะต้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากผู้ชาย หลังจากที่ไอรีนแสดงท่าทียอมแพ้ แดร์ริลก็หยุดและพูดด้วยรอยยิ้ม “บอกฉันมาได้แล้วว่าเธอเป็นใคร?” ใบหน้าของไอรีนยังคงแดงก่ำ เธอรู้สึกละอายใจและโกรธแค้น “ฉัน…ฉันคือเทพธิดาจากพระราชวังฟูเหยา” เธอกล่าว พระราชวังฟูเหยา? แดร์ริลตกตะลึง 'อะไรคือพระราชวังฟูเหยา? ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอโกรธแค้นเหรอ?' ในขณะที่กำลังประมวลผลความคิดในใจ แดร์ริลก็จ้องไปที่ไอรีน "เธอมาจากพระราชวังฟูเหยาเพื่อต้องการที่จะฆ่าฉัน ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอ?" “เป็นเพราะ ลีรอย เฮนเดอร์สัน… ลีรอยขอร้องให้เราฆ่านาย” เทพธิดาตัวน้อยไม่มีทางเลือก เธอไม่สามารถเก็บความลับได้อีกต่อไป เธอรู้ว่าเธอจะต้องโดนทำร้ายอีกครั้งถ้าหากว่าเธอไม่พูดความจริง แดร์ริลอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าลีรอยจะหนีไปได้ "นาย…ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!" เทพธิดาตัวน้อยตะโกนด้วยท่าทางเป็นกังวล ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เพราะความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ แดร์ริลจึงไม่สังเกตุเห็นใบหน้าของเธอ “เธอมาที่นี่เพื่อฆ่าฉัน! เธอคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?” แดร์ริลหัวเ
“เฮ้ นายได้ยินไหม? เร็วเข้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” หยาดเหงื่อชั้นบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเทพธิดาตัวน้อย เหล่าทัพจากโลกใหม่อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาต้องรีบหนี ก่อนที่แดร์ริลจะเริ่มคลายจุดสะกดให้ไอรีน ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าหาพวกเขาเสียแล้ว พวกเขาเร็วเกินไป พวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าของแดร์ริลในชั่วพริบตา! ชายวัยกลางคนร่างผอมบางสองคนในวัยสี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งนุ่งห่มขาว ส่วนอีกคนนุ่งห่มสีดำ เมื่อมองแวบแรกพวกเขาดูราวกับเทพเจ้าเฮดีส แดร์ริลตกตะลึงในความแข็งแกร่งของชายสองคนนี้ พวกเขาคือปราชญ์ยุทธขั้นห้า! เ**ยเอ้ย! ปราชญ์ยุทธขั้นห้า! แดร์ริลตกใจมาก แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่า มีผู้บ่มเพาะเกิดขึ้นหลายคนในโลกใหม่ และมักจะมีนักรบก้าวข้ามมาอยู่เสมอ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสองคนที่บุกเข้ามาจะมีปราชญ์ยุทธขั้นสูงเช่นนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากชายสองคนนั้นเพียงแค่ก้าวเดียว! ชายนุ่งห่มขาวและชายนุ่งห่มดำสำรวจแดร์ริลด้วยใบหน้าที่เย็นชา ทั้งสองคนคือ อัศวินม้าดำและอัศวินม้าขาวที่มีชื่อเสียง! เมื่อทั้งสองรวมตัวกัน แม้แต่จักรพรรดิยุทธิก็ยังต้องพ่ายให้แก่พวกเขา! ฟึบ! ก่อนที่แดร์ริลจะฟื้นคืนสติ อัศวินม้าดำ
สโลนสัมผัสได้ทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น อยู่ในปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่ ในขณะที่หญิงผู้นั้นอยู่ในปราชญ์ยุทธขั้นสอง พวกเขาไม่ใช่แค่คนธรรมดาในจักรวาลโลก แดร์ริลกลืนน้ำลายเพื่อต้องการให้จิตใจของเขาสงบลง แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไร้เดียงสา เพราะถ้าหากเขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะ เขาคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไปอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองโลกต่างก็เป็นศัตรูกัน เมื่อหนึ่งคนในจักรวาลโลกตายก็ถือว่าเป็นชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับโลกใหม่แล้ว "ผม..." แดร์ริลเกาหัวและหาข้อแก้ตัวอย่างชาญฉลาด "ผมเป็นนักธุรกิจและเปิดบริษัทเล็ก ๆ อยู่ในเมืองตงไห่" “นักธุรกิจเหรอ? แกโกหก” ริมฝีปากสีแดงของสโลนขยับเล็กน้อย ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งผ่านลมหายใจของเธอออกมาทันที! แดร์ริลรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อสายตาของเธอมองมายังเขา “ผมไม่ได้โกหก...” แดร์ริลกล่าว “ผมซื้อโอสถวิญญาณด้วยเงินทั้งหมดที่ผมหามาได้ ดังนั้นผมจึงเป็นปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่!” เหงื่อไหลท่วมตัวแดร์ริลหลังจากที่เขาเอ่ยออกไป ความแข็งแกร่งของแม่ทัพหญิงนั้นช่างยากที่จะหยั่งถึงจริง ๆ! เขาเดาว่าเธอสามารถจบชีวิตของเขาลงตรงนี้ได้เพ
“แกกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง” สายตาของสโลนจับจ้องไปที่แดร์ริล ราวกับว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงมากกว่าสิบองศา! ออร่าสังหารเฉิดฉายในดวงตาของเธอ สโลนจ้องมองแดร์ริลและเทพธิดาตัวน้อยอย่างเย็นชา "จัดการสองคนนี้และสับพวกมันเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนทิ้งลงทะเลไปซะ" ชายปากกล้าผู้นี้กล้าพูดเรื่องน่าขบขันกับเธอได้ยังไง? เขาคงจะใช้ชีวิตนานเกินพอแล้ว! อัศวินม้าดำ อัศวินม้าขาวพุ่งเข้ามาพร้อมดาบยาวในมือของพวกเขา พวกเขาพร้อมที่จะฆ่าแดร์ริล! แดร์ริลตกใจและตกตะลึง เวรแล้วไง! สโลนต้องการที่จะฆ่าเขาเพียงเพราะเรื่องตลกที่เขากล่าวกับเธอ แล้วเขาจะไปขอความเมตตาจากใครได้อีก? “ท่านแม่ทัพหญิงสโลน หยุดก่อน” น้ำเสียงที่เป็นกังวลดังขึ้น จากนั้น ใครบางคนก็เดินออกมาจากห้องโดยสารบนเรืออย่างรวดเร็ว มันคือประมุขนิกายจ้าวสวรรค์! แดร์ริลตกใจมากเมื่อเขาเห็นประมุขนิกายที่นี่! เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าประมุขนิกายจ้าวสวรรค์ได้แปรพักตร์ไปยังโลกใหม่ โมนิก้าออกจากเกาะสราญรมย์ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา ส่วนประการที่สองเป็นเพราะว่าเกาะสราญรมย์ได้แปรพักตร์ไปยังโลกใหม่ ประมุขนิกายจ้าวสวรรค์