ซวย!แดร์ริลตกตะลึงเมื่อเห็นแส้พุ่งลงมาใส่เขา!นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? หญิงสาวตัวแค่นี้ในวัยยี่สิบต้น ๆอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นสองแล้ว?ถูกต้องแล้ว! เธอนั้นอยู่ในระดับปราญชญ์ยุทธขั้นสอง!แดร์ริลรู้สึกงุนงง เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหนาสาหัสในการไปถึงระดับปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นสี่และได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นสอง!แดร์ริลคิดว่าเขาอาจจะมองผิดไป เขารีบหลบแส้และกล่าวกับไอรีน “สวยน้อย ฉันจำไม่ได้ว่ามีความบาดหมางอะไรระหว่างเรา ทำไมทำแบบนี้?”เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน! การสะบัดแส้ก่อนหน้านี้มีเป้าหมายเพื่อสังหารเขา หากเขาไม่ว่องไวมากพอที่จะหลีกเลี่ยงได้ เขาคงชะตาขาดไปแล้ว!“ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่นายจะต้องรู้ นายควรจะรู้ไว้เพียงแค่ว่าปีหน้า ในวันนี้คือวันครบรอบวันตายของนาย!” ไอรีนกล่าวอย่างเย็นชาและเธอก็สะบัดแส้โจมตีอีกครั้งเปรี้ยะ!มันรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก!“ไม่เอาหน่า คนสวย บอกฉันมาเถอะ ทำไมเธอถึงอยากฆ่าฉัน?” แดร์ริลถอนหายใจยาวไอรีนไม่ได้ล้อเล่นอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เธอสะบัดแส้โจมตี
”เธอคือใคร? ทำไมเธอถึงต้องมาฆ่าฉัน?” แดร์ริลมองไปที่เทพธิดาตัวน้อยและกล่าวซ้ำอย่างเย็นชา “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามาลองดีกับฉัน!”เขากดดาบกลืนโลหิตไปที่คอของเทพธิดาตัวน้อย!ไอรีนเหลือบมองไปที่ดาบกลืนโลหิต ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความหวาดกลัว “เร็วสิ! ฆ่าฉันเลย! ฉันจะบอกอะไรให้ นายคงจะไม่ได้พบกับความสงบสุขอีกหลังจากที่นายฆ่าฉัน นายจะกลายเป็นที่หมายหัวของใครหลายคน”เฮ่อ...แดร์ริลจ้องไปที่หญิงสาวผู้ไม่ยอมอ่อนข้อ“เร็วเข้าสิ ปล่อยฉันไปสักที” ไอรีนกล่าวอย่างเย็นชา แม้ว่าเธอจะถูกสะกดจุดตรึงไว้อยู่ แต่เธอก็ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับคนถูกจับแดร์ริลหัวเราะคิกคัก “เธอถ่อมาที่นี่เพื่อจะฆ่าฉัน แต่เธอก็ยังมาขอให้ฉันเมตตาปล่อยตัวเธอไปงั้นเหรอ? เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้รึไง? เอาล่ะ ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่บอกฉันมาว่าเรามีเรื่องบาดหมางอะไรกันถึงขนาดที่เธอจะต้องมาฆ่าฉัน ฉันจะปล่อยเธอไปถ้าเธอพูดออกมา”“ไม่มีทาง” สามคำสั้น ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอซวย!แดร์ริลหมดความอดทนจนปรอทแตก เขายกตัวเทพธิดาตัวน้อยขึ้นแล้ววางเธอลงบนพื้นในท่านั่ง“นี่นายกำลังจะทำอะไร? ไปให้พ้น! อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” เทพธิดา
ไอรีนหน้าแดงก่ำ ในพระราชวังฟูเหยา พวกผู้ชายคือทาส เธอไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะต้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากผู้ชาย หลังจากที่ไอรีนแสดงท่าทียอมแพ้ แดร์ริลก็หยุดและพูดด้วยรอยยิ้ม “บอกฉันมาได้แล้วว่าเธอเป็นใคร?” ใบหน้าของไอรีนยังคงแดงก่ำ เธอรู้สึกละอายใจและโกรธแค้น “ฉัน…ฉันคือเทพธิดาจากพระราชวังฟูเหยา” เธอกล่าว พระราชวังฟูเหยา? แดร์ริลตกตะลึง 'อะไรคือพระราชวังฟูเหยา? ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอโกรธแค้นเหรอ?' ในขณะที่กำลังประมวลผลความคิดในใจ แดร์ริลก็จ้องไปที่ไอรีน "เธอมาจากพระราชวังฟูเหยาเพื่อต้องการที่จะฆ่าฉัน ฉันไปทำอะไรให้พวกเธอ?" “เป็นเพราะ ลีรอย เฮนเดอร์สัน… ลีรอยขอร้องให้เราฆ่านาย” เทพธิดาตัวน้อยไม่มีทางเลือก เธอไม่สามารถเก็บความลับได้อีกต่อไป เธอรู้ว่าเธอจะต้องโดนทำร้ายอีกครั้งถ้าหากว่าเธอไม่พูดความจริง แดร์ริลอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าลีรอยจะหนีไปได้ "นาย…ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!" เทพธิดาตัวน้อยตะโกนด้วยท่าทางเป็นกังวล ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เพราะความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบ ๆ แดร์ริลจึงไม่สังเกตุเห็นใบหน้าของเธอ “เธอมาที่นี่เพื่อฆ่าฉัน! เธอคิดว่าฉันจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?” แดร์ริลหัวเ
“เฮ้ นายได้ยินไหม? เร็วเข้า ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” หยาดเหงื่อชั้นบาง ๆ ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของเทพธิดาตัวน้อย เหล่าทัพจากโลกใหม่อยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาต้องรีบหนี ก่อนที่แดร์ริลจะเริ่มคลายจุดสะกดให้ไอรีน ร่างสองร่างก็พุ่งเข้าหาพวกเขาเสียแล้ว พวกเขาเร็วเกินไป พวกเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าของแดร์ริลในชั่วพริบตา! ชายวัยกลางคนร่างผอมบางสองคนในวัยสี่สิบต้น ๆ คนหนึ่งนุ่งห่มขาว ส่วนอีกคนนุ่งห่มสีดำ เมื่อมองแวบแรกพวกเขาดูราวกับเทพเจ้าเฮดีส แดร์ริลตกตะลึงในความแข็งแกร่งของชายสองคนนี้ พวกเขาคือปราชญ์ยุทธขั้นห้า! เ**ยเอ้ย! ปราชญ์ยุทธขั้นห้า! แดร์ริลตกใจมาก แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่า มีผู้บ่มเพาะเกิดขึ้นหลายคนในโลกใหม่ และมักจะมีนักรบก้าวข้ามมาอยู่เสมอ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสองคนที่บุกเข้ามาจะมีปราชญ์ยุทธขั้นสูงเช่นนี้ พวกเขาอยู่ห่างจากชายสองคนนั้นเพียงแค่ก้าวเดียว! ชายนุ่งห่มขาวและชายนุ่งห่มดำสำรวจแดร์ริลด้วยใบหน้าที่เย็นชา ทั้งสองคนคือ อัศวินม้าดำและอัศวินม้าขาวที่มีชื่อเสียง! เมื่อทั้งสองรวมตัวกัน แม้แต่จักรพรรดิยุทธิก็ยังต้องพ่ายให้แก่พวกเขา! ฟึบ! ก่อนที่แดร์ริลจะฟื้นคืนสติ อัศวินม้าดำ
สโลนสัมผัสได้ทันทีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น อยู่ในปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่ ในขณะที่หญิงผู้นั้นอยู่ในปราชญ์ยุทธขั้นสอง พวกเขาไม่ใช่แค่คนธรรมดาในจักรวาลโลก แดร์ริลกลืนน้ำลายเพื่อต้องการให้จิตใจของเขาสงบลง แน่นอนว่าเขาไม่ได้ไร้เดียงสา เพราะถ้าหากเขาบอกกับเธอว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะ เขาคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันถัดไปอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองโลกต่างก็เป็นศัตรูกัน เมื่อหนึ่งคนในจักรวาลโลกตายก็ถือว่าเป็นชัยชนะเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับโลกใหม่แล้ว "ผม..." แดร์ริลเกาหัวและหาข้อแก้ตัวอย่างชาญฉลาด "ผมเป็นนักธุรกิจและเปิดบริษัทเล็ก ๆ อยู่ในเมืองตงไห่" “นักธุรกิจเหรอ? แกโกหก” ริมฝีปากสีแดงของสโลนขยับเล็กน้อย ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งผ่านลมหายใจของเธอออกมาทันที! แดร์ริลรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อสายตาของเธอมองมายังเขา “ผมไม่ได้โกหก...” แดร์ริลกล่าว “ผมซื้อโอสถวิญญาณด้วยเงินทั้งหมดที่ผมหามาได้ ดังนั้นผมจึงเป็นปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่!” เหงื่อไหลท่วมตัวแดร์ริลหลังจากที่เขาเอ่ยออกไป ความแข็งแกร่งของแม่ทัพหญิงนั้นช่างยากที่จะหยั่งถึงจริง ๆ! เขาเดาว่าเธอสามารถจบชีวิตของเขาลงตรงนี้ได้เพ
“แกกำลังขุดหลุมฝังตัวเอง” สายตาของสโลนจับจ้องไปที่แดร์ริล ราวกับว่าอุณหภูมิโดยรอบลดลงมากกว่าสิบองศา! ออร่าสังหารเฉิดฉายในดวงตาของเธอ สโลนจ้องมองแดร์ริลและเทพธิดาตัวน้อยอย่างเย็นชา "จัดการสองคนนี้และสับพวกมันเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนทิ้งลงทะเลไปซะ" ชายปากกล้าผู้นี้กล้าพูดเรื่องน่าขบขันกับเธอได้ยังไง? เขาคงจะใช้ชีวิตนานเกินพอแล้ว! อัศวินม้าดำ อัศวินม้าขาวพุ่งเข้ามาพร้อมดาบยาวในมือของพวกเขา พวกเขาพร้อมที่จะฆ่าแดร์ริล! แดร์ริลตกใจและตกตะลึง เวรแล้วไง! สโลนต้องการที่จะฆ่าเขาเพียงเพราะเรื่องตลกที่เขากล่าวกับเธอ แล้วเขาจะไปขอความเมตตาจากใครได้อีก? “ท่านแม่ทัพหญิงสโลน หยุดก่อน” น้ำเสียงที่เป็นกังวลดังขึ้น จากนั้น ใครบางคนก็เดินออกมาจากห้องโดยสารบนเรืออย่างรวดเร็ว มันคือประมุขนิกายจ้าวสวรรค์! แดร์ริลตกใจมากเมื่อเขาเห็นประมุขนิกายที่นี่! เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าประมุขนิกายจ้าวสวรรค์ได้แปรพักตร์ไปยังโลกใหม่ โมนิก้าออกจากเกาะสราญรมย์ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรกคือเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา ส่วนประการที่สองเป็นเพราะว่าเกาะสราญรมย์ได้แปรพักตร์ไปยังโลกใหม่ ประมุขนิกายจ้าวสวรรค์
"รับทราบ!" เสียงทหาร 200,000 นาย ดังกึกก้องสะท้านฟ้า! หลังจากนั้น ทหารทั้งหมดก็ลงจากเรือและเริ่มตั้งค่าย พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและทุกอย่างก็เรียบร้อยในชั่วพริบตา! แดร์ริลแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อเขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทหารเหล่านั้นได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ผ่านการฝึกฝนที่เข้มงวด มันเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญสำหรับจักรวาลโลกที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้เหล่านี้ได้ เต็นท์ค่ายทั้งหมดถูกตั้งขึ้นภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที มองจากระยะไกล เต็นท์หลายหมื่นหลังที่ถูกจัดเรียงตามลำดับนั้น ช่างเป็นภาพที่ตระการตา สโลนนำเหล่าผู้นำนับสิบคนมายังใจกลางของค่ายและร่วมกันวางม่านต้องมนต์ ม่านเวทมนต์เป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็น เพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรู มีผู้คนไม่มากนักที่สามารถวางม่านเวทมนต์เช่นนั้นได้ แดร์ริลเคยเห็นในบันทึกเกี่ยวกับม่านเวทมนต์ในหนังสือโบราณบางเล่ม แต่เขาไม่คิดว่าเขาจะได้เห็นมันกับตาในชีวิตจริง เมื่อเห็นว่ามีการวางม่านเวทมนต์เอาไว้ แดร์ริลก็ผิดหวังทันที เขาวางแผนที่จะหลบหนี แต่แล้วม่านเวทมนต์ก็ถูกวางเอาไว้ ดังนั้น จึงไม่มีทางใดที่เขาจะสามารถหนีรอดออกไปได้เลย แ
เมื่อเห็นพฤติกรรมของแดร์ริล เทพธิดาตัวน้อยก็หน้าแดงและพูดอย่างเย็นชาว่า "ฉันไม่อยากอาบน้ำ" เธอเป็นเทพธิดาตัวน้อยจากพระราชวังฟูเหยา แล้วเธอจะอาบน้ำกับเขาได้ยังไง? แดร์ริลเกาหัวและยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าเธอไม่อยากอาบน้ำ ฉันจะอาบเอง” จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อของเขาออก มันคงจะรู้สึกดีมากที่ได้อาบน้ำและผ่อนคลายหลังจากใช้เวลามาทั้งวัน เมื่อเห็นว่าเขาถอดเสื้อออกจริง ๆ เทพธิดาตัวน้อยกระทืบเท้าด้วยความเป็นกังวลและตะโกนใส่เขา “นายกำลังจะทำอะไร นายไม่ได้รับอนุญาตให้อาบน้ำ!” "ทำไมล่ะ?" แดร์ริลพึมพำ “ทำไมฉันจะอาบน้ำไม่ได้ ทำไมฉันจะต้องฟังเธอ? พิลึกคนจริง ๆ เธอกำลังจะข่มเหงฉันใช่ไหม? นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย” เทพธิดาตัวน้อยสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชาและไม่สนใจคำพูดของเขา สาวใช้ทั้งสองต่างก็ขบขันกับจากฉากนี้ ปรมาจารย์แดร์ริลและภรรยาของเขากำลังจู๋จี๋กัน แดร์ริลถอนหายใจยาว เขานั่งลงและพับขากางเกงของเขาขึ้น "ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่อาบน้ำ แล้วถ้าฉันจะล้างเท้าล่ะ?" แดร์ริลถอดรองเท้าของเขาออก จากนั้นสาวใช้ก็รีบไปเอาอ่างไม้มาจากข้างนอก เธอเติมน้ำร้อนลงไปในอ่างแล้วนำไปให้แดร์ริล “ท่านปรมาจารย์แดร์ริล ให