ในปัจจุบัน ลิลี่ ลูกสาวของเธอและเวด เข้ากันได้ดีเลยทีเดียว พวกเขากำลังปรึกษาหารือเรื่องการแต่งงาน เวดมอบสินสอดทองหมั้นให้แก่ซาแมนธาเป็นจำนวนเงิน 8,880,000 เหรียญ ซาแมนธารู้สึกตื้นตันเป็นอย่างยิ่ง เธอจึงตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปหาซื้อเสื้อผ้า เนื่องจากลูกสาวของเธอกำลังจะแต่งงาน ดังนั้น เธอจึงต้องจัดเตรียมชุดสำหรับงานแต่งงานของลูกสาวของเธอ เมื่อเธอกำลังจะจ่ายค่าชุดที่เธอเลือก คนสองคนก็เดินเข้ามา "มากับเรา" ทั้งสองคนคว้าตัวซาแมนธาเอาไว้ “พวกแกจับฉันทำไม?” ซาแมนธาตกใจกลัว เธอเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ สองคนนั้นผลักเธอออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็กระโดดขึ้นและลอยตัวไปในอากาศ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังหอคอยดาวปรารถนา … ที่หอคอยดาวปรารถนา เหล่าผู้นำนิกายต่าง ๆ มารวมตัวกัน ต่อหน้าผู้นำเหล่านั้น มีคนสี่คนถูกมัดด้วยเชือก! พวกเขาคือ ซาแมนธา, ลิลี่และพ่อแม่ของแดร์ริล พ่อแม่ของแดร์ริลอาศัยอยู่ในชนบทมาระยะหนึ่งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังถูกตามหาจนเจอ “พวกคุณ...” ซาแมนธายิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย “พวกคุณ นี่มันอะไรกัน?” ซาแมนธามองดูพ่อแม่ของแดร์ริลด้วยสายตาดูถูก มันจะต้องเป็นการกระทำของลูกชายที่
อีกด้านหนึ่งที่แท่นบูชาของสำนักประตูสุราลัย แดร์ริลนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยสีหน้ามืดมน เขาพาทหารทั้ง 30 คนมายังสำนักประตูสุราลัย สองขุนพลสายฟ้า จตุขุนพลและสิบปรมาจารย์สวรรค์เดินผ่านประตูเข้ามาและคุกเข่าข้างหนึ่งลง พวกเขาตะโกนพร้อมกันว่า “ท่านประมุขนิกาย” เซปไฟร์กล่าวด้วยความเคารพ "ท่านประมุขนิกาย สาวกทั้งหมดของสำนักประตูสุราลัยอยู่ที่นี่" แดร์ริลพยักหน้าและยืนขึ้นช้า ๆ เขามองไปยังสาวกของสำนักประตูสุราลัยที่อยู่ด้านหน้าของเขา เขากล่าวทีละคำ “เอาล่ะทุกคน กองทัพโลกใหม่มาถึงที่นี่แล้ว พวกเราทุกคนล้วนมาจากจักรวาลโลก เมื่อบ้านเกิดของเรากำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเราจะต้องสู้!” แดร์ริลพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ในตอนนี้ หกนิกายหลักได้รวมตัวกันอยู่ที่เมืองตงไห่เพื่อสอดส่องกองทัพของโลกใหม่ พวกนายจะเป็นผู้นำสาวกของสำนักประตูสุราลัยไปให้การสนับสนุนพวกเขา!” แดร์ริลถอนหายใจยาว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกไม่ประทับใจหกนิกายหลักและยังมองว่าพวกเขาคือตัวสร้างปัญหา แต่เขาก็เชื่อเสมอว่าเขาจะต้องระงับความคับข้องใจส่วนตัวเอาไว้ก่อนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรู สาวกของสำนักประตูสุราลัยจะต้องไปร่วมศึกในครั้ง
“เขามาแล้วยังไง? ทำไมนายจะต้องตื่นตระหนกด้วย?” แม่ชีแห่งโชคชะตากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปัง! เสียงที่ดังขึ้น! ประตูถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย! ฝุ่นควันลอยตัวอยู่เต็มอากาศ! เมื่อฝุ่นค่อย ๆ จางหายไป เหล่าผู้นำนิกายมองไปที่ประตูและพวกเขาต่างก็ตกตะลึง ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงประตู เขาอยู่ที่นี่คนเดียวด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น! เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแดร์ริล! ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงเลือด! มันดูน่ากลัว! ฮึก… เมแกนสะอึก! เธอรู้จักแดร์ริลดี แต่เธอไม่เคยเห็นเขาบ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน “ไอ้สวะ!” แม่ชีแห่งโชคชะตายืนขึ้นและชี้ไปที่แดร์ริลอย่างโกรธเคือง ใบหน้าของเขาเย็นชาในขณะที่ดวงตาของเขากวาดไปรอบ ๆ ผ่านฝูงชนและในที่สุดเขาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของเมแกน “พ่อแม่ของฉันอยู่ไหน?” คำพูดอันเย็นชาเพียงไม่กี่คำดังออกมาจากปากของแดร์ริล เมแกนเป็นคนที่โทรหาเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถามเธอ เมแกนไม่ตื่นตระหนกมากนัก แม้ว่าเธอจะสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นของแดร์ริล เธอเยาะเย้ย “แดร์ริล ดูเหมือนว่าแกจะยังคงมีความเป็นคนอยู่สินะ ฉันคิดว่าแกจะไม่สนใจพ่อแม่ของแกแล้วเสียอีก” ใบหน้าของแดร์ริลซีดเผือด เ
ฟึบ! สเปนเซอร์ถือดาบของเขาไว้ แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะได้แตะที่หน้าอกของแดร์ริล แดร์ริลก็ยื่นมือออกมาและจับข้อมือของสเปนเซอร์เอาไว้แน่น "แกร็ก! แกร็ก!" แดร์ริลปล่อยกำลังภายในของเขาไปที่มือและเพิ่มความแข็งแกร่งไปที่ข้อมือของสเปนเซอร์มากขึ้น สเปนเซอร์รู้สึกว่ากระดูกของเขากำลังจะแตกเป็นชิ้น ๆ คลื่นความเจ็บปวดแปลก ๆ ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกหัก! "กร๊อบ! กร๊อบ!" “อ๊าก!” ในที่สุดสเปนเซอร์ก็ทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ปกคลุมใบหน้าของเขา เขากำข้อมือแน่นและร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาไม่เคยเห็นสิ่งนั้นมาก่อน หลังจากการฝึกฝนอย่างอุตสาหะเป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะแดร์ริลได้ ผู้นำนิกายที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เบะปากเมื่อเห็นเหตุการณ์ "ฉันจะถามแกอีกครั้ง! พ่อแม่ของฉันอยู่ที่ไหน?" แดร์ริลกำหมัดแน่น เขาคำรามสุดเสียง! “อ๊าก!” สเปนเซอร์ยังคงร้องโหยหวน ข้อมือของเขากำลังจะแหลกสลาย ทันใดนั้น เขาก็ตะโกนสุดเสียง “ท่านอาจารย์ ช่วยผมด้วย!” เจ้าสำนักยอดบรรพตยืนขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเย็นชาและมืดมิด สเปนเซอร์เป็นศิษย์ที่ทรงคุณค่าที่สุดของเขา ถ้าหากว่าเขากลายเป็นคนพิการ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต
"แก..." แดร์ริลแผดเสียงขณะที่เขาชี้ไปที่แม่ชีแห่งโชคชะตา "แกชอบอ้างนักหนาว่ามาจากสำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่แกไม่เคยให้โอกาสฉันได้อธิบายแก้ต่างบ้างแม้แต่นิดเลย แกก็ยังยืนยันว่าฉันคือคนทรยศและแกยังมาทำร้ายพ่อแม่ของฉันอย่างโหดเหี้ยมอีก พวกเขาทั้งสองคนไม่ใช่ผู้บ่มเพาะด้วยซ้ำ! จิตใจของพวกแกทำด้วยอะไร?"ทุกคนตกใจกับคำกล่าวของเขา บรรดาผู้บ่มเพาะจากแต่ละสำนักต่างลุกขึ้นยืนพรางชี้ไปที่แดร์ริลและสบถด่าเขา"ไอ้สถุน! แกกล้าดียังไงมาพูดจาสามหาวแบบนั้นกับพวกเรา? ตลกสิ้นดี!"“แกสมรู้ร่วมคิดกับกองทัพโลกใหม่เพื่อมาไล่ทำร้ายเพื่อนร่วมชาติของตัวเอง มันคือการทรยศหักหลัง ต่อให้เราฆ่าพ่อแม่ของแกพวกเขาสองคนก็สมควรโดนแล้ว!”"ใช่ พวกเขาสมควรตาย ที่เลี้ยงลูกได้จัญไรแบบนี้"เสียงสาปส่งดังระงมราวกับคลื่นซัดกระทบชายฝั่ง!ดวงตาของแดร์ริลแดงเถือกขณะเขาหัวเราะและตะโตนเสียงแข็ง "ฉันงั้นเหรอ? สมรู้ร่วมคิดกับโลกใหม่? พวกแกเห็นฉันฆ่าใครสักคนที่มาจากจักรวาลโลกไหม?"จากนั้นก็มีเสียงเบา ๆ ดังขึ้นขณะดาบกลืนโลหิตปรากฏอยู่ในมือของแดร์ริล!"พวกแกเสียสติไปหมดแล้ว ฉันจะมาเอาตัวพ่อแม่ของฉันกลับไปด้วยวันนี้ ถ้าพวกแกยังม
เพียะ! เพียะ! เพียะ!แดร์ริลรู้สึกหัวสมองตื้อไปหมดจากการตบอย่างไม่หยุดยั้ง รอยเลือดไหลออกมาเปื้อนข้างริมฝีปากของเขาเมแกนก็เดือดดาลมากขึ้นขณะเธอตะคอกใส่แดร์ริล “ไปลงนรกซะ ไอ้คนทรยศ!”เธอมีกระบี่เล่มยาวอยู่ในมือและเธอกำลังจะใช้มันแทงหัวใจของแดร์ริลแกร็ง!อย่างไรก็ตาม ลูกประคำก็กระทบเข้ากับกระบี่เล่มยาวของเมแกน มันทำให้กระบี่บิ่นคนที่เข้ามาขวางนั้นคือ มาสเตอร์รี้ดเมแกนถอยร่นออกไปสองสามเก้า กระบี่เกือบจะหลุดออกจากมือของเธอ เธอมองไปที่มาสเตอร์รี้ดในความประหลาดใจ "ท่านเจ้าสำนัก ท่านจะทำอะไร?"ทุกคนต่างสับสนงวยงงแดร์ริลคือคนจัญไร! เขาไม่สมควรตายอย่างนั้นหรือ?ทำไมมานเตอร์รี้ดถึงช่วยชีวิตเขา?มาสเตอร์รี้ดพนมมือขึ้นและกล่าว "อมิตาพุทธ"มาสเตอร์รี้ดมองไปที่ฝูงชนซึ่งกำลังสับสนกันอยู่และอธิบาย "ถึงแม้ว่าแดร์ริลจะก่ออาชญากรรมร้ายแรง แต่เราก็ยังสามารถใช้เขาให้เป็นประโยชน์ได้เพราะศัตรูผู้รุกรานมาถึงที่นี่แล้ว ในฐานะที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพโลกใหม่ เขาก็อาจจะมีประโยชน์กับเรา”มีประโยชน์คนอย่างแดร์ริลจะมีประโยชน์ได้อย่างไร?มาสเตอร์รี้ดมองไปที่แดร์ริลอย่างสขุมและกล่าว "แดร์ริล ไ
จากนั้นแดร์ริลก็หันหลังและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่มืดมนและเศร้าสร้อย…กลับมาที่ค่ายพักแรมของกองทัพโลกใหม่ภายในเต็นท์ทหาร สโลนนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีไว้สำหรับแม่ทัพ เธอถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรดาทหารจำนวนมาก ทุกคนต่างดูมัวซัวมีแผนที่ของเมืองตงไห่วางอยู่เบื้องหน้าพวกเขาพวกเขากำลังศึกษาหาทางเพื่อเข้าโจมตีเมือง“รายงาน!”นายทหารเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าสโลน เขากล่าว "ท่านแม่ทัพ นายท่านแดร์ริลกลับมาแล้ว"แดร์ริลเดินเข้ามาในเต็นท์สโลนพยักหน้า เธอชำเลืองมองแดร์ริลและกล่าวถามอย่างเรียบเฉย “ภารกิจของนายเป็นยังไงบ้าง?”แดร์ริลยิ้มเจื่อน ๆ เขาก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าและรายงานเรื่องราวที่แต่งขึ้นเอง “ท่านแม่ทัพสโลน บรรดาคนเหล่านั้นจากทั้งหกสำนักหลักเฉลียวฉลาดมาก ผมนำกองกำลังขนาดเล็กเข้าโจมตีพวกเขา แต่พวกเขาก็ซุ่มโจมตีพวกเรา ทหารทั้งหมด 30 นายเสียชีวิตในภารกิจ”แดร์ริลรู้สึกกระวนกระวายใจ เขาก้มหัวลงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสบตากับสโลน“เท่านี้เองเหรอ?” ความผิดหวังฉายวับในดวงตาของสโลน จากนั้นเธอก็กวาดสายตามองแดร์ริลอยู่สักพัก เธอยกมือขึ้นและกล่าว “นายคงจะอ่อนเพลียมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”สโลน
แดร์ริลเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นแล้วเดินกลับเข้าค่ายทันทีที่เขาเข้าไปในเต็นท์ เขาก็เห็นเทพธิดาตัวน้อยเธอดูหน้าบึ้งถมึงทึงแดร์ริลยิ้มและกล่าว “ยอดรัก ฉันกลับมาแล้ว”แดร์ริลกระวนกระวายปั่นป่วนใจกับสถานการณ์ แต่เมื่อเขาเห็นเทพธิดาตัวน้อย เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และอยากจะหยอกล้อแกล้งเธอเล่นเทพธิดาตัวน้อยก็หน้าแดงและสบถด่าเขา “ไสหัวออกไป! แกเรียกใครว่ายอดรัก?”เทพธิดาตัวน้อยรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ เธอติดแหงกอยู่ในค่ายทหารและไม่รู้ชะตากรรมว่าจะหนีออกไปได้เมื่อไหร่แดร์ริลฉีกยิ้มและกล่าว “นี่เธอพูดกับสามีคนดีของเธอแบบนี้เหรอ? อยากจะให้ฉันพาเธอออกไปไหม?”เทพธิดาตัวน้อยดูมีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อในตอนที่เธอโมโหร้ายเธอลุกขึ้นยืนในทันทีและขานรับอย่างตื่นเต้นลิงโลด “ใช่!”จากนั้นเธอก็จ้องมองแดร์ริลอย่างเป็นโล้เป็นพาย “นายคิดหาทางพาฉันออกไปจากที่ได้แล้วใช่ไหม?” ดวงตาที่งดงามของเธอแสดงให้เห็นถึงความร้อนรนขณะเธอวิงวอนเขาถึงแม้ว่าไอรีนจะอยู่ในค่ายทหารเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน แต่เธอก็รู้สึกราวกำลังจะเป็นบ้าเธอต้องการที่จะหาทางออกไปถึงขนาดเก็บไปฝันสำหรับความผิดหวังของเธอ แดร์ริลฉีกยิ้มและส่