เขาต้องการให้เธอคุกเข่าลงเพื่อยอมรับเขาให้เป็นอาจารย์ของเธออย่างนั้นหรือ?สีหน้าท่าทีของเชอรีลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเธอกรอกตามองไปที่แดร์ริล “อย่ามาทำอวดดี...”แดร์ริลยักไหล่ “ก็ดี ฉันคงไม่บังคับเธอ เธอก็โทรไปหาคู่หมั้นของเธอให้มามัดตัวฉันไว้อีกทีก็ได้ ต่อให้ฉันมีบทเพลง ฉันก็ไม่มีทางให้เธอ”เชอรีลกัดริมฝีปากขณะจ้องไปที่แดร์ริล เธอกัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชัง เธอไม่ยินยอมที่จะเรียกเขาว่าอาจารย์!อย่างไรก็ตาม บทเพลงที่เขาได้ร้องออกมาเมื่อสักครู่ มันไพเราะเสนาะหูมากถ้าหากว่าเธอได้เอาบทเพลงนั้นไปร้องบนเวทีในวันถัดไป เธอคงจะโด่งดังมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน“ฉันจะให้เวลาเธอสามวิ” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเธอไม่อยากจะยอมรับฉันเป็นอาจารย์ภายในสามวินาทีนี้ เธอก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว”“สาม”“สอง”เชอรีลกัดริมฝีปากแทบจะเลือดไหล“หนึ่ง”ทันใดนั้นเชอรีลก็ตื่นตระหนกกระทื้บเท้าอย่างกระวนกระวาย “ฉันขอสัญญากับนาย”ตุ้บ...ขาอันเรียวงามของเชอรีลก็คุกเข่าลงอยู่เบื้องหน้าของแดร์ริล เธอเอยปากกล่าวอย่างนุ่มนวล “ฉันยินดีที่ได้เรียกนายว่าท่านอาจารย์”เชอรีลก้มโค้งคำนับแดร์ริล เหมือนกับว่าเขาเป็
แดร์ริลโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้มาจากสำนักพราน ฉันอาศัยอยู่ในป่าบนภูเขามานานมากและเพิ่งจะได้ออกมาข้างนอก” ‘โอ้ เป็นเพราะแบบนี้เอง?’เชอรีลกล่าวอย่างเคารพนับถือ “ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะบอกให้พวกเขาเตรียมห้องไว้สำหรับท่านอาจารย์ ท่านสามารถอาศัยอยู่ในห้องโถงเต้นรำโภไคยได้สักพัก”เธอจำเป็นต้องขึ้นแสดงร้องเพลงในวันถัดไป เธอจึงต้องการจะฝึกร้องบทเพลงนี้ให้ทันท่วงที“แจ่มเลย”ในเมื่อเขาได้ออกมาข้างนอกแล้ว แดร์ริลจึงยินยอมตกลงด้วยข้อตกลงของเชอรีล แดร์ริลและจีเวลก็ได้พักในห้องพักสุดหรูหราโอ่อ่าบนชั้นสองทันใดที่เขามาถึงที่ห้อง จีเวลก็รีบเข้าไปหาแดร์ริลและกล่าวถาม “คุณชาย ทำไมคุณหนูมาร์คถึงเรียกคุณเรียกว่าท่านอาจารย์”จีเวลนั้นรู้สึกสับสนงุนงงแดร์ริลยิ้มอ่อน ๆ “ฉันสอนเธอร้องเพลง แน่นอนที่เธอจะต้องเรียกฉันว่าท่านอาจารย์สิ”“คุณชาย คุณรู้วิธีแต่งเพลงด้วยเหรอ?” จีเวลกล่าวถามเสียงทุ่มแดร์ริลฉีกยิ้มและลูบผมของเธอ เขาไม่ได้กล่าวอะไรต่อก่อนที่พวกเขาจะเข้านอน จีเวลก็ขนน้ำมาเพื่อจะล้างเท้าให้กับแดร์ริล เธอดูแลเขาทุกหนทางที่เธอจะทำได้แดร์ริลรู้สึกสะเทือนใจ มันทำให้เขานึกถึงตอนท
ออโรร่าทุบมือลงไปบนโต๊ะเมื่อเธอได้ยินว่าสาวกนิกายตำหนักอมตะมาอยู่ที่นี่ มันเป็นเพียงการทุบโต๊ะธรรมดา แต่โต๊ะตัวนั้นก็แหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี!จากนั้นออโรร่าก็ลุกขึ้นยืนอย่างทรนงด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นยะเยือก “ออกไปดูกันสักหน่อย”ออโรร่าเดินออกมาอย่างทรนงถือตัว บรรดาผู้อาวุโสสำนักง้อไบ๊รวมถึงแม่ชีมอรีนก็ห้อยอาศัยติดตามมาด้วยอย่างรีบเร่งด้านนอกประตูมีสาวกนิกายตำหนักอมตะนับพันคนมองเห็นได้จากที่ไกล ๆ พวกเขายืนเรียงเป็นหน้ากระดาน พวกเขามีมากมายเหลือเกิน!บุรุษผู้สง่างามองอาจในชุดขาวยืนอยู่บนก้อนหินใกล้ ๆ มือของเขาถือพัดและหน้าตาก็ดูคมสันหล่อเหลาบุรุษผู้นั้นคือเชสเตอร์สายตาอันเย็นยะเยือกของเขาสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนกับตัวตนที่สุขุมนุ่มลึกของเขาเมื่อออโรร่าปรากฏตัว เชสเตอร์ก็กล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ท่านเจ้าสำนักออโรร่า ฉันมาที่นี่ก็เพื่อสิ่งเดียวเท่านั้นและมันก็คือสาวกของเธอ เมแกน ส่งตัวเธอมาให้ฉัน”เชสเตอร์หวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ภรรยาของเขาเสียชีวิต และมันทำให้เขาปวดร้าวหัวใจเมื่อตอนที่พวกเขากำลังทำสงครามกับกองทัพโลกใหม่ เชสเตอร์ต้องจำทนกล้ำกลืนกับความเคืองแค้นของเขาและไม่ได้ล
”นายอยากจะสู้กับฉันงั้นเหรอ? ฉันไม่คิดว่านายจะถึงขั้น” ออโรร่ากล่าวเย็นชาขณะเธอยกฝ่ามือขึ้นมาปะทะกับฝ่ามือของเชสเตอร์ตู้ม!เมื่อสองฝ่ามือประสานกัน คลื่นพลังอันเข้มข้นก็ระเบิดแตกกระจายออกมา!ถึงแม้ว่ากำลังภายในของเชสเตอร์จะบรรลุขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด แต่มันก็ยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับออโรร่าการโจมตีจากฝ่ามือของออโรร่าส่งตัวเชสเตอร์ลอยปลิวถอยร่นไป! หลังจากเขาร่วงลงถึงพื้น เขาก็กระอักเลือดเต็มปาก!“ท่านประมุขนิกาย!”“ท่านประมุขนิกาย เราจะช่วยท่านเอง”บรรดาสาวกนิกายตำหนักอมตะเดือนดาลทันทีเมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและพวกเขาก็ชักกระบี่ออกมา!อีกทางด้านหนึ่งออโรร่ายืนนิ่งอย่างหยิ่งทรนงราวกับเทพธิดา เธอแผ่รัศมีอันเข้มข้นออกมา เธอทำหน้าขึงขังขณะจ้องเขม็งไปที่บรรดาสาวกนิกายตำหนักอมตะที่อยู่เบื้องหน้าเธอ“ท่านประมุขนิกายวิลสัน ถ้าหากนายยืนยันที่จะจ้องจับผิดฉันในวันนี้ นายคงจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย” ออโรร่ากล่าวเตือนเขาอย่างเย็นชาสาวกสำนักง้อไบ๊หลายคนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกองทัพโลกใหม่แต่ส่วนใหญ่หายดีแล้ว ออโรร่าสามารถที่จะเรียกสาวกมารวมกัน 50,000 ถึง 60,000 คนได้อย่า
ขณะที่ฝ่ามือของแดร์ริลเข้ามาใกล้ มาร์คัสก็ตกใจ แต่เขารีบง้างมือขึ้นมาเพื่อต้านทานการโจมตีตู้ม!ฝ่ามือประสานกันกลางอากาศ สีหน้าของมาร์คัสเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อตัวเขาลอยปลิวถอยร่นไปมีเสียงร้องคร่ำครวญ มาร์คัสกระอักเลือดเต็มปาก ใบหน้าของเขาแดงฉาน! แล้วตัวเขาก็ค่อย ๆ ไถลลงกองกับพื้นมาร์คัสรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อขณะเขามองไปที่แดร์ริลอย่างว่างเปล่า เขานั้นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก!แดร์ริลยิ้มขณะเดินมามองมาคัสอย่างเย็นชา “ฉันอาจจะเคยเห็นคู่หมั้นของนายตอนเปลี่ยนเสื้อ แต่ฉันก็ได้ขอโทษเธอและแต่งเพลงให้กับเธอแล้ว คู่หมั้นของนายก็ตัดสินใจเรียกฉันว่าอาจารย์ของเธอเอง แต่แล้วทำไมนายก็ยังตัดสินใจจะมาฆ่าฉัน เอาล่ะทีนี้บอกฉันที นายคิดว่านายควรจะต้องตายไหม”จิตสังหารก็ฉายวับในแววตาของแดร์ริลทันที!ขณะที่มาร์คัสสบสายตาแดร์ริล ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งทรวง เขานั้นหวาดผวาจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมาคุกเข่าลงต่อหน้าแดร์ริล เขาวิงวอน “พี่ชาย... พี่ชายผู้ยิ่งใหญ่... ไม่สิ ท่านอาจารย์! ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ฉันไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว ผมแค่คิดว่าท่านรอดตัวออกไปได้ง่ายเกินไปเท่านั้นเอง ผมไม่
ทุกคนในห้องโถงต่างให้ความสนใจไปที่เชอรีล เธอนั้นตกเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจผู้ชายหลายคนจ้องมองมาที่เธอแดร์ริลเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่เขาชื่นชมเธออย่างสุขุมเชอรีลสมควรที่จะโด่งดัง เพราะเธอนั้นมีเสน่ห์มากเธอสวมชุดกี่เพ้าสีดำและมันทำให้เห็นส่วนโค้งเว้าที่งดงามของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบใบหน้าอันไร้ที่ติของเธอมีการแต่งหน้าแบบบางเบาและเธอดูงดงามแชะ... แชะ...นักข่าวก็เข้ามารุมล้อมถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง“ขอบคุณที่มาร่วมกับเราในวันนี้ ขอบคุณ...”“ตอนนี้ ฉันจะขอร้องเพลงใหม่ให้ฟัง หวังว่าพวกคุณคงจะชอบกัน” เชอรีลกล่าวอย่างนุ่มนวลผู้ชมต่างตื่นเต้น สีหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังเมื่อทุกอย่างเริ่มสงบลง เพลงก็เริ่มบรรเลง เชอรีลโปรยยิ้มให้กับผู้ชมขณะเธอค่อย ๆ ร้องเพลงอย่างนิ่มนวล “แม่น้ำผึ้ง กลิ่นของเธอรัญจวนหอมหวาน มันเหมือนกับบุปผาเบ่งบานในสายลมฤดูใบไม้ผลิ...”เสียงที่นุ่มนวลราวกับสวรรค์ขับร้องขณะที่ท่วงทำนองอันงามไพเราะดังดึกก้องไปทั่วห้องโถงว้าว!มันไพเราะเสนาะหูจริง ๆทันใดนั้นบรรดาผู้ชมก็ส่งเสียงสรรเสริญ ทุกคนต่างประทับใจกับการร้องเพลงของเธอ!ท่วงทำนองที่ไพเราะจนติ
ไอ้เวรนั่นเป็นคนแต่งเพลงอย่างนั้นเหรอ?บรรดานักข่าวต่างหันกล้องไปหาแดร์ริล!“ไม่จำเป็นต้องให้ฉันขึ้นไปบนเวทีหรอก” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม“มาเถอะ ท่านอาจารย์” เชอรีลฉีกยิ้มให้กับเขา “อาจารย์เป็นคนแต่งเพลงเอง อาจารย์ก็ต้องขึ้นมาด้วย”เขานั้นพ่ายแพ้ต่อการรบเร้าของเชอรีล แดร์ริลจึงยิ้มอย่างขวยเขินขึ้นไปบนเวทีว้าว!ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่แดร์ริลอย่างตกใจ!‘ไอ้ละอ่อนนี่มันเป็นใคร?’‘ไม่คุ้นหน้าเขามาก่อนเลย...’ไซม่อนเดินไปหาแดร์ริลและจ้องมองอย่าเย่อหยิ่ง “ไอ้หนุ่ม นายเป็นคนแต่งเพลงนี้จริงเหรอ?”คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวไซม่อนต่างก็สงสัยเช่นเดียวกัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถแต่งเพลงได้ไพเราะขนาดนี้สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือเขาไม่ได้เป็นคนจากสำนักพรานมีเพียงแค่ศิษย์สาวกสำนักพรานเท่านั้นที่จะมีทักษะเช่นนี้ อย่างไรก็ตามสำนักพรานก็เป็นถึงหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ หลายคนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะได้เข้าสำนัก ‘คนพวกนี้น่าทึ่งจริง ๆ’แดร์ริลหัวเราะและกล่าว “ก็แค่บทเพลง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”อะไร?มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา?ไอ้เด็กนี่มันยโสโอหังเกินไปทุกคนต่างตกตะลึ
สายตาของไซม่อนขึงขังมากขึ้นแดร์ริลดูไม่มีวุฒิภาวะ แถมเขายังมีวาจาสามหาว“ถ้าตกลงตามนี้ เราก็ต้องจริงจังกับการเดิมพัน” แดร์ริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากผมแพ้พนัน ผมจะยอมเรียกคนรับใช้ของคุณว่าเจ้าสูงสุด แต่ถ้าหากว่าผมชนะ ภรรยาของคุณจะต้องยอมรับผมเป็นอาจารย์ ในวันนี้นักข่าวก็มากันมากมาย คุณอย่าเพิ่งกลับคำก็แล้วกัน”บรรดาผู้ชมก็หัวเราะร่าเสียงดังระงม“ไอ้เด็กคนนี้มันคิดว่ามันจะชนะรึไง?”“จริงด้วย ท่านครีเซนต์เป็นถึงผู้อาวุโสจากสำนักพรานและเขาก็เป็นเจ้าของผลงานบทกวีที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายหลายชิ้น ไอ้ละอ่อนคนนี้มันคิดว่ามันเป็นใครมาทัดเทียบกับเขา?”“ไอ้หนุ่มคนนี้มันไม่รู้ตาสีตาสาว่าคนที่นี่มีพรสวรรค์มากแค่ไหน มันคิดว่ามันแน่!”เมื่อไซม่อนได้ยินเสียงกระซิบกระซาบกันของเหล่าผู้ชม เขาก็หัวเราะและกล่าว “ในฐานะผู้อาวุโสสำนักพราน ฉันจะรักษาคำพูด”ซัมเมอร์ ภรรยาของไซม่อนก็พยักหน้าตอบรับด้วยเช่นกัน ขณะเธอขบขัน ซัมเมอร์เป็นกุลสตรีที่มีชื่อเสียงและมากความสามารถ เชี่ยวชาญในเรื่องเครื่องดนตรี หมากรุก การเขียนอักษรพันปีและการวาดภาพ เธอไม่เต็มใจอย่างแน่นอนที่จะเรียกแดร์ริลว่าอาจารย์ เธอมั่นใจว่า