การปรากฏตัวของศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ทำให้ท้ังเก้าแผ่นดินใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!มีคฤหาสน์หลังหนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณพันกว่ากิโลเมตรทางทิศเหนือของแท่นบูชาสำนักประกายแสงทวีปโลกใหม่คฤหาสน์หลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของแท่นบูชาสำนักประกายแสงจัสตินนั้นนั่งบ่มเพาะวิชาอยู่ภายในห้องลับของคฤหาสน์หลังนั้น เขานั่งขัดสมาธิมัตเตโอก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เขานั่งอยู่ข้างลูกศิษย์ของเขาพรางจิบชาอย่างสบายใจภายในห้องลับนั้นเงียบสงบ แต่จิตใจของจัสตินไม่สามารถจ่ดจ่อได้ เขาไม่มีสมาธิกับการบ่มเพาะวิชาในหัวของเขาเต็มไปด้วยภาพของลิลี่! หัวใจของเขาปวดร้าวด้านชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขานึกถึงตอนที่เขายอมมอบตัวเธอให้กับอาจารย์ของเขาได้ลงคอเธอนั้นคือเทพธิดาคนโปรดของเขา!มัตเตโอสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดวิสัยเกี่ยวกับจัสติน เขาจึงลุกขึ้นยืนและขมวดคิ้วกล่าว “อย่าใจร้อนในการบ่มเพาะวิชาของเจ้า ข้าเห็นได้ว่าจิตใจของเจ้าไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำไมเป็นเช่นนั้นได้?”มัตเตโอนั่งอยู่ตรงนั้น และมีท่าทีกำลังดื่มด่ำกับน้ำชา แต่เขาก็คอยจับตามองดูจัสตินด้วยจัสตินเกาหัวของเขา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา เข
เฮือก!จัสตินสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้นใบหน้าของเธอขาวเนียนราวกับหยกหิมะ เธอดูสวยมีเสน่ห์อย่างไรก็ตาม อีกครึ่งหนึ่งของใบหน้าด้านขวาของเธอ มีรอยดำคล้ำราวกับเปื้อนหมึก มันดูเหมือนปานนั่นมันลิลี่ไม่ใช่เหรอ?“แกไม่ใช่มนุษย์ จัสติน! ฉันเกลียดแก! ฉันเกลียดแก!” ลิลี่ตะคอกเสียงดังขณะที่น้ำตาของเธอไหลนองอาบหน้าลิลี่รู้สึกไม่สบายใจหลังจากที่เธอออกมาจากโรงเตี๊ยม เธอเดินใจลอยอย่างไร้จุดหมาย เธอไม่รู้ตัวว่ากำลังเดินไปที่ไหน จนกระทั่งเธอมาลงเอยที่แท่นบูชาและถูกจับกุมตัวหาว่าเป็นสายลับบุกเข้าไปในพื้นที่เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะมาเจอกับจัสตินและมัตเตโอที่นี่!“ลิลี่ หน้าเธอไปโดนอะไรมา?” จัสตินนั้นประหลาดใจและดีใจที่ได้เจอเธอ เขารีบวิ่งไแปแก้มัดเธอ“ไปให้พ้น! อย่ามาโดนตัวฉัน!” ลิลี่ร้องไห้และเดินถอยหลังหนี เธอไม่อยากให้จัสตินเข้าใกล้ลิลี่จ้องมัตเตโอตาเขม็งเป็นฟืนไฟ “พวกแกมันป่าเถื่อน! ไปตายซะ!”จัสตินมึนงง เขามองไปที่มัตเตโอ “ท่านอาจารย์...”‘ท่านอาจารย์บอกว่าเขาไม่ได้แตะต้องตัวเธอ เขาพูดจริงใช่ไหม?’‘ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วทำไมลิลี่ถึงทำตัวแบบนี้?’‘อีกอย่างหน้าของเธอไปโดนอะไร
”คืนนั้น? มันใช่เสียงร้องของลิลี่รึเปล่า?”มัตเตโอนั่งบนเก้าอี้ เขาจิบน้ำชาและกล่าว “พลังอนันต์จักรวาลที่ข้ากำลังฝึกฝนอยู่มันเป็นวรยุทธที่ไร้เทียมทาน ถึงแม้ว่ามันจะไร้เทียมทานในยุทธภพแต่มันก็มีข้อเสีย การที่จะบ่มเพาะวรยุทธนี้ข้าจะต้องสะสมสารพิษไว้ในร่างกายของข้า ทุก ๆ เดือนข้าจำเป็นต้องขับสารพิษออกไป ถ้าหากไม่ปล่อยสารพิษมันก็จะกัดกินทำลายตัวข้าและฆ่าข้าได้”เขาวางถ้วยน้ำชาลงและกล่าวต่อ “ฉะนั้น ทุกเดือนข้าจะจับใครสักคนมาไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพื่อขับสารพิษจากร่างกายข้าไปสู่คน ๆ นั้น ระหว่างการล้างพิษมันเป็นวิธีการที่เจ็บปวดทรมาน มันเลยเป็นเหตุผลที่เจ้าได้ยินเสียงเช่นนั้นตอนที่อยู่นอกประตูในคืนนั้น”มัตเตโอลุกขึ้นยืนและยิ้ม “ใบหน้าที่อัปลักษณ์ของนางคือยาพิษที่ข้าระบายเข้าไปในร่างกายของนาง พิษนี้มันจะแทรกซึมเข้าไปในเส้นลมปราณ มันไม่มีทางรักษาหายขาดได้ แม้แต่หมอผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานก็รักษาไม่ได้”มัตเตโอเดินเข้าไปหาลิลี่ เขาโน้มตัวลงและกระซิบข้างหูของเธอ “สตรีทุกนางที่ข้าเคยระบายพิษเข้าสู่ร่างกายพวกนางล้วนฆ่าตัวตายเพราะทนความอัปลักษณ์ไม่ได้ เจ้าจะมีหน้าตาเช่นนี้ไปตลอดกาล เจ้าตัวประหลา
ข้าราชการพลเรือนและนายทหารระดับสูงที่ยืนอยู่ใต้บัลลังก์ของจักรพรรดิมีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก อาการตกใจเสียขวัญทำให้เขาทั้งหมดมึนงงพวกเขายังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้“รายงาน!”ขันทีรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมผสมกับกังวลเล็กน้อย เขากล่าว “ท่านจักพรรดิ ภูเขาเสียดฟ้ามหัศจรรย์ที่อยู่ทางเหนือของเมืองหลวง ภูเขา... ภูเขาลูก... ภูเขาลูกนั้นถล่มลงมาแล้วพะยะค่ะ...”อะไร?ภูเขาเสียดฟ้ามหัศจรรย์ถล่มลงมาแล้ว?ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ความปั่นป่วนโกลาหลใบหน้าของจักรพรรดิโลกใหม่มืดมัวลงทันที ขณะที่หัวใจของเขาสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ได้ทันใดนั้นบุรุษผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้องโถง บุรุษผู้นี้คือเลขาธิการแคว้นโลกใหม่!“ฝ่าบาท ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่” เลขาธิการแคว้นสูดลมหายใจเข้าลึก ในตอนที่เดินเข้ามาในห้องโถง “กระหม่อมเพิ่งทราบมาว่าสิ่งที่ขวางกั้นแบ่งแยกทั้งเก้าแผ่นดินใหญ่นั้นหายไปหมดแล้ว ระดับน้ำของมหาสมุทรแห่งความตายก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และกำลังจะแห้งเหือด! ปรากฏการณ์เช่นนี้ก็เกิดกับหนองน้ำพิษในหุบเขาพิศวงที่ค่อย ๆ จางหายไปด้วยเช่นกันพะยะค่ะ...”หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้น ส
โดน็อกถือขวานยักษ์ลอยตัวอยู่ในอากาศ ขวานส่องแสงเฉิดฉายราวกับพระอาทิตย์จักรพรรดิโลกใหม่ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าในความประหลาดใจ‘ขวานด้ามนั้นวิเศษมาก! มันคืออาวุธมหาประลัยที่เพิ่งจะถูกค้นพบรึเปล่า?’ชาวเมืองหลวงคนอื่น ๆ ทั้งเจ้าชายเจ้าหญิงและบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายต่างก็อ้ำอึงมึนงงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เชื่อสายตาของตัวเอง“ท่านเลขาธิการแคว้น เจ้ารู้รึเปล่าว่าขวานด้ามนั้นมันคือขวานอะไร?” จักรพรรดิโลกใหม่กล่าวถาม เขานั้นรู้สึกประทับใจกับแสงยานุภาพเลขาธิการแคว้นสูดลมหายใจเข้าลึก เขานั้นตกอกตกใจอย่างถึงที่สุดในตอนที่เขากล่าว “ขวามด้ามนี้มันดูเหมือนกับ ขวานแยกนภา พะยะค่ะฝ่าบาท”อะไร?ขวานแยกนภางั้นเหรอ?สายตาของทุกคนหันไปมองเลขาธิการแคว้นในทันที พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจจักรพรรดิโลกใหม่ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน เขากล่าวถาม “แล้วขวานแยกนภามันคืออะไร?”เลขาธิการแคว้นถอนหายใจ เขาดูกระสับกระส่ายและสะเทือนอารมณ์ในตอนเขากล่าวพึมพัม “มันเป็นตำนานเมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่ท้องฟ้าและผืนโลกยังคงเชื่อมกันและมันก็มีแค่เพียงความโกลาหล เทพเจ้าโบราณที่มีนามว่าผานกู่ได้แยกท้องฟ้
เลขาธิการแคว้นอาศัยอยู่ในเมืองหลวงและคอยเฝ้าติดตามจักรพรรดิมาเป็นเวลานานหลายปี เขาคือนับรบที่ทรงพลังที่สุดในพระราชวังอีกด้านหนึ่ง สโลนเองก็เป็นเทพธิดาสงครามผู้โด่งดัง!ทั้งสองคนชูมือขึ้นรวมกำลังกันสร้างพลังงานที่น่าหวาดกลัวอยู่กลางอากาศก่อนที่มันจะขยายใหญ่กลายเป็นลูกไฟยักษ์พุ่งเข้าไปหาไปโดน็อก!ฝูงชนที่ยืนดูอยู่บนภาคพื้นต่างลุ้นระทึกเมื่อเห็นเช่นนั้นลูกไฟยักษ์ทำให้อุณหภูมิของบริเวณโดยรอบน้ันร้อนแรงขึ้นโดน็อกประหลาดใจ เขารีบปัดป้องมันด้วยขวานแยกนภา!เปรี้ยง!ลูกไฟพุ่งเข้าชนปะทะเข้ากับขวานแยกนภา!โดน็อกนั้นถึงกับกระอักเลือด ร่างกายของเขากระเด็นปลิวออกไปถึงแม้เขาจะถือขวานแยกนภา แต่เขาก็ทุลักทุเลที่จะป้องกันตัวเองจากการถูกโจมตี!เมื่อลูกไฟร่วงลงมา สโลนก็คว้าเข็มขัดหนังเส้นยาวออกมาจากเอวของเธอและฟาดไปที่โดน็อก!โดน็อกกรีดร้องด้วยความเจ็บแสบ ทันทีที่เข็มขัดฟาดใส่เขาและเฉือนเนื้อเขาอย่างบาดฉกรรจ์แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาฟาดฟันขวานแยกนภาอย่างดุเดือด ช่างน่าเสียดายที่เขาใช้พละกำลังเกินตัว!ขวานนั้นจำเป็นที่จะต้องซึมซับกำลังภายในของโดน็อก แต่มันก็ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ มันเกื
”ที่รัก เธอดูอิดโรยมาก แต่เธอก็ยังยั่วยวนเร้าใจและสวยเสมอในสายตาฉัน” ฟลอเรียนกอดยูมิแน่นขณะเขาพยายามปากหวานใส่เธอ และเขาก็หันหลังกลับมากล่าว “ภรรยาที่รักของฉัน มานี่เร็ว รีบทำความเคารพท่านจักรพรรดิ”ขณะที่พวกเขาสนทนากัน พวกเขาทั้งคู่ก็เดินเข้าไปหาจักรพรรดิโลกใหม่…ระหว่างนั้น ที่สำนักพรานในดินแดนตะวันออกอันยิ่งใหญ่เมื่อแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้สงบลง บรรดาลูกศิษย์สาวกของสำนักพรานต่างก็เริ่มแยกย้ายจากกันไป“ท่านเจ้าสำนักเกเบิล ได้เวลาที่สามีคนดีคนนี้ของคุณต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว” แดร์ริลฉีกยิ้มเมื่อกล่าวเช่นนั้นมันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินทางไปโลกใหม่ มันไม่สามารถที่จะล่าช้าไปมากกว่านี้ได้อีกต่อไปหน้าของเดบร้าแดงก่ำ แดร์ริลนั้นชื่นชอบที่จะโปรยเสน่ห์เดบร้ากระทืบเท้าอย่างตื่นตระหนก เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เธอกล่าว “คุณจะไปไหน คุณถอนพิษในตัวฉันออกไปหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย”“คุณจะตอบแทนฉันยังไง? หรือจะล้างเท้าให้สามีคนนี้ของคุณดี?” เขากล่าวถามด้วยรอยยิ้ม“ช่วยเบาเสียงลงหน่อยเถอะ” เดบร้ารีบเปิดประตูและดึงตัวแดร์ริลเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็
”แดร์ริล รอก่อน...”แดร์ริลเพิ่งจะก้าวออกมาได้สองสามก้าวในตอนที่เขาได้ยินเสียงเดบร้าเขาจึงหยุดเดินและหันไปหาเธอ เดบร้าขบริมฝีปากของเธอขณะที่เธอก้มหน้าลงและกล่าวเบา ๆ “คุณอยู่ที่นี่ได้ไหม? อย่าไปเลย”“อยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”แดร์ริลหัวเราะลั่นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “ทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วย?”แววตาเดร้าดูมีความหวัง เธอนั้นเงียบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมา “อยู่ที่นี่กับฉันและฉันจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ฉันจะคอยบริการคุณไปตลอดชีวิต”ไอ้หยา!ตัวของเดบร้าสั่นระรัวเมื่อเธอได้กล่าวออกไป เธออยากจะเชื่อตัวเองที่ได้สารภาพความรู้สึกของเธอที่มีกับเขา เธอรู้สึกเขิน เธอหลบสายตาเพราะไม่กล้ามองแดร์ริลเดบร้านั้นเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถที่สุดในโลกนี้ เธอเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน ทั้งศิลปะ ดนตรี และการร่ายบทกวีราวกับกิริยามารยาทอันสำรวมโบราณของเธอเตลิดหายไป เธอหลงรักแดร์ริลหัวปักหัวปำแทบบ้าคลั่ง!เธอใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยและสำหรับคนอื่น ๆเธอนั้นเป็นดั่งเทพธิดาแห่งสำนักพราน อย่างไรก็ตาม เธอต้องการแค่เพียงให้แดร์ริลอยู่ต่อและเธอจะพยายามกล้าหาญในเรื่องความรัก ถ้าหากนี่เป็นโอกาสสุดท้ายขอ