ข้าราชการพลเรือนและนายทหารระดับสูงที่ยืนอยู่ใต้บัลลังก์ของจักรพรรดิมีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก อาการตกใจเสียขวัญทำให้เขาทั้งหมดมึนงงพวกเขายังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้“รายงาน!”ขันทีรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมผสมกับกังวลเล็กน้อย เขากล่าว “ท่านจักพรรดิ ภูเขาเสียดฟ้ามหัศจรรย์ที่อยู่ทางเหนือของเมืองหลวง ภูเขา... ภูเขาลูก... ภูเขาลูกนั้นถล่มลงมาแล้วพะยะค่ะ...”อะไร?ภูเขาเสียดฟ้ามหัศจรรย์ถล่มลงมาแล้ว?ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ความปั่นป่วนโกลาหลใบหน้าของจักรพรรดิโลกใหม่มืดมัวลงทันที ขณะที่หัวใจของเขาสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ได้ทันใดนั้นบุรุษผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้องโถง บุรุษผู้นี้คือเลขาธิการแคว้นโลกใหม่!“ฝ่าบาท ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่” เลขาธิการแคว้นสูดลมหายใจเข้าลึก ในตอนที่เดินเข้ามาในห้องโถง “กระหม่อมเพิ่งทราบมาว่าสิ่งที่ขวางกั้นแบ่งแยกทั้งเก้าแผ่นดินใหญ่นั้นหายไปหมดแล้ว ระดับน้ำของมหาสมุทรแห่งความตายก็ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และกำลังจะแห้งเหือด! ปรากฏการณ์เช่นนี้ก็เกิดกับหนองน้ำพิษในหุบเขาพิศวงที่ค่อย ๆ จางหายไปด้วยเช่นกันพะยะค่ะ...”หลังจากที่เขากล่าวเช่นนั้น ส
โดน็อกถือขวานยักษ์ลอยตัวอยู่ในอากาศ ขวานส่องแสงเฉิดฉายราวกับพระอาทิตย์จักรพรรดิโลกใหม่ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าในความประหลาดใจ‘ขวานด้ามนั้นวิเศษมาก! มันคืออาวุธมหาประลัยที่เพิ่งจะถูกค้นพบรึเปล่า?’ชาวเมืองหลวงคนอื่น ๆ ทั้งเจ้าชายเจ้าหญิงและบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายต่างก็อ้ำอึงมึนงงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เชื่อสายตาของตัวเอง“ท่านเลขาธิการแคว้น เจ้ารู้รึเปล่าว่าขวานด้ามนั้นมันคือขวานอะไร?” จักรพรรดิโลกใหม่กล่าวถาม เขานั้นรู้สึกประทับใจกับแสงยานุภาพเลขาธิการแคว้นสูดลมหายใจเข้าลึก เขานั้นตกอกตกใจอย่างถึงที่สุดในตอนที่เขากล่าว “ขวามด้ามนี้มันดูเหมือนกับ ขวานแยกนภา พะยะค่ะฝ่าบาท”อะไร?ขวานแยกนภางั้นเหรอ?สายตาของทุกคนหันไปมองเลขาธิการแคว้นในทันที พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจจักรพรรดิโลกใหม่ก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน เขากล่าวถาม “แล้วขวานแยกนภามันคืออะไร?”เลขาธิการแคว้นถอนหายใจ เขาดูกระสับกระส่ายและสะเทือนอารมณ์ในตอนเขากล่าวพึมพัม “มันเป็นตำนานเมื่อนานมาแล้ว ในตอนที่ท้องฟ้าและผืนโลกยังคงเชื่อมกันและมันก็มีแค่เพียงความโกลาหล เทพเจ้าโบราณที่มีนามว่าผานกู่ได้แยกท้องฟ้
เลขาธิการแคว้นอาศัยอยู่ในเมืองหลวงและคอยเฝ้าติดตามจักรพรรดิมาเป็นเวลานานหลายปี เขาคือนับรบที่ทรงพลังที่สุดในพระราชวังอีกด้านหนึ่ง สโลนเองก็เป็นเทพธิดาสงครามผู้โด่งดัง!ทั้งสองคนชูมือขึ้นรวมกำลังกันสร้างพลังงานที่น่าหวาดกลัวอยู่กลางอากาศก่อนที่มันจะขยายใหญ่กลายเป็นลูกไฟยักษ์พุ่งเข้าไปหาไปโดน็อก!ฝูงชนที่ยืนดูอยู่บนภาคพื้นต่างลุ้นระทึกเมื่อเห็นเช่นนั้นลูกไฟยักษ์ทำให้อุณหภูมิของบริเวณโดยรอบน้ันร้อนแรงขึ้นโดน็อกประหลาดใจ เขารีบปัดป้องมันด้วยขวานแยกนภา!เปรี้ยง!ลูกไฟพุ่งเข้าชนปะทะเข้ากับขวานแยกนภา!โดน็อกนั้นถึงกับกระอักเลือด ร่างกายของเขากระเด็นปลิวออกไปถึงแม้เขาจะถือขวานแยกนภา แต่เขาก็ทุลักทุเลที่จะป้องกันตัวเองจากการถูกโจมตี!เมื่อลูกไฟร่วงลงมา สโลนก็คว้าเข็มขัดหนังเส้นยาวออกมาจากเอวของเธอและฟาดไปที่โดน็อก!โดน็อกกรีดร้องด้วยความเจ็บแสบ ทันทีที่เข็มขัดฟาดใส่เขาและเฉือนเนื้อเขาอย่างบาดฉกรรจ์แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาฟาดฟันขวานแยกนภาอย่างดุเดือด ช่างน่าเสียดายที่เขาใช้พละกำลังเกินตัว!ขวานนั้นจำเป็นที่จะต้องซึมซับกำลังภายในของโดน็อก แต่มันก็ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ มันเกื
”ที่รัก เธอดูอิดโรยมาก แต่เธอก็ยังยั่วยวนเร้าใจและสวยเสมอในสายตาฉัน” ฟลอเรียนกอดยูมิแน่นขณะเขาพยายามปากหวานใส่เธอ และเขาก็หันหลังกลับมากล่าว “ภรรยาที่รักของฉัน มานี่เร็ว รีบทำความเคารพท่านจักรพรรดิ”ขณะที่พวกเขาสนทนากัน พวกเขาทั้งคู่ก็เดินเข้าไปหาจักรพรรดิโลกใหม่…ระหว่างนั้น ที่สำนักพรานในดินแดนตะวันออกอันยิ่งใหญ่เมื่อแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้สงบลง บรรดาลูกศิษย์สาวกของสำนักพรานต่างก็เริ่มแยกย้ายจากกันไป“ท่านเจ้าสำนักเกเบิล ได้เวลาที่สามีคนดีคนนี้ของคุณต้องขอตัวลาไปก่อนแล้ว” แดร์ริลฉีกยิ้มเมื่อกล่าวเช่นนั้นมันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเดินทางไปโลกใหม่ มันไม่สามารถที่จะล่าช้าไปมากกว่านี้ได้อีกต่อไปหน้าของเดบร้าแดงก่ำ แดร์ริลนั้นชื่นชอบที่จะโปรยเสน่ห์เดบร้ากระทืบเท้าอย่างตื่นตระหนก เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เธอกล่าว “คุณจะไปไหน คุณถอนพิษในตัวฉันออกไปหมดแล้ว แต่ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย”“คุณจะตอบแทนฉันยังไง? หรือจะล้างเท้าให้สามีคนนี้ของคุณดี?” เขากล่าวถามด้วยรอยยิ้ม“ช่วยเบาเสียงลงหน่อยเถอะ” เดบร้ารีบเปิดประตูและดึงตัวแดร์ริลเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็
”แดร์ริล รอก่อน...”แดร์ริลเพิ่งจะก้าวออกมาได้สองสามก้าวในตอนที่เขาได้ยินเสียงเดบร้าเขาจึงหยุดเดินและหันไปหาเธอ เดบร้าขบริมฝีปากของเธอขณะที่เธอก้มหน้าลงและกล่าวเบา ๆ “คุณอยู่ที่นี่ได้ไหม? อย่าไปเลย”“อยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”แดร์ริลหัวเราะลั่นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “ทำไมฉันต้องอยู่ที่นี่ด้วย?”แววตาเดร้าดูมีความหวัง เธอนั้นเงียบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกมา “อยู่ที่นี่กับฉันและฉันจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ฉันจะคอยบริการคุณไปตลอดชีวิต”ไอ้หยา!ตัวของเดบร้าสั่นระรัวเมื่อเธอได้กล่าวออกไป เธออยากจะเชื่อตัวเองที่ได้สารภาพความรู้สึกของเธอที่มีกับเขา เธอรู้สึกเขิน เธอหลบสายตาเพราะไม่กล้ามองแดร์ริลเดบร้านั้นเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถที่สุดในโลกนี้ เธอเชี่ยวชาญในทุก ๆ ด้าน ทั้งศิลปะ ดนตรี และการร่ายบทกวีราวกับกิริยามารยาทอันสำรวมโบราณของเธอเตลิดหายไป เธอหลงรักแดร์ริลหัวปักหัวปำแทบบ้าคลั่ง!เธอใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยและสำหรับคนอื่น ๆเธอนั้นเป็นดั่งเทพธิดาแห่งสำนักพราน อย่างไรก็ตาม เธอต้องการแค่เพียงให้แดร์ริลอยู่ต่อและเธอจะพยายามกล้าหาญในเรื่องความรัก ถ้าหากนี่เป็นโอกาสสุดท้ายขอ
แดร์ริลไม่สามารถปฏิเสธกับคำขอร้องของเธอ เขาจึงพยักหน้า “ก็ได้ ฉันจะยอมไปสำนักโอสถเป็นเพื่อนเธอ แต่ฉันจะอยู่ต่ออีกแค่สองวันเท่านั้น”“เยี่ยมไปเลย!” เดบร้ายิ้มอย่างร่าเริงเธอมีแผนอยู่ในใจ เธอจะแสดงด้านที่งดงามที่สุดของเธอให้แดร์ริลได้เห็นภายในสองวันนี้ เธอรู้ดีว่าเขาจะต้องตกหลุมรักเธอแน่นอนหลังจากที่ได้เห็น และเขาก็จะไม่มีวันจากไปไหนอีกเลย…ระหว่างนั้นที่แท่นบูชาด้านข้างสำนักประกายแสงลิลี่ล้มลงฟาดกับพื้นที่ห้องโถงใหญ่ เธอชนเข้ากับเสาไปก่อนหน้านี้ ไม่มีใครรู้อาการของเธอว่าเป็นหรือตายหนึ่งในสาวกสำนักประกายแสง วิ่งเข้าไปดูอาการของเธอ เมื่อเขารู้ว่าเธอยังคงหายใจอยู่เขาก็รีบวิ่งไปหามัตเตโอและกล่าวถาม “ท่านรองเจ้าสำนัก เราจะทำยังไงกับสตรีนางนี้ดี?”สีหน้ามัตเตโอเยือกเย็นและเขากล่าวอย่างขึงขัง “เจ้ายังจะต้องมาถามข้าอีกเหรอ? ตัวประหลาดอัปลักษณ์สิ้นดี จับมันโยนลงทะเลไป!”“ขอรับ!”จากนั้นสาวกทั้งสองคนก็อุ้มตัวลิลี่ขึ้นด้วยใบหน้าที่รังเกียจเดียดฉันท์ถึงแม้ว่าลิลี่จะมีทรวดทรงที่ไร้ที่ติ แต่บรรดาสาวกก็รังเกียจใบหน้าขาวครึ่งดำครึ่งของเธอ ไม่มีใครเต็มใจที่จะอุ้มเธอไป แต่พวกเขาก็เลือกไม่ไ
เดบร้าเดินเข้ามาหาพวกเขาและจัดวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะ เธอฉีกยิ้มให้แดร์ริลและกล่าว "ได้เวลาตื่นแล้ว แดร์ริล นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำซุปเมล็ดบัวแปะก๊วย ได้โปรดลองชิมดู”มันเป็นเพราะแดร์ริล เดบร้าถึงยอมลดความหยิ่งทรงนงของเธอในฐานะเจ้าสำนัก เธอแสดงออกให้เห็นเพียงความสะโอดสะองและความนุ่มนวลอ่อนโยนเท่านั้นแดร์ริลอยากจะหัวเราะออกมา‘ท่านเจ้าสำนักถึงกับยอมทำแบบนี้เพื่อให้ฉันได้อยู่ต่อ’ แดร์ริลยิ้มร่าขณะเขาหยิบชามซุปขึ้นมาชิม มันมีรสชาติหวานใครจะไปรู้ว่าเดบร้านั้นทำอาหารเก่งขนาดนี้ ฝีมือของเธอยอดเยี่ยมพอ ๆ กับจีเวล“คุณคิดว่าไง?”เดบร้าจองมองแดร์ริลอย่างเขินอาย ใบหน้าสวยงามของเธอเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังแดร์ริลพยักหน้า “อร่อยดี”เดบร้านั้นรู้สึกดีใจกับคำชมและเธอกล่าวตอบอย่างนุ่มนวล “ถ้าคุณชอบ ฉันจะทำให้คุณกินได้ทุกวันไปตลอดชีวิตเลย”กลิ่นหอมของอาหารปลุกจีเวลให้ตื่นขึ้น เธอขยี้ตาพรางกล่าวถาม “นั่นซุปเมล็ดงั้นเหรอ กลิ่นมันหอมมาก”ใบหน้าของเดบร้าก็แดงก่ำ เธอรู้สึกอักอ่วนเมื่อจีเวลตื่นขึ้นมาเธอลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพรวดพราดและกล่าว “ฉันควรจะไปก่อน โอ้ ใช่ เดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าไปสำนักโอสถด้วย
แอนดี้ยืนขึ้นและกล่าวอย่างสุภาพ “ยินดีต้อนรับ ท่านเจ้าสำนักเกเบิล ต้องขออภัยถ้าหากว่าเราให้การต้อนรับไม่ดีพอ ได้โปรดนั่งลงก่อน”ใบหน้าของเดบร้าดูไร้อารมณ์ เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดกับแอนดี้ว่า "ไม่เป็นไร ท่านเจ้าสำนักโอสถ ฉันมาที่นี่เพราะฉันมีเรื่องที่ต้องชี้แจง"เดบร้าเหลือบมองไปรอบ ๆ ห้องโถง แต่เธอไม่เห็นผู้อาวุโสจูปิเตอร์อยู่ที่นั่น เขาเป็นคนที่มอบไตรโอสถปลอมนั้นให้กับเธอแอนดี้ยิ้มและถามเธอว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ได้โปรดพูดมาได้เลยท่านเจ้าสำนักเกเบิล”เดบร้าขมวดคิ้วในขณะที่เธอมองไปรอบ ๆ ห้องโถงอีกครั้ง “บอกฉันได้ไหมว่าผู้อาวุโสจูปิเตอร์อยู่ที่ไหน?”เมื่อเธอพูดจบ ชายชราที่มีผมสีขาวและเคราสีขาวก็เดินออกมาเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ชายชราก็โค้งคำนับเธออย่างสุภาพและพูดว่า "ผมคือ ผู้อาวุโสจูปิเตอร์ มีสิ่งใดกันหรือท่านเจ้าสำนักเกเบิล?"'เขาคือ ผู้อาวุโสจูปิเตอร์อย่างนั้นเหรอ?'เดบร้าและแดร์ริลแลกเปลี่ยนสายตากัน ชายผู้นี้ไม่ใช่คนคนเดียวกันกับคนที่มอบไตรโอสถปลอมให้เธอเดบร้าเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด ดังนั้น เธอจึงรู้ทันทีว่า 'ผู้อาวุโสจูปิเตอร์' ผู้นั้นเป็นตัวปลอม“