“หมอคนนั้นพูดถูกและมีความคิดดีมาก!” เฟนด์พยักหน้าอย่างพอใจและพูดพึมพำออกมา “คุณสองคนมาหาหมอเหรอ?” หมอชราคนนั้นเดินออกมาต้อนรับเฟนด์กับเซเลน่าทันที ตอนที่เขาเห็นเฟนด์กับเซเลน่าเดินเข้ามาในร้าน “เปล่า เราเห็นป้ายประกาศที่ติดอยู่หน้าประตู ร้านแห่งนี้ไม่ได้ประกาศขายเหรอ? ผมสนใจร้านนี้ ขายราคาเท่าไหร่?” เฟนด์ตอบกลับหมอราคนนั้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “คุณครับ ร้านแห่งนี้อยู่ในทำเลดีและข้างในยังกว้างขวางมาก! เข้ามาข้างในก่อน แล้วผมจะพาคุณเดินดูรอบ ๆ ดีไหม?” เจ้าของร้านขายยาปรารถนาเดินเข้ามาหาพวกเขาทันทีหลังจากที่รู้ว่าเฟนด์สนใจร้านแห่งนี้ แม้ว่าเจ้าของร้านจะคิดว่าคงเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะมาซื้อร้านนี้ต่อก็ตาม แต่เจ้าของร้านก็ยังยิ้มอย่างอบอุ่นและต้อนรับพวกเขาอย่างดี เพราะยังไงซะก็หาได้ยากมาที่จะมีคนมาสนใจร้านแบบนี้ “เป็นความคิดที่ดี! ไปดูรอบ ๆ กัน” เฟนด์พยักหน้าเห็นด้วยและเดินตามเจ้าของร้านไปเดินดูบริเวณรอบ ๆ ของร้านขายยา เมื่อพวกเขาเดินดูกันเสร็จแล้ว เฟนด์ก็ถามออกมาตรง ๆ ว่า “ร้านนี้ขายราคาเท่าไหร่? แล้วคุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าจะติดต่อผู้ขายวัตถุดิบยาจีนได้ที่ไหน?” “ไม่
“พ่อหนุ่ม คุณไม่ได้กำลังโม้ใช่ไหม? คุณรู้วิธีการรักษามะเร็งหรือเปล่า?”เสียงของเจ้าของร้านสั่นด้วยความตื่นเต้นหลังจากได้ยินคำพูดของเฟนด์ เขาสงสัยว่าเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า“พ่อหนุ่ม คุณไม่พูดเกินจริงไปหน่อยเหรอ? แม้แต่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงก็ยังรักษาโรคมะเร็งไม่ได้เลย ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน โรคมะเร็งยังเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เป็นมะเร็งระยะที่สี่!”หมอชราที่เป็นแพทย์แผนจีนลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินอย่างช้า ๆ มาทางพวกเขา ขาและเสียงของเขาสั่น“เฮ้ เมื่อกี้คุณทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเรื่องนั้นอยู่เหรอ? ความจริงที่ว่าแพทย์แผนตะวันตกดีไม่เท่าแพทย์แผนจีนในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่พึ่งพาเครื่องมือทุกอย่างในการรักษาโรค ถ้าหากไม่มีเทคโนโลยีและเครื่องมือ พวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรคนี้คืออะไรกันแน่ จริงไหม?”เฟนด์หัวเราะออกมาเสียงดัง ด้วยสีหน้างุนงง“ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราคุยกัน แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะมีความรู้มากขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย!”หมอชรามองเฟนด์ด้วยสายตาเคารพและยกย่อง “ถ้าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริง คุณสามารถรักษาโรคแปลกประหลาดที
หมอชราตกใจมากกับจำนวนเงินนั้น “คุณครับ คุณจะให้ฉันเรียกคุณว่ายังไงดี? ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี แต่สามหมื่นเหรียญนั่นมันมากเกินไป!” “โอ้ ไม่เลย ไม่เลย! วันนี้ผมอยากให้คุณช่วยดูแลร้านให้หน่อย! และชื่อของผมคือ เฟนด์ วู๊ด!” เฟนด์หัวเราะแล้วมองไปที่ภรรยาที่น่ารักของเขาซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ “ผมกับภรรยาขอตัวก่อน” เขาพูด “ได้ครับ คุณวู๊ด ฉันชื่อ เทอร์เรนซ์ แชฟฟรี่ เรียกฉันว่า เทอร์รี่ ก็ได้” เทอร์เรนซ์พูดออกมาด้วยเสียงอบอุ่นและเดินไปส่งทั้งคู่ที่ประตู “เฟนด์ ฉันรู้ว่าคุณพยายามจะช่วย แต่คุณใจกว้างเกินไป ไม่คิดงั้นเหรอ?” เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากร้านขายยา ระหว่างทางกลับบ้าน เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะแซวเฟนด์ “คุณใจกว้างเกินไปจนทำให้หมอชรากลัว!”“ฮ่าฮ่า! เอาน่า เทอร์รี่กับครอบครัวของเขาดูฐานะไม่ค่อยดี และแน่นอนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะใช้ชีวิตในเมืองนางแอ่น เพราะยังไงซะ การเป็นเจ้าของบ้านสักหลังในเมืองนางแอ่นก็เป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนทั่วไปและเป็นภาระจริง ๆ เทอร์รี่เป็นคนจิตใจดี เขาทำงานก็เพื่อช่วยลดภาระบนบ่าของลูกชายของเขา” มุมปากของเฟนด์โค้งขึ้นเล็กน้อย “เฮ้อ! พ่อแม่มักจะเป็นห่วงลูก ๆ เสมอ!” เฟนด์พู
“นายล้อเล่นใช่ไหม? มัวร์ นายเนี่ยนะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ?” ราชาสงครามสี่ดารามีสีหน้าประหลาดใจ “มีนักสู้ชั้นยอดหลายคนในเมืองนางแอ่นก็จริง แต่มัวร์ก็ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ที่ใคร ๆ ก็เอาชนะได้! ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง! เป็นไปได้ยังไง?” ฮันเตอร์พยักหน้าออกมา “ฉันก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนั้น วันก่อนพวกนั้นมาดูถูกหลานชายของฉัน บังคับให้เขาคุกเข่ากลางแดดที่ร้อนระอุเป็นเวลานาน พวกนั้นซ้อมเขาและจัดการกับบอดี้การ์ดของเขาด้วย! ฉันก็เลยไปช่วยหลานชายของฉัน แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะแข็งแกร่งขนาดนี้ และสุดท้ายเธอก็เอาชนะฉันได้!” หลังจากได้ยินข่าวใหม่นี้ ราชาสงครามทั้งสามคนก็ชำเลืองมองตากันเพื่อส่งข้อความบางอย่างระหว่างพวกเขา พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขารู้และเข้าใจนิสัยของฮันเตอร์กับหลานชายของเขาดี ดังนั้นพวกเขาจึงรู้เลยว่าใครเป็นคนผิด หลังจากวิเคราะห์สถานการณ์แล้ว ทั้งสามคนก็สันนิษฐานว่าหลานชายของเขาคงจะไปหลงใหลความงามของอีกฝ่ายและอยากเป็นเจ้าของเธอ จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ฮันเตอร์ปกป้องหลานชายของตัวเองอย่างมาก ทุกคนรู้ดี ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าฮันเตอร์พ่าย
“บ้าเอ๊ย! ฉันมาช้าไป! ช้าไปไม่กี่นาทีเอง!” คาเลบถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง และพูดไม่ออก “นายน้อยควินตัน หมายความว่าไง ที่บอกว่ามาช้าไป?” มิสเตอร์วอลเลซงงกับคำพูดของคาเลบ ไม่เข้าใจว่าคาเลบหมายถึงอะไร “มันไม่เกี่ยวกับนาย!” คาเลบถลึงตาใส่มิสเตอร์วอลเลซและพูดโพล่งออกมาหลังจากพูดคำสุดท้ายจบ คาเลบก็ขึ้นรถและเตรียมขับรถไปที่บ้านของเฟนด์ เพื่อไปเป็นสักขีพยานตอนที่เฟนด์ตาย คราวนี้ลุงที่สองของเขาไม่ได้ไปคนเดียว เขายังพาราชาสงครามอีกหลายคนไปด้วย ด้วยกำลังที่รวมกันของพวกเขาพูดได้เลยว่าน่ากลัวและน่าเกรงขาม ดังนั้น คาเลบจึงมั่นใจว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเฟนด์ที่จะได้มีชีวิตอยู่บนโลก ผ่านไปไม่กี่นาที ก็มีราชาสงครามหกคนมารวมตัวกันที่หน้าบ้านของเฟนด์ “ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ใหม่เหรอ? แล้ววิลล่าพวกนี้ล่ะ?” ราชาสงครามคนหนึ่งขมวดคิ้วขณะพยายามแอบมองวิลล่าที่มีกำแพงล้อมรอบ “ใช่แล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งเทียบเท่าราชาสงครามสี่ดารามาอาศัยอยู่ที่นี่!”ราชาสงครามอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา พวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตูทางเขาบ้านของเฟนด์ แต่กลับถูกบอดี้การ์ดสองคนรขวางไว้ตรงทางเข้า“พวกค
“อาจารย์ครับ มีทั้งหมดหกคนและผมจำหนึ่งในนั้นได้ แต่อีกห้าคนผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร! ถ้าอาจารย์จะออกไปสู้กับพวกนั้น มันจะไม่แย่เหรอ?”บอดี้การ์ดยิ้มบาง ๆ ออกมาสงสัยในการตัดสินใจของสกายเลอร์“นายรู้จักหนึ่งในนั้นใช่ไหม? อืมมม แล้วฉันรู้จักพวกนั้นไหม?” สกายเลอร์ฟังที่ลูกศิษย์ของเขาพูดอย่างตั้งใจและถามพร้อมกับขมวดคิ้ว“โอ้ อาจารย์รู้จักคนคนนี้แน่! เขาเคยเป็นลูกน้องของคุณ แต่เขาไม่รู้จักผมแน่นอน!”บอดี้การ์ดพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ปนเปกัน “เขาคือ คุณ ไมล์ สโตน อาจารย์จำได้ไหม? เขาไม่ใช่แค่ลูกน้องของคุณ แต่อาจารย์ยังเคยช่วยชีวิตเขามาก่อนด้วย!” “อ๋อ! เขานั่นเอง!”ทันทีที่สกายเลอร์ได้ยินชื่อนั้น เขาตื่นเต้นมากและแทบรอไม่ไหวที่จะได้พบกับเพื่อนเก่าที่แสนดีคนนี้ แต่หลังจากก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หยุด จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยว แต่อีกฝ่ายมาเพื่อหาเรื่อง ถ้าเขาออกไปแบบนี้อาจทำให้อีกฝ่ายอับอายต่อหน้าราชาสงครามคนอื่น ๆหลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็ถามลูกศิษย์อีกครั้งว่า “คนที่ตะโกนอยากฆ่านายท่านเฟนด์ไม่ใช่เขาใช่ไหม? ไมล์เป็นคนดีและจิตใจดี เขาไม่เคยไปท
ใครก็ตามที่มีความสามารถในการต่อสู้เทียบเท่าราชาสงครามคงไม่อาสามาเป็นบอดี้การ์ดแน่นอน ดังนั้นชัดเจนเลยว่าอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นราชาสงคราม แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจจะกลัวและเพราะอยากรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองจึงไม่อยากยอมรับความอ่อนแอ ดังนั้นเขาจึงขอให้ไมล์ สโตนเข้าไปเพื่อที่จะติดสินบนให้ไมล์ และไมล์จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหา “เฮ้! ฉันเป็นถึงราชาสงครามห้าดารา และนายกำลังบอกให้ฉันเข้าไปพบเขา? แน่ใจนะ?” ไมล์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น สีหน้าของเขาแสดงความขุ่นเคืองออกมา “ไอ้หนุ่ม รีบ ๆ ไปบอกให้หัวหน้าของแกออกมา ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกซะ!” ฮันเตอร์หมดความอดทน เขาก้าวออกมาข้างหน้า บีบคอบอดี้การ์ดและยกเขาลอยขึ้นสูงกลางอากาศ ฮันเตอร์คิดว่าบอดี้การ์ดจะกลัวจนฉี่ราด แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้แสดงอาการกลัวออกมาเลย เขาจ้องฮันเตอร์ด้วยสายตาน่ากลัว “ถ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่า แกคิดว่าฉันกลัวตายเหรอ แต่ฉันอยากจะบอกแกว่า ถ้าแกฆ่าฉัน พวกแกทุกคนจะต้องเสียใจในภายหลังแน่ และพวกแกทุกคนจะต้องชดใช้ชีวิตให้ฉันด้วยชีวิตของพวกแก!” “ฮันเตอร์ อย่าฆ่าเขา!” ความกล้าหาญของบอดี้การ์ดทำให้ไมล์ได้สติขึ้นมา บางทีมันอาจจะไม่ง่ายอย่างนั้น หล
“อย่าครับ ได้โปรด อย่าเลยพี่เซเลสติโน่! อย่ามือสั่นเลย ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง พวกเราคงตกอยู่ในอันตรายแน่!” ไมล์ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะกับสถานการณ์นี้ดี จู่ ๆ ความรู้สึกของเขาก็แทบจะลักออกมา “พี่เซเลสติโนครับ ผมไม่คิดว่าจะได้เจอพี่ที่นี่ โอเค! ผมจะจัดการให้เรียบร้อย แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาที่นี่ใหม่!” “พรุ่งนี้นายจะมาที่นี่อีกงั้นเหรอ?” สกายเลอร์ยิ้มนิด ๆ ไมล์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า พรุ่งนี้ผมจะมาหาพี่ มาดื่มและคุยกัน วันนี้ผมทำไม่ได้ เพราะยังมีคนรอผมอยู่ที่ข้างนอกนั่น!” “ฉันเห็นด้วย แต่ตอนนี้นายยังออกไปไม่ได้! ฉันจะรินชาให้นายสักถ้วย อย่างน้อยนายควรดื่มมันก่อนแล้วค่อยออกไป!” ไมล์สเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่สนิทของเขา พวกเขาคนสองเคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันในสนามรบ ดังนั้น สกายเลอร์จึงอารมณ์ดีหลังจากที่เจอไมล์ “ฮ่าฮ่า! ได้เลย!” ไมล์คุยกับสกายเลอร์อยู่สักพัก แล้วก็ก้มลงดื่มชาตรงหน้า จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ประตูเอง “ทำไมสโตนยังไม่กลับมาอีก?” ฮันเตอร์และคนอื่น ๆ ที่รออยู่ข้างนอกเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ ไมล์อยู่ด้านในเกือบสิบนาทีแล้ว มันทำให้พ