“สารเลวไหน? คนไหน?” หัวหน้าคตระกูลแชฟฟ์แมนตะโกนใส่บอดี้การ์ดคนที่รีบเข้าไปในห้องอาหารทันที เขากำลังดื่มด่ำช่วงเวลาดี ๆ ในการดื่มกับครอบครัว แล้วก็ถูกกวนอย่างกะทันหัน เป็นธรรมชาติที่เขาจะรู้สึกหงุดหงิดก่อนจะทำคิ้วผูกโบ “ไอ้เด็กเวร ไอ้สารเลว เฟนด์… เราเป็นสักขีพยานว่าเขาฆ่าคนจากตระกูลแวกเนอร์ไปเพียบ พร้อมกับตระกูลโลวไปเมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือไง? ไอ้สารเลวนั่นในวันนั้นมาที่นี่พร้อมกับผู้หญิงที่สวมหน้ากาก!” บอดี้การ์ดพูดเสียงสั่น เขาเคยภูมิใจที่ได้เป็นบอดี้การ์ดของตระกูลแชฟฟ์แมน เขามีความมั่นใจในตระกูลแชฟฟ์แมนมาก เพราะปกติแล้ว ไม่มีใครกล้าหือกับตระกูลที่โดดเด่น และมีอำนาจ และนั่นเป็นสาเหตที่ทำให้นายน้อยแชฟฟ์แมนทั้งหยิ่งยโสและหัวสูง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนที่มาถึงตระกูลแชฟฟ์แมนในวันนี้ ทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ เขากลัวมาก ก็เพราะทักษะการต่อสู้ของทั้งคู่น่าเกรงขามมาก ถ้าเขาไม่รู้จักชื่อของราชาสงครามเก้าดาราทั้งหมด เขาคงคิดว่าเฟนด์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น! "ให้ตายสิ? ทำไมสองคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” หัวหน้าของตระกูลแชฟฟ์แมน ตกใจกับข่าวที่ว่าเขาถูกยิงจากเก้าอี้ จู่ ๆ เขาก็หายเมา ไม่รู้สึกม
นายใหญ่แชฟฟ์แมนหัวเราะคิกคัก พร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนหน้าของเขา เฟนด์ไม่เสียเวลามาทำพิธีรีตอง เขาพูดเรื่องเรื่องนั้นขึ้นมาเลยว่า “นายท่านแชฟฟ์แมน ผมมาที่นี่เพราะเรื่องอะไรบางอย่าง ส่วนเรื่องอาหารเย็นกับเรื่องดื่มนั่น ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม ผมเคยทะเลาะกับหลานของคุณมาก่อน เพราะงั้น ผมคงไม่มีความสุขที่ได้กินอาหารเย็น หรือดื่มหรอก!” “มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ! มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด!” พีซโพล่งเข้ามา พลางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เรื่องนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้นเลย ผมทั้งยโสและหยาบคายมาก เพราะงั้น เรื่องทั้งหมดเลยเกิดขึ้น แต่ผมต้องพูดจริง ๆ ว่าคุณวู๊ดทั้งสองนั้นดูดีมาก พี่เฟนด์ พี่นี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้ทั้งคู่เป็นภรรยา ผมอิจฉาจริง ๆ !” หน้าของเฟนด์ขรึมขึ้นทันที เขาพูดกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ยังควบคุมเอาไว้ได้อยู่ “พีซ แชฟฟ์แมน อย่างแรกเลย อย่าเรียกฉันว่าพี่ และอย่ากล้าแม้แต่จะมองภรรยาของฉันอีก สำหรับขยะอย่างนาย ฉันไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ ด้วยทั้งนั้น!” เฟนด์ไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมาจากตระกูลชนชั้นสูงระดับที่สองที่โดดเด่นในเมืองจินก็ตาม หน้าขอ
“แปลกนะ เฟนด์มาที่นี่เพื่อขอบัตรเชิญโดยเฉพาะ นั่นก็หมายความว่าหมอนี่สนใจเกล็ดมังกร!” ทันทีที่สองคนนั้นจากไป นายท่านแชฟฟ์แมนอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำออกมา “ตอนนี้เหลือบัตรเชิญเพียงใบเดียวเท่านั้น ดังนั้นเราสองคนจึงยังสามารถไปงานประมูลในวันพรุ่งนี้ได้ เรายังโชคดีที่เฟนด์ไม่ได้ขอบัตรเชิญไปสองใบ!” “แต่เฟนด์รู้เรื่องนี้ได้ยังไง? พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาไม่ใช่เหรอ?”พีซขมวดคิ้วด้วยสีหน้างุนงง “องค์กรลับส่งบัตรเชิญมาให้เรา เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง? นั่นหมายความว่าเขาต้องค้นหาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกล็ดมังกร ไม่งั้นจะเป็นไปได้ยังไงที่เฟนด์จะรู้เรื่องงานประมูลอย่างรวดเร็ว?” “นี่มันแปลกมาก! ทำไมเขาถึงสนใจเกล็ดมังกรนักล่ะ? ขณะที่เรายังเดากันอยู่เลยว่าเกล็ดมังกรนี้เป็นของจริงหรือเปล่า พวกเขาได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาคงจะสนใจมันมานานแล้ว!” นายใหญ่แชฟฟ์แมนเองก็รู้สึกว่าการที่เฟนด์สนใจเกล็ดมังกรนั้นคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน ไม่งั้นเขาคงไม่มาหาพวกเราโดยเฉพาะเพื่อขอบัตรเชิญ! “อืมมม...พวกเขาเพิ่งย้ายมาที่นี่ได้ไม่นาน โอ้ ผมนึกออกแล้ว! เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวเกี่ยวกับเกล็ดมังกรรั่วไหลออกมา แ
วันต่อมา ตระกูลบางตระกูลที่ได้รับบัตรเชิญให้เข้าร่วมงานประมูลลับนี้ไม่ได้สนใจเกล็ดมังกรเลย และบางตระกูลก็คิดว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง ดังนั้นตระกูลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากพวกนั้นจึงไม่ได้ไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่นอกเมือง แต่ตระกูลส่วนใหญ่ที่อยากค้นหาความจริงเรื่องเกล็ดมังกรที่ได้รับบัตรเชิญ พวกเขาพาบอดี้การ์ดสองสามคนตามไปด้วยและไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่นอกเมือง ผู้คนต่างมารวมตัวกันที่นอกคฤหาสน์มากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าของคฤหาสน์ยังไม่ได้เปิดประตู แต่เจ้าของกลับให้รออยู่ด้านนอกคฤหาสน์ “ใครเป็นคนจัดงานประมูลครั้งนี้? ผู้จัดงานให้พวกเราทุกคนรออยู่ด้านนอกและไม่มีแม้กระทั่งที่นั่งให้เราได้ยังไง! ช่างอวดดีจริง ๆ!” ชายชราคนหนึ่งจากกลุ่มคนบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด “นั่นน่ะสิ! ผู้จัดงานส่งบัตรเชิญให้เราแค่สามใบ แล้วบอดี้การ์ดของฉันจะเข้าไปได้ยังไง? มีแค่หกคนเท่านั้นที่เข้าไปได้!” ชายวัยกลางคนอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายชราก็อดไม่ได้ที่บ่นออกมาเสียงดัง เขาพาบอดี้การ์ดมาด้วยหลายคนเพื่อมาคอยคุ้มครอง เรื่องนี้มันทำให้เขาอารมณ์เสีย “นี่ นายน้อยนอร์ตัน ดูนั่นสิ! นายเห็นสาวสวยคนนั้นไหม? ฉันไม่เคยเจอเธอมาก่อนเลย เ
หลังจากที่เฟนด์ส่งบัตรเชิญให้พนักงาน เขากับลาน่าก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ เดินเข้าไปในห้องโถงที่ตกแต่งอย่างงดงาม ที่ด้านข้างของห้องโถง มีเวทีที่สร้างขึ้นชั่วคราวสำหรับงานประมูลครั้งนี้และมีเก้าอี้สำหรับให้ผู้มาร่วมงานนั่ง แสงสลัวและบรรยากาศที่น่าขนลุก ทำให้ผู้คนจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมา ไม่นานห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คนเกือบร้อยคน จากนั้นชายชราที่สวมชุดคลุมสีดำถ่านและสวมหน้ากากก็เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้า ๆ ชายชราผมสีบลอนด์เป็นประกายจ้องตากับลาน่า สีหน้าของลาน่าเริ่มนิ่งและมืดลงทันที “ผู้จัดงานนี้มาจากอเมริกาหรือเปล่า?” ลาน่ากระซิบถามเฟนด์ เฟนด์ขมวดคิ้วกับเหตุการณ์ตรงหน้า “เป็นไปได้ไง? เกล็ดมังกรตกไปอยู่ในมือของพวกอเมริกาได้ยังไง?” ในตอนนั้นเอง เมื่อเฟนด์พูดประโยคสุดท้ายจบ ชายชุดดำหลายร้อยคนก็เข้ามาในห้องโถงจากทางประตูหน้าและทางประตูด้านข้าง ล้อมรอบทุกคนที่อยู่ตรงกลางห้องโถงไว้ “อะไรวะเนี่ย...” สถานการณ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยชายชุดดำรูปร่างใหญ่หลายร้อยคนทำให้ตระกูลที่มีชื่อเสียงรู้สึกกังวล “โอ้ทุกคน โปรดอยู่ในความสงบ พวกเขาเข้ามาที่นี่เพื่อรักษาความปลอดภัยของสิ่งของในงานปร
“เขาพูดถูก! คุณต้องพิสูจน์และบอกเรามากกว่านี้ ถ้าหากคุณอยากได้เงินจากเราในการประมูลครั้งนี้!” นายน้อยอีกคนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ที่ผมมาวันนี้ก็เพื่อมาดูอะไรใหม่ ๆ ผมเป็นนายน้อยของตระกูลที่มีชื่อเสียง ผมยังมีเรื่องสำคัญอื่นต้องทำอีก รู้ไหม? และในงานประมูลวันนี้ก็มีเพียงรายการเดียว คือ เกล็ดมังกร ผมมาที่นี่เพื่อมัน ดังนั้นคุณอย่าทำให้ผมผิดหวังเลย!” “นายน้อยคนนี้พูดถูก! ฮ่าฮ่า! เราจะไม่ทำให้เงินของคุณสูญเปล่าแน่นอน! มันจะคุ้มค่า!” ชายชราชาวอเมริกันที่อยู่บนเวทีหัวเราะออกมาเสียงดังกับความคิดเห็นของนายน้อย “ฉันเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับทุกคน ที่ทุกคนมักจะแสวงหาและพยายามปรับปรุงความสามารถในการต่อสู้ของตัวเอง ทุกคนปรารถนาที่จะเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ หรืออยากเป็นแม้กระทั่งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ในการต่อสู้แห่งยุค! นักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงได้เรียนรู้เทคนิคการเพิ่มพลังและด้วยความรู้ของเทคนิคการเพิ่มพลังนั้นก็จะทำให้กลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้” ทุกคนพยักหน้าหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของชายชรา ในฐานะประชากรของเมืองแห่งศิลปะการต่อสู้ พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้ดี ชายช
“คุณโม้หรือเปล่าเนี่ย? เกล็ดมังกรนี้หลุดออกมาจากร่างกายคน? ฮ่าฮ่า! ท่านผู้เฒ่า เรายังไม่ได้เชื่อเลยนะตอนที่คุณบอกว่าสิ่งที่เหมือนเกล็ดปลานี้คือ เกล็ดมังกร และตอนนี้คุณยังมาบอกว่าเกล็ดมังกรนี้หลุดออกมาจากร่างกายของคน ๆ หนึ่ง?” ใครบางคนในกลุ่มผู้มาร่วมงานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “คุณกำลังสร้างเรื่องราวขึ้นมาเพื่อเพิ่มมูลค่าของเกล็ดมังกรใช่ไหม? แต่เราไม่ได้โง่นะ เรื่องราวที่คุณพูดมามันไร้สาระเกินไป และพวกเราคงไม่เชื่อคุณหรอก ผมเกรงว่าวันนี้คุณคงจะขายเกล็ดมังกรในราคาสูงไม่ได้หรอก!” ชายอีกคนหนึ่งก็ลุกขึ้นเหมือนกัน “ท่านผู้เฒ่า ทำไมถึงมาบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับพวกเรา? ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามีระดับที่อยู่สูงกว่าระดับกึ่งเทพซึ่งก็คือ ระดับเทพแท้จริง คนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงได้ควรได้รับตำแหน่งสูงสุดของมนุษย์แล้วใช่ไหม? แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับคุณในการประมูลเกล็ดมังกรชิ้นนี้?” “ฮ่าฮ่า! แน่นอน มันเกี่ยวโยงกันมาก! ผู้ที่มีเกล็ดมังกรนี้อยากพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของเขา แต่เกล็ดมังกรชิ้นนี้กลับหลุดออกมาจากตัวเขา ดังนั้นมันจึงได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยพลังธรรมชาติจากจิตวิญ
คนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยแม้ว่าจะรู้สึกโกรธอยู่ก็ตาม “ออกไปเหรอ? ข้าเกรงว่าพวกคุณคงจะออกจากที่นี่ไปไม่ได้!” ชายชราโบกมือ ชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าทุกคนต่างยกกำปั้นขึ้น ฉายออร่าอันตรายที่เงียบสงบ “แกอยากจะสู้กับเราทั้ง ๆ ที่เรามีคนจำนวนมากกว่างั้นเหรอ? แกอยากตายเหรอ?” ชายหัวล้านเอียงคอเพื่อมองชายชราที่อยู่บนเวทีด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ฮ่า ทุกคนที่นี่น่าจะเป็นนักสู้ที่มีฝีมือเลยทีเดียว” ชายชราพูดพร้อมยิ้ม “เราจะฆ่าคนที่ฝีมือไม่ได้เรื่องซะ และเอาตัวคนที่ฝีมือไม่แย่มาเป็นหุ่นเชิด พวกแกจะได้มีส่วนร่วมในชุมนุมของเรา ฮ่า!” “ส่งเกล็ดมังกรมาซะ ตาแก่!” เฟนด์ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบเท้ายืนขึ้นและจ้องเขม็งไปที่ชายชรา “ฮ่า ดูซิว่าเจ้าจะเอามันไปจากข้าได้ไหม!” ชายชราหัวเราะ พูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “ในเมื่อแกพูดแบบนั้น งั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้กำลังเอามันมา!” เฟนด์ยกเท้าขึ้นและลอยพุ่งไปยังทางชายชรา “อย่าบอกนะว่าเจ้าคือนักรบสูงสุด?” ชายชราตกตะลึง เฟนด์เร็วกว่าชายชราคนเมื่อกี้มาก สุดท้ายเขาก็รู้ตัวว่า เฟนด์ คือคนที่เขากับคนอื่น ๆ กำลังรอคอยอยู่ “ท่านนักรบสูงสุด?” หลายคนตกใจแรง