สำหรับคำถามของเบ็น เฟนด์อธิบายว่า “ตอนที่ฉันถ่ายพลังใส่ฉีเข้าไป ฉันถ่ายพลังจิตของฉันเข้าไปด้วย ตอนนี้พวกนายยังใช้พลังจิตไม่ได้ ความแข็งแกร่งของพลังจิตนี้เป็นพลังที่ลึกลับและมองไม่เห็น พวกนายยังไม่สามารถมองเห็นมันได้ พวกนายจะรู้สึกและใช้พลังนี้ได้หลังจากที่ถึงระดับเทพแท้จริงแล้วเท่านั้น”“ถ้าฉันอยากปลดผนึกการแช่แข็งนี้ ฉันก็แค่เชื่อมต่อกับไข่มุกน้ำแข็งผ่านพลังจิต การแช่แข็งก็จะถูกปลดออกหลังจากที่ฉันสื่อสารกับมัน”“เอาล่ะ เราควรไปได้แล้ว ที่นี่อากาศหนาวมาก!”“เราไม่เป็นไรก็จริง แต่นายกับเซเลน่าไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ ดังนั้นสภาพร่างกายของพวกนายจึงไม่แข็งแกร่งเท่ากับเรา” เฟนด์พูด “พวกนายอาจจะเป็นหวัดได้ถ้าพวกนายอยู่ที่นี่นานเกินไป”ไม่นานทั้งหมดก็เดินออกจากถ้ำไปอีธานคิดเกี่ยวกับมันก่อนที่จะถามเฟนด์ขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์ เราทำได้เพียงแค่ป้องกันไม่ให้เฟอร์นันโดตายในตอนนี้ แต่มันคงยากถ้าเราต้องการรักษาเขา ร่างกายของเขาแข็งไปหมด กล้ามเนื้อและกระดูกก็ด้วย ตอนนี้เขาเป็นเหมือนก้อนหิน แล้วเราจะช่วยเขาได้ยังไง? ผมคิดไม่ออกเลยจริง ๆ”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะพูดว่า “จริง ๆ แล้ว ฉันก็ยังไม่รู้เ
ในขณะเดียวกัน ลิลลี่ก็กำลังโมโหจัดอยู่ในห้องของเธอ รู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกอะไรบางอย่างกั้นไว้ “ฉันโกรธมาก! ไอ้เด็กเวรนั่นมีความสามารถในการต่อสู้สูงมากและเขายังรู้ทักษะยุทธระดับกลางขั้นสองอีกด้วย โอ้ นั่นยิ่งทำให้ฉันโมโหมาก!”ลิลลี่เคยคิดจะสั่งให้ฮัดสันและคนอื่น ๆ ฆ่าเฟนด์ในระหว่างการประลอง โดยอาจให้พวกเขาบอกว่าพลั้งมือหรือควบคุมพลังของตัวเองไว้ไม่อยู่แม้ว่าพวกเขาพลาดในการฆ่าเฟนด์ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะได้หยุดไม่ให้เฟนด์เป็นผู้ชนะและกลายเป็นผู้สืบทอดหัวหน้าตระกูลที่ทำให้ทุกคนงงมากกว่าคือหมอนั่นสามารถเอาชนะทุกคนในการประลองได้และได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล แล้วเขายังได้รับสมบัติของตระกูลวู๊ดอย่างไข่มุกน้ำแข็งด้วย“ใครจะไปรู้ว่าไอ้หมอนั่นจะมีทักษะยุทธแบบนั้น!” ผู้อาวุโสลำดับที่สามที่นั่งอยู่บนโต๊ะในห้องและยกเหล้าขาวดื่มอึกใหญ่ จากนั้นเขาก็คำรามออกมาว่า “ฉันคาดว่าระดับพลังยุทธของหมอนั่นน่าจะอยู่ในระดับกึ่งเทพขั้นสุดยอดสูงแล้ว รวมกับทักษะยุทธระดับกลางขั้นสอง มันจึงง่ายมากสำหรับเขาที่จะได้เป็นผู้ชนะการประลอง”“ดูเหมือนว่าเทคนิคของเขาจะทรงพลังมากด้วย ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะชนะด้วยทักษะ
เอเลนพยักหน้ารับที่เฟนด์เตือน และพูดว่า “ใช่ คุณกินมากไม่ได้!”“โอ้ ที่รัก... เนื้อนี่มันหอมมาก แต่เรากินมากไม่ได้” เบ็นบ่นขณะกลืนน้ำลาย“ทุกคน นั่งกันเลย ไม่จำเป็นต้องมีพิธีการอะไร!” เฟนด์ยิ้มและพูดกับผู้เชี่ยวชาญแต่ละตระกูล “เราทุกคนคือสมาชิกของตระกูลวู๊ด และเช่นนั้น ทำให้เราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน ทุกคนต้องสนุกไปด้วยกัน ตกลงไหม?”“ใช่ ใช่! นายน้อยพูดถูก!” ทุกคนยิ้มและเริ่มต้นดื่มกันผ่านไปชั่วครู่ เฟนด์ก็หันไปหาแลนเซล็อตลูดว่า “อืม แลนเซล็อต ตระกูลสาขาเรียบร้อยดีไหม? บอกผมถ้ามันมีอะไรที่ต้องจัดการ ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ในตระกูลสาขามากเท่าไหร่”แลนเซล็อตเปิดปากขณะลังเลที่จะพูด เขาเหลือบมองผู้นำของตระกูลสาขาคนอื่น ๆ ตามสัญชาตญาณพวกเขาเหมือนอยากพูดแต่ก็กลัวที่จะพูดเฟนด์ผ่อนคลายพวกเขาทันทีที่เห็นท่าทางเช่นนั้น “ไม่ต้องกังวล พูดออกมาได้หมดเลย ผมจะไม่บอกใคร ฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้น”แลนเซล็อตเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะเริ่มเล่า “นายน้อย ผมจะพูดยังไงดี? ตระกูลสาขาสนับสนุนตระกูลหลักมาตลอด แม้แต่เนื้อสัตว์อสูรที่คุณกำลังกินก็มาจากสัตว์อสูรที่เราล่ามาในป่า เราสละชีวิตทุก ๆ เ
“เราไม่รู้ว่านายท่านรู้เรื่องนี้หรือไม่ แล้วเราก็ไม่กล้าถาม เรากลัวไประรานคนอื่นถ้าถามมากเกินไป” ชายชรา หนึ่งในผู้นำของตระกูลสาขาพูดอย่างขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวตระกูลหลักแต่ก็อยากได้ทรัพยากรเพิ่มในการต่อสู้สำหรับตระกูลสาขา“ใครเป็นคนคุมเรื่องนี้?” เฟนด์ถาม“ผู้อาวุโสลำดับแรกเป็นคนดูแล ตอนนั้นพวกเขาอยากได้แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นเขาต้องไปทำเรื่องอื่น ผู้อาวุโสลำดับสามจึงมาดูแลแทน” แลนเซล็อตยิ้ม “ไม่นานหลังจากที่เขาได้รับมอบหมายให้มาจัดการกับทรัพยาการเสริมทักษะยุทธ เขาก็บอกเราว่าคนระดับสูงตัดสินใจเพิ่มเป็นหกสิบเปอร์เซ็นต์ หลังจากที่สรุปกันในที่ประชุมแล้ว”“เขาบอกว่าตระกูลหลักมีการพัฒนาที่ดี และเด็ก ๆ หลายคนก็ก้าวหน้ากัน เขาขอให้เรามีน้ำใจและเสียสละให้ตระกูลหลักอีกเล็กน้อย พวกเขายังพูดอีกด้วยว่าจะให้เราเก็บทรัพยากรไว้หลังจากนายท่านของตระกูลดีขึ้น”ชายชราผมขาวหยักหน้า “ใช่ และเราก็เข้าใจความยากลำบากในตระกูลที่นายท่านต้องเจอ สุดท้ายแล้ว มันก็ดีที่จะไปสนใจที่ทรัพยากรและให้กลุ่มคนน้อย ๆ ไปฝ่าฟันแทน และนั่นก็คือสาเหตุที่ไม่มีใครพูดอะไรเลย อ
วันนี้ ผู้อาวุโสลำดับสามได้พูดอย่างเปิดเผยในฐานะของลิลลี่ และคู่กับข่าวลือที่ว่าพวกเขาสนิทกันขนาดไหน นี่ทำให้เขาแน่ใจว่าลิลลี่กับผู้อาวุโสลำดับสามทำงานร่วมกัน และมีส่วนในการรับผิดชอบเรื่องวางยาพิษพ่อเฟนด์ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด พวกเขาต้องทำงานร่วมกันเพื่อยักยอกทรัพยากรเสริมพลังยุทธอีกด้วยผู้นำของตระกูลสาขาสองสามคนตกใจเมื่อเห็นว่าเฟนด์นิ่งไปเช่นนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลสาขาเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "นายน้อยเฟนด์ อย่าเข้าใจเราผิดเลยนะ เราเล่าให้ฟังแบบไม่ได้โกรธแค้นอะไร เราแค่อยากระบาย เรารู้สึกว่าตระกูลสาขาขาดทรัพยากรเสริมพลังยุทธ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น!"นายท่านตระกูลสาขาอีกคนพูดว่า "มาดื่มกันเถอะ นายน้อยเฟนด์ เราไม่เคยสงสัยผู้อาวุโสลำดับสามหรือนายหญิงคนแรกเลย โดยเฉพาะนายหญิง เธอเป็นภรรยาของนายท่าน เพราะงั้นเรามั่นใจว่าเธอจะไม่ทำอะไรแบบนี้!"แลนเซล็อตก็กลัวเช่นกันว่าเฟนด์จะโกรธและคิดว่าทุกอย่างคือความคิดของตระกูลหลัก เขารีบยกแก้วไวน์ขึ้นอย่างรวดเร็ว "ใช่ นายน้อยเฟนด์ เราแค่มาพูดคุยกันและเราไม่กล้าคาดเดาอะไรกันทั้งนั้น นอกจากนี้ ตระกูลหลักก็พัฒนาไปได้อย่างดี เรายินดีที่ตระกูล
"ถ้าอย่างนั้น นายน้อยเฟนด์ครับ พวกเราขอบคุณมากสำหรับความใส่ใจที่จะช่วยดำเนินการให้ ที่จริง เราก็แค่อยากบ่นและแสดงออก ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น!" ชายแก่อธิบายอย่างระวัง "เหตุผลหลักคือมันไม่มีทางอื่นอีกแล้ว ที่จริง เราก็มีอัจฉริยะในตระกูลสาขา มีความสามารถทำประโยชน์ เราแต่ขาดทรัพยากร กล้าพูดเลยว่าวัสดุที่เรามีมันหายากมากและทำให้ระดับพลังยุทธของพวกเขาลดลง อนิจจา เราทำได้แค่มองอย่างกังวล"แลนเซล็อตก็พยักหน้าเช่นกัน "เช่นเดียวกับตระกูลสาขาของเรา อัจฉริยะพวกนั้นไม่มั่นใจและร้องเรียนตลอด แต่พวกเขาก็หาสมบัติที่ดีกว่าและหญ้าวิญญาณได้ถ้าระดับพลังยุทธพวกเขาเพิ่มขึ้น เราช่วยพวกเขาไม่ได้ ได้แค่ปลอบใจในตอนที่พวกเขาคลางแคลงใจ"ชายชราผมขาวพยักหน้า "ถูกต้อง ฉันสัญญากับหลานสาวก่อนจะมาที่นี่ไปว่าจะบอกสมาชิกในตระกูลหลักเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันไม่ได้คาดหวังเพราะไม่รู้จะคุยกับใครดี หรือจะเล่าให้ใครฟังดี มันน่ากลัวนะ!"เมื่อพูดเช่นนั้น ชายชราผมขาวก็หยุดและมองเฟนด์ก่อนพูดต่อ "ต้องขอบคุณนายน้อยเฟนด์ที่เชิญเรามา เราได้คุยกันแล้วและตัดสินใจว่าจะบอกความกังวลให้คุณฟัง"แลนเซล็อตยกแก้วไวน์ขึ้นและดื่มให้กับเฟนด์
ผู้นำของตระกูลสาขามาที่ศาลาที่เงียบสงบหลังจากออกจากห้องนั่งเล่นของเฟนด์หนึ่งในนั้นพูดว่า "ทุกคน คิดว่าเราพึ่งพานายน้อยเฟนด์ได้ไหม? มันทำให้ฉันกังวลกับการที่ได้เห็นว่าเขาเพิ่งกลับมาหาตระกูลวู๊ด ฉันว่าคนยังไม่ยอมรับเขาสักเท่าไหร่นัก และลิลลี่ก็อาจจะต่อต้านด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง ทุกคนคิดว่าเขาจะช่วยเราได้จริงเหรอ?"ชายชราอีกคนยิ้มตอบ "มันไม่สำคัญสำหรับฉันว่าจะช่วยได้หรือไม่ มันยากที่เขาจะพูดแบบในวันนี้ แต่เขาก็ยังเชิญเรามาทานอาหาร ฉันเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจนานมามากแล้ว ฉันรู้สึกสบายใจหลังจากได้พูดออกไป""ฮ่า ๆ... ถูกต้อง! ฉันก็สบายใจเหมือนกัน!" แลนเซล็อตหัวเราะ จากนั้นก็พูดว่า "อย่างนี้เป็นไง พรุ่งนี้เราก็ค่อยออกจากตระกูลหลักอย่างช้า ๆ ในตอนเช้า พวกนายรอฉันได้ที่ด้านล่างของภูเขามังกร และรอดูว่าเขาจะว่ายังไง ยังไงซะเขาก็บอกให้ฉันไปพบเขาคนเดียวในตอนเช้าวันพรุ่งนี้"แชดขมวดคิ้วและถาม "มันก็ดึกแล้วนะ เขาจะยังไปถามพ่อเรื่องนี้หรือเปล่าน่ะ?""นั่นฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันจะไปยังไงเขาก็พูดไว้อย่างนั้น ฉันแสดงออกมาไม่ได้หรอก!" แลนเซล็อตยิ้มอย่างขมขื่น "กลับไปนอนเร็ว ๆ กันเถ
โจแอนยิ้มอย่างขมขื่น "ทำไมฉันต้องเกลียดคุณล่ะ?" เธอพูด "ฉันเกลียดคุณตั้งแต่แรกเริ่ม ฉันเกลียดความอ่อนแอของคุณ และที่คุณดูแลเราไม่ได้!"เธอถอนหายใจและลุกขึ้นยืน "แต่ฉันไม่ได้เกลียดคุณแล้ว ฉันรู้ว่าคุณรักฉันจริง ๆ และรู้สึกถึงความจริงใจที่มี" เธอพูด "ฉันเข้าใจความไร้อำนาจของคุณ ยังไงซะคุณก็มาอยู่ในตำแหน่งนี้แล้ว พ่อคุณและครอบครัวคุณจะไม่มีวันยอมรับเราแม้ในตอนนั้นก็ตาม นอกจากนี้ ในฐานะนายท่านของตระกูล คุณต้องนึกถึงตระกูลวู๊ดเสมอ!""ขอบคุณมากโจแอน ขอบคุณที่เข้าใจและให้อภัยกัน!"ดวงตาของแนชเปลี่ยนเป็นสีแดง "หรือนี่อาจจะเป็นการลงโทษจากพระเจ้า ที่ทำให้ผมผู้ซึ่งเป็นนายท่านของตระกูลวู๊ดต้องมานอนตายบนเตียงแทนที่จะเป็นสนามรบ" เขาเสริม "ผมคิดวิธีที่ตัวเองจะตายได้มากมาย แต่ไม่คิดว่าจะตายเพราะโดนวางยา!"โจแอนมองแนชด้วยรอยยิ้ม "อย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น เฟนด์เชี่ยวชาญด้านการแพทย์มาก ฉันเชื่อว่าเขาจะมีวิธีหายาแก้พิษ ฉันว่าเขาจะหาทางให้อยู่ดี!""ผมว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น มันยากมากที่จะหายาพิษที่ส่งผลกับผู้ฝึกใช้พลังฉีได้ และผู้ฝึกพลังฉีอย่างผมโดนเช่นนี้ แสดงว่าพิษนั้นร้ายกาจมาก!"แนชยิ้มอย่างขมขื