“ฮ่า ๆ ขอบคุณมาก! งั้นฉันขอไปดูที่พักก่อน!” ไดอาเนียลล่าตะโกนออกมาอย่างมีความสุขราวกับว่าเธอเป็นเด็กที่ได้รับคำชมจากพ่อแม่ “งั้นก็ไปกันเถอะ เฟนด์พาคุณหนูคาเบลโลกลับไปพักผ่อนก่อน พวกลูกคงจะเหนื่อยจากการรีบเดินทางกลับมาที่นี่!” แนชพยักหน้าอย่างพึงพอใจและสั่งลูกชายของเขา จากนั้นเฟนด์ก็ส่งไคลี่ให้โจแอน และออกไปพร้อมไดอาเนียลล่า หลังจากที่เงาของทั้งสองคนหายไปจากสายตาของคนกลุ่มนั้น โจแอนก็หัวเราะและแสดงความเห็นออกมาว่า “คุณหนูคาเบลโลเป็นคนใจกว้างและมีน้ำใจจริง ๆ เธอได้มอบหญ้าวิญญาณให้กับเราเพื่อตอบแทนที่เฟนด์ช่วยเหลือเธอไว้ แต่เธอก็ยังจะสัญญาว่าจะเอาสมบัติของตระกูลคาเบลโลมาให้เราด้วย! ผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นคนอบอุ่นจริง ๆ!” แต่แนชไม่คิดอย่างนั้น “ทำไมผมรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นระหว่างมิตรภาพของเฟนด์กับคุณหนูคาเบลโล? มันเหมือนไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เพราะยังไงซะ น้ำชำระล้างไขกระดูกก็ไม่ใช่สมบัติธรรมดา เธอยังเต็มใจที่จะขโมยมันมาให้เราอีก ยิ่งไปกว่านั้น มันตั้งสามส่วน! เห็นได้ชัดว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมันมากกว่ามิตรภาพธรรมดา ๆ คุณไม่คิดงั้นเหรอ?” เขาอธิบายด้วยใบหน้าที่มีรอยย
อีธานกับแซมก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันเมื่อเห็นว่าอาจารย์ของพวกเขากลับมาแล้ว มุมปากของพวกเขาโค้งขึ้น เผยให้เห็นฟันสีขาวมุก“พี่เขย ทำไมพี่ถึงพาสาวสวยกลับมาด้วยล่ะ? จุ๊ ๆ แถมเธอยังสวยมาอีกด้วย! อย่าบอกนะว่า พี่ออกไปเที่ยวแล้วพาเมียน้อยกลับมาด้วย?” เอเลนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของไดอาเนียลล่าข้าง ๆ เฟนด์และแซวทั้งคู่อย่างติดตลก แต่ทว่าสีหน้าของเฟนด์กลับมืดลงทันที “เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? นี่คือนายหญิงน้อยลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโล! บังเอิญพี่ช่วยชีวิตเธอไว้จากพวกโจรในระหว่างเดินทาง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจตามพี่มาเที่ยวที่ตระกูลวู๊ด และอีกไม่กี่วันจะออกเดินทางไปพร้อมเราเพื่อไปงานประลองยุทธ ตระกูลคาเบลโลก็เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย!” “ฮ่า ๆ! ดูสิ ทำไมพี่ต้องกังวลด้วยล่ะ? ฉันแค่ล้อเล่น เธอสวยมากและมีเสน่ห์จริง ๆ!” เอเลนพูดพลางหัวเราะเบา ๆ กับการตอบสนองครั้งใหญ่ของเฟนด์ “สาวสวยคนนี้คือภรรยาของคุณเหรอ?” ไดอาเนียลล่าก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าวและมองพิจารณาเซเลน่าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างระมัดระวัง เธอสัมผัสได้ว่าเซเลน่านอกจากจะหน้าตาสวยและงดงามแล้ว ยังเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเธออีกด้วย เซ
ไม่นานตอนเย็นก็มาถึง เฟนด์พาทุกคนไปที่เมืองเพื่อทานอาหารอร่อย ๆ และเดินเล่นในยามค่ำคืนเมืองนี้เจริญรุ่งเรืองและพัฒนาไปมาก แถมยังมีโรงเรียนอยู่ในเมืองด้วย เฟนด์วางแผนจะให้ไคลี่ฝึกฝนอยู่ที่บ้านของตระกูลวู๊ด และให้เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองเพื่อเรียนรู้ได้ด้วย ฟังดูเป็นแผนที่สมบูรณ์แบบครูในโรงเรียนก็สอนตามหลักสูตรที่กำหนดไว้และกระตือรือร้นที่จะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกให้กับเด็ก ๆ ด้วยอย่างเช่น นักเรียนได้รับการสอนให้รู้จักหญ้าวิญญาณระดับหนึ่งหรือหญ้าวิญญาณระดับสอง มีการสอนความรู้พื้นฐานของการฝึกวรยุทธ ตลอดจนลักษณะของสัตว์อสูรบางชนิดในป่าเพราะยังไงซะ เด็ก ๆ ที่เข้าเรียนในโรงเรียนนี้ก็มักจะเป็นเด็กที่มาจากครอบครัวชาวยุทธ และเมื่อโตขึ้น พวกเขาก็จะฝึกฝนจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธในที่สุดกลุ่มคนทั้งหมดกลับไปที่บ้านของตระกูลวู๊ดในตอนค่ำ เฟนด์เหนื่อยจากงานที่ยุ่งตลอดทั้งวัน เขาล้มตัวลงนอนและไม่นานก็หลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น เฟนด์ตื่นขึ้นและถามเซเลน่าว่า “ที่รัก ช่วงนี้คุณฝึกวรยุทธเป็นยังไงบ้าง? ผมไม่อยู่มาสักพักแล้ว และคุณแค่ต้องไปรับไคลี่จากโรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะใช้เ
“ไม่เป็นไรเลย ผู้ฝึกยุทธมักจะต้องแยกตัวไปฝึกฝนอย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลาหลายเดือน มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หนิ จริงไหม?” เซเลน่ายิ้มพลางตอบกลับ “เอาล่ะ ฝึกฝนให้ดีนะที่รัก ฉันจะหยุดรบกวนคุณตั้งแต่ตอนนี้เลย ฮ่า ๆ!” ไม่นานเซเลน่าก็เดินออกมาจากบ้านพัก จากนั้นเฟนด์ก็พลิกฝ่ามือแล้วหยิบโอสถออกมาสามเม็ด ทั้งสามเม็ดเป็นโอสถระดับกลางขั้นหนึ่งที่ใช้ในการฝึกฝน! เฟนด์ยิ้มขณะที่มองโอสถสามเม็ดที่อยู่ตรงหน้า โอสถทั้งสามเม็ดนี้จะช่วยให้เขาทะลวงเข้าไปสู่ระดับเทพแท้จริงขั้นกลางได้ เพราะยังไงซะ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากขั้นกลางไม่มากนัก จากนั้นเฟนด์ก็เอาโอสถเม็ดหนึ่งเข้าปากแล้วกลืนเข้าไป พลังหนาแน่นและไม่มีที่สิ้นสุดกระจายออกมาจากช่องท้องของเฟนด์ทันที เป็นพลังมหาศาลและในขณะเดียวกันก็รุนแรงมาก รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟนด์เมื่อเขารู้สึกถึงพลังในตัวของเขา เขาหลับตาลงและเริ่มควบคุมพลังในร่างกาย นำพลังฉีมารวบรวมไว้ในช่องท้องของเขา พลังฉีก่อตัวขึ้นหนุมเวียนในช่องท้องอย่างกับว่ามีพายุทอร์นาโดลูกเล็ก ๆ อยู่ในร่างกายของเขา พลังที่หนุนเวียนเล็ก ๆ ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ความแข็งแกร่งและพลังโดยรวมของเฟน
“ระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง?” ไดอาเนียลล่าที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ เธอตกใจกับสิ่งที่ได้ยินและอุทานออกมาอย่างดีใจ “คุณเก่งมากจริง ๆ! ความเร็วในการฝึกฝนและการดูดซับพลังจากโอสถของคุณเร็วเกินไป! คนอื่น ๆ อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านั้นเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง! แต่คุณใช้เวลาเพียงสองวันก็ทำสำเร็จแล้ว!” ในตอนนี้ ภายในใจของไดอาเนียลล่ารู้สึกชื่นชมเฟนด์มากขึ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เธอถึงกับจินตนาการว่า ถ้าเธอมีโอกาสแนะนำเฟนด์ให้พ่อของเธอได้รู้จักในฐานะแฟน พ่อของเธอจะคิดยังไง? “โอ้ ผมก็แค่โชคดีกว่าคนอื่นนิดน้อย!” เฟนด์หัวเราะออกมาและพูดอย่างสุภาพ “สุดยอดไปเลย! มันสุดยอดมากจริง ๆ! ด้วยระดับพลังยุทธและความสามารถในการต่อสู้ในปัจจุบันของคุณ คุณอาจจะคว้าเอามาได้สักอันดับจากการประลองยุทธที่กำลังจะมาถึง! ในที่สุดคุณก็สามารถนำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลวู๊ดได้!” ไดอาเนียลล่ามองไปที่เฟนด์ ดวงตาของเธอเป็นประกายแบบที่อธิบายไม่ได้ “แม้ว่าคุณจะไม่ได้อันดับที่หนึ่ง แต่คุณต้องติดอยู่ในสามอันดับแรกแน่นอน!” “สามอันดับแรก?” เฟนด์อึ้งนิดห
ไดอาเนียลล่าไม่คิดว่าคำพูดดังกล่าวจะออกมาจากปากเซเลน่าอย่างกะทันหัน เธอยืนนิ่งไปสักพักก่อนจะมองไปที่เฟนด์ “ไม่ต้องห่วง ฉันกับเฟนด์เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราจะดูแลกันและกันอย่างแน่นอน! ฉันจะขอให้พี่สาวของฉันเล่นงานเฟนด์น้อย ๆ ในระหว่างการประลอง!” ไดอาเนียลล่าพยักหน้า “พี่สาวของคุณแข็งแกร่งมากไหม?” เฟนด์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ตามคำพูดและน้ำเสียงของไดอาเนียลล่า ดูเหมือนพี่สาวของเธอจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่ง และระดับพลังยุทธของเธอก็น่าจะสูง “สำหรับการประลองนี้ ตราบใดที่คุณมาจากตระกูลชาวยุทธและอายุต่ำกว่าสามสิบปี คุณก็มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันได้ ฉันยังเด็กอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ฉันยังมีระดับพลังยุทธต่ำอยู่” ไดอาเนียลล่ายิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่พี่สาวคนที่สองของฉัน เธออยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นต้น ส่วนพี่สาวคนโตของฉัน เธออยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นกลางแล้ว แม้ว่าเธอจะอยู่ระดับเดียวกับคุณ แต่ในขั้นกลาง เธอก็อยู่ห่างจากระดับเทพแท้จริงขั้นสูงเพียงก้าวเดียว เธออาจจะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพแท้จริงขั้นสูงได้ทุกเมื่อ ความสามารถและพลังยุทธของเธออยู่ในระดับสูงสุดของผู้ที่อยู่ในระดับเทพ
อีกด้านหนึ่ง หัวหน้าตระกูลคาเบลโลกับคนอื่น ๆ ต่างก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องบาง พวกเขาเดินไปเดินมารอบ ๆ ห้องโถง สีหน้าของพวกเขาดูเป็นกังวล ไดอาเนียลล่าออกไปนานมากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อเธอทิ้งจดหมายที่ประกาศว่าเธอจะออกไปค้นหาสมบัติและทรัพยากรในป่า พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะไม่กลับมานานขนาดนี้ ตระกูลคาเบลโลได้ส่งคนจำนวนมากออกไปตามหาในป่าซึ่งปกติแล้วพวกเขาจะไปล่าขุมทรัพย์กันบ่อย ๆ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของไดอาเนียลล่าเลย เรื่องนี้ทำให้ตระกูลคาเบลโลเป็นกังวลและทรมานใจ “พ่อ ไม่ต้องห่วงไดอาเนียลล่า เธอจะต้องไม่เป็นไร เราไปกันเถอะ!” ที่ลานกว้างของตระกูลคาเบลโล คุณหนูลำดับที่หนึ่งของตระกูลคาเบลโลมองไปที่ อเล็กซานโดร คาเบลโล ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลคาเบลโลและพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ไดอาเนียลล่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาดและมีไหวพริบ เธอจะไม่เป็นอันตราย เธอจะไม่เป็นไร อีกอย่าง ใครจะใจกล้ามาทำให้ตระกูลคาเบลโลในปัจจุบันโกรธเคือง? พวกนั้นไม่กลัวการแก้แค้นของเราเหรอ? ดังนั้น หนูคิดว่าไดอาเนียลล่าแค่ติดเล่นและยังไม่อยากกลับมาในเร็ว ๆ นี้ เธอคงกำลังเดินเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่ง!” “พ่อก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ เฮ้อ! เด็
แนชรู้สึกผิดเมื่อได้ยินแบบนั้น เฟนด์ได้รับการฝึกฝนมาในโลกนี้มาสักพักแล้ว แต่เหมือนว่าเขาจะมีความรู้เกี่ยวกับสมบัติไม่มากนักเขายิ้มนิด ๆ และอธิบายให้เฟนด์ฟังด้วยน้ำเนือย ๆ ว่า “อุปกรณ์มีสองประเภทคือ อุปกรณ์ปกติและอุปกรณ์วิญญาณ ระดับของมันก็มีหลายระดับเช่นกันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพลังยุทธที่ส่งเข้าไปและการแปรสภาพหลังจากดูดซับพลังฉี แบ่งเป็น ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และที่ทรงพลังที่สุดคือ อุปกรณ์ระดับสูงสุด!”แนชหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “แต่ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้อาวุธต่อสู้แบบปกติอยู่ มันก็ค่อนข้างดีมากแล้วถ้าคุณมีอุปกรณ์ระดับต่ำ มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่จะมีอุปกรณ์ระดับกลาง ไม่ต้องพูดถึงอุปกรณ์ระดับสูงและอุปกรณ์ระดับสูงสุดเลย!”เฟนด์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพลิกฝ่ามือหยิบวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่าออกมา เขาส่งมันไปทางแนช “พ่อลองดูนี่สิ ผมคิดว่านี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณ แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ระดับอะไร นี่คืออาวุธป้องกันตัวที่สามารถขยายใหญ่ขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีได้!”ดวงตาของแนชเป็นประกายเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “อุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันก็หาได้ยากเหมือนกัน มันอาจช่วยชีวิตลูกได้