โมเฟยเดินเข้าไปด้านในห้องพักผู้ป่วยของปู่เซิน และพอชายชราได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็รับหันกลับไปพูด เพราะคิดว่าคนที่เดินเข้ามานั้นเป็นเหวินจิง “เหวินจิง เธอ…” ทว่าเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาชัด ๆ เสียงเรียกนั่นก็เงียบไปยามเห็นใบหน้าของหลานชาย แวบหนึ่งนัยน์ตาของปู่เซินนั้นฉายชัดไปด้วยความสุข ทว่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างไว “แกมาทำอะไรที่นี่?”“ก็มาเยี่ยมปู่นั่นแหละ”ขายาวก้าวฉับไปยังปลายเตียงคนป่วยเพื่อเผชิญหน้ากับปู่ตัวเอง“มาดูว่าฉันตายหรือยังใช่ไหมล่ะ?” เสียงแหบแห้งพูดแซะอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อนึกถึงหลายวันก่อนที่หลานรักไม่ยอมมาเยี่ยมหากันเลยเขาผิดที่หลอกหลายเรื่องป่วย แต่ไอ้เด็กนี่ก็หัวดื้อพอกัน จนวันนั้นเผลอหลุดปากไล่มันไป ก็ตอนนั้นเขาทั้งโกรธแล้วก็เสียใจจากของการกระทำของมันเซิน โมเฟยขมวดคิ้ว “ปู่ คิดจะพูดกระท่อนกระแท่นใส่กันไปถึงไหน?”ปู่เซินเหยียดยิ้ม “แล้วใครมันทำให้ฉันเป็นแบบนี้กันล่ะ?เมื่อเห็นว่าปู่ยังคงวางฟอร์มไม่ยอมลงให้กันง่าย ๆ ชายหนุ่มก็หัวเราะลั่น “ก็ได้ครับคุณปู่ เอาล่ะ ในเมื่อผมตั้งใจมาเยี่ยมปู่ เรามาคุยกันดี ๆ หน่อยเถอะครับ โอเคไหม?”ชายชราตวัดตามองหน้าหลา
เซิน โมเฟยโน้มเข้าไปบีบแก้มของอันยีอย่างหมั่นเขี้ยว “งั้นตอนนี้เราก็กลับบ้านกันได้แล้ว”พอเรื่องทุกอย่างจบลงได้ดี ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะอารมณ์ดีมากโข วันนี้โมเฟยไปอยากไปไหนอีกแล้วนอกจากกลับบ้านตอนแรกอันยีเตรียมบอกแฟนหนุ่มเรื่องที่เธอเจอซู เหวินจิง ทว่าเห็นท่าทางรีบร้อนกลับบ้านของโมเฟยแล้วก็ต้องเงียบไว้ก่อน ใบหน้าสวยหวานยิ้มตอบกลับไป “โอเคค่ะ งั้นกลับบ้านกันเถอะ”…เมื่อหลิน เสวียจีเห็นลู ชินจินกับลู เซียวเหยากลับมาที่คฤหาสน์พร้อมกัน เธอก็เริ่มคิดไม่ตก แต่ก็ใช้รอยยิ้มปิดบังความรู้สึกขุ่นมัวนั่นไว้ “กลับบ้านมาพร้อมกันแบบนี้ พ่อของพวกเธอต้องดีใจแน่ ๆ”“พ่อผมอยู่ไหน?” เซียวเหยาเป็นฝ่ายถาม“อยู่บนห้องทำงานชั้นบนน่ะ”พอได้คำตอบที่ต้องการ สองพี่น้องก็พากันเดินผ่านหน้าเธอขึ้นบันไดไปทันทีการกระทำนั่นยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเธอมากกว่าเดิม เสวียจีตวัดสายตามองแผ่นหลังของสองพี่น้องด้วยสายตาไม่พอใจที่ปิดไม่มิดยามนี้ผู้นำของตระกูลลูอย่าง ลู ติงแบงกำลังใช้สมาธิและความสงบฝึกฝนการเขียนตัวอักษรจีนด้วยพู่กันอยู่ พลันมือข้างที่ถือด้ามพู่กันอยู่จำต้องหยุดมือเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ ช
หลิน เสวียจีที่กังวลว่าสองพี่น้องจะพูดอะไรแปลก ๆ ใส่ชายแก่ เธอจึงรีบเดินตามคนทั้งสองขึ้นไปด้านบน เธอหลบและแอบฟังสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในพอได้ยินว่าลู ชินจินจะออกจากตระกูลลู หญิงสาวก็ดีใจจนเนื้อเต้น มากกว่าตกใจเสียอีกส่วนชินจินที่เดินออกมาจากห้องทำงานของพ่อ ก็เหลือบเห็นหลิน เสวียจีทางหางตา ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มใส่หล่อนแล้วเดินต่อถึงจะไม่พอใจการกระทำของลู ชินจิน ทว่าพอนึกถึงเรื่องที่เด็กนั่นยอมถอนตัวเองออกจากตระกูลด้วยความยินยอมของตัวเอง เธอก็มีความสุขจนลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ไปเลยเสวียจีอดทนรอจนกระทั่งเซียวเหยาเดินออกมาจากห้อง ค่อยแอบย่องเข้าไปในห้องทำงานของลู ติงแบง พลันเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายแก่กำลังกวาดโยนทุกอย่างลงบนพื้นด้วยแรงโกรธที่กำลังครุกกรุ่นหลิน เสวียจีเริ่มกลัวจนตัวสั่น “ทำอะไรของคุณเนี่ยติงแบง?!”สายตาของลู ติงแบงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองจ้องเขม็งมาที่เธอราวกับจะฆ่าแกง “ช่วยติดต่อหานักข่าวให้ฉัน ฉันจะปล่อยข่าวเรื่องตัดหางปล่อยวัดลู ชินจินกับลู เซียวเหยาออกจากตระกูลลู”“ติงแบง นี่คุณกำลังคิดจะทำอะไร?” หลิน เสวียจีแสร้งไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ในใจกำลังเต้นพ่านอย่างดีใจ
ซู ซินเล่ยยิ้มขำไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดนั้น ก่อนจะหันมองเซียวเหยาพร้อมความรู้สึกบางอย่างที่ถูกเก็บไว้ “เซียวเหยา ในเมื่อพวกนายกลับมารักกันดีแล้ว หลังจากนี้ก็จับมือเธอไว้ให้แน่น ๆ อย่าปล่อยเธอไปอีกล่ะ”พูดเสร็จกันหันไปยิ้มจริงใจให้เสี่ยวเซียว “พี่เสี่ยวเซียว ขอบคุณที่ตรงไปตรงมากับฉันเมื่อวันก่อนนะ ทั้ง ๆ ที่ในทางกลับกันแล้ว ในอดีตฉันเคยวางแผนทำอะไรไม่ดีใส่พี่ ทั้งเป่าหูแฟนพี่ แถมยังทำร้ายความรู้สึกของพี่อีก ฉันขอโทษจริง ๆนะคะ!”ทว่าการปรากฏตัวและคำขอโทษกระทันหันของเธอกลับทำให้หยิง เสี่ยวเซียวสงสัย “แล้วเธอจะมาหลอกอะไรฉันอีก?” ซู ซินเล่ยยิ้มบาง “ฉันไม่ได้มาหลอกค่ะ ฉันแค่อยากจะมาอวยพรให้ทั้งสองคนเท่านั้น”พลันซินเล่ยก็เม้มปากสูดหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเอง “เซียวเหยา พี่เสี่ยวเซียว ฉันขออวยพรให้ทั้งสองคนมีความสุขตลอดไปเลยนะคะ”ความจริงใจที่ถูกส่งมาจากซินเล่ย ทำให้เสี่ยวเซียวรู้สึกประทับใจในตัวอีกคน “ขอบคุณนะ ซินเล่ย”สองสาวหันมายิ้มให้กันราวกลับเรื่องผิดใจในอดีตนั้นไม่เคยเกิดขึ้น ความขุ่นมัวในใจถูกชะล้างไป เหลือเพียงมิตรภาพที่ดีต่อกันเฉกเช่นวันแรกที่ซินเล่ยเจอกับเสี่ยวเซียว…ก่อนวันงานแ
เที่ยงวันที่แสงแดดจ้าปกคลุมท้องฟ้าทัง โรลชูว สวมชุดแต่งงานสีขาวยื่นอยู่หน้าทางเข้าร้านชุดเจ้าสาว เธอรู้สึกถึงเลือดที่ สูบฉีดขึ้นไปบนหน้าเธอเมื่อเธอมองออกไปเห็นคู่รักคลอเคลียกันในรถปอร์เช่ที่จอดอยู่ข้างทางวันนี้เป็นวันที่เธอและคู่หมั้นของเธอมีนัดลองชุดแต่งงาน พวกเขามีนัดพบกันที่ร้านชุดแต่งงาน เธออึ้งไปเลยเมื่อได้เจอกับเหตุการณ์นี้หลังจากที่เธอเฝ้ารอวันนี้มานานหลายปีชายคนนั้นหันหลังให้เธอ เขากำลังจูบกับผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างน่าหลงใหล เขาและผู้หญิงคนนั้นแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ทัง โรลชูวเหลือบไปเห็นริมฝีปากของผู้หญิงคนนั้นที่ค่อย ๆ โค้งขึ้นผ่านทางหน้าต่างเธอรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกฟ้าผ่า เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคู่หมั้นของเธอจะแอบคบกับพี่สาวของเธอ!น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของเธอในขณะที่เธอกัดฟันทนกับความอัปยศนี้ด้วยความโกรธเธอมันโง่มาก!เมื่อห้านาทีที่แล้ว เธอได้รับข้อความจากจี ยินเฟง ที่ส่งมาบอกเธอว่า เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเธอในชุดเจ้าสาว เธอจึงรีบวิ่งลงมาข้างล่างเพื่อรอเขาทันที ตอนนี้ชุดแต่งงานที่เธอใส่ดูเป็นเรื่องตลกที่สุดทัง โรลชูวเข้าใจในทันทีว่าทำไมกู โ
“ขอโทษนะ ครับคุณเรียกท่านประธานทำไมครับ?” เลขาของลู ชินจินถามขณะเดินไปยืนข้างหน้าลู ชินจินเพื่อปกป้องเขาทัง โรลชูวรีบเดินเข้าไปหาผู้ชายทั้งสอง เธอพยักหน้าและพูดเข้าประเด็นว่า “เมื่อครู่ฉันได้ยินประธานลูบอกว่า เขากำลังมองหาใครสักคนที่จะมาแต่งงานด้วย ไม่ทราบว่าพอจะเป็นฉันได้ไหม?”“อะไรนะ?’ เลขาของเขาอุทานขึ้นทันที เขาอ้าปากค้างขณะจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจลู ชินจินไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าพูดกับเขาเช่นนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเธออีกครั้งแววตาที่ดูเป็นประกายในชุดแต่งงานทำให้เขาแปลกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทัง โรลชูวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเขาจ้องมองมาที่เธอ แม้ว่าเธอจะไต่ตรองก่อนที่เธอจะถามเขาแล้ว แต่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าลู ชินจินจะยอมรับข้อเสนอของเธอหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว คนที่มีพร้อมทุกอย่างและมีอิทธิพลอย่างลู ชินจิน สามารถเลือกผู้หญิงได้มากมายเพื่อให้พวกเธอมาแต่งงานกับเขา และเธอเองก็แน่ใจว่าจะต้องมีผู้หญิงที่โดดเด่นกว่าเธอ ดังนั้น เขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอราวกับว่าเวลาหยุดเดินไปชั่วขณะ ไม่นาน ลู ชินจินก็ถามขึ้นว่า “แล้วคู่หมั่นของคุณล่ะ?”เสียงทุ้มที่เต็มไ
หลังจากที่บอกลาลู ชินจินแล้ว ทัง โรลชูว ตรงดิ่งกลับบ้านทันที เมื่อเธอเปิดประตูออกและเดินเข้าไปในบ้าน เธอได้เห็นกู โรลโรลและแม่ของเธอ เซา เซี่ยวหวัน กำลังคุยกันกับพ่อของเธออย่างมีความสุข พวกเขาทั้งสามดูเป็นครอบครัวที่มีสมบูรณ์แบบ ราวกับว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอเธอรู้สึกเหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอหน้าตาเธอไร้ความรู้สึกเมื่อเธอเดินผ่านประตูตรงไปที่บันไดโดยไม่ทักทายใครเลย“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย!” ทัง ซองทนไม่ได้เมื่อเขาเห็นเธอเดินขึ้นบันไดโดยไม่ทักทายใคร“อะไร?” ทัง โรลชูวหยุดและพูดอย่างเย็นชา“เธอยังอยู่บ้านนี้อยู่ใช่ไหม? เธอเป็นผู้หญิงแต่กลับใช้เวลาทั้งคืนอยู่ข้างนอกแถมกลับมาเธอยังไม่คิดจะทักทายกันเลยเหรอ? ควรแสดงความเคารพต่อผู้ใหญ่หน่อยไม่ใช่เหรอ?” ทัง ซองอดไม่ได้ที่จะตำหนิเธอ เขาดูไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อทัง โรลชูวได้ยินเช่นนั้น เธอก็ยิ้มเยาะเล็กน้อยก่อนพูดว่า “แม่ของฉันเสียชีวิตไปนานแล้ว แม้ว่าพอของฉันจะยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับฉันมันก็เหมือนเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว”“กล้าดียังไงถึงได้พูดแบบนี้? แกมันอกตัญญู!” ทัง ซองตบและเตะโต๊ะด้วยความโมโห“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพ่อ อย่าไปใส่ใจ
หลังจากที่ทัง โรลชูวและซอง อันยีทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเธอก็กลับไปที่ทำงานทั้งสองเดินเข้ามาที่ทำงานเห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนยืนดูอะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์และคุยกันเสียงดัง“โอ้วมายก้อด! นี่มันผู้ชายจริง ๆ ใช่ไหม? ไม่เว่อร์เกินไปหน่อยเหรอ!”“มันต้องมีอะไรบางอย่างที่เร่าร้อนเกิดขึ้นข้างในนั้นอย่างแน่นอน!”“จี ยินเฟงเป็นคนรักษาภาพพจน์มาตลอด เขาพลาดตกเป็นเป้าของปาปารัสซีได้ยังไง? ฉันกลัวว่าจะทำให้ภาพพจน์ที่เขาสร้างมาทั้งหมดพังกันพอดี”“เฮ้! โรลชูว อันยี มาดูนี่สิ เขาตั้งชื่อเรื่องว่า “ทายาทแห่งจีกรุ๊ปพาหญิงสาวจากไนท์คลับไปที่โรงแรม ออกมาอีกทีหลังจากผ่านไป 3 ขั่วโมง”เพื่อนร่วมงานกวักมือเรียกซอง อันยีและทัง โรลชูวให้มาดูทัง โรลชูวและซองอันยีหยุดมองหน้ากันและรีบเดินเข้าไปดูทันทีข่าวของจี ยินเฟงและหญิงสาวลึกลับแพร่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ ปาปารัสซีถ่ายรูปเขาได้ในขณะที่เขาก้มตัวลงจูบผู้หญิงคนนั้นอย่างดูดดื่มขณะโอบอ้อมแขนรอบตัวเธอด้วยความที่เขาเป็นทายาทของจีกรุ๊ป จี ยินเฟง รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองมาตลอด เขาดูเป็นสุภาพบุรุษในที่สาธารณะ ดังนั้น เขาจึงเป็นที่ชื่นชอบในสังคมออนไลน์มาก