ทุกสายตาจ้องมองไปที่ลู ชินจินแต่ถึงอย่างนั้น ลู ชินจินก็ไม่ได้สนใจสายตาพวกนั้นที่จ้องมองเขา เขาเอาแต่สนใจที่ทัง โรลชูว ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นกับเธอว่า “เป็นอะไรไหม?”“คะ คะ?...ฉันไม่เป็นอะไร ขอบคุณค่ะ!” ทัง โรลชูวพูดและส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา ในที่สุดเธอก็หายจากอาการตกใจ เธอมีอาการสั่นเทานิดหน่อย ลู ชินจินถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะช่วยพยุงเธอยืนขึ้นจนเธอยืนได้ด้วยตัวเอง “คราวหน้าคุณควรระวังให้มากขึ้นนะ” เขากล่าว “ค่ะ” ทัง โรลชูวพูดพร้อมพยักหน้า เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่บริษัทของเธอ ลู ชินจินไม่ได้พูดอะไร และทำราวกับว่าเขาไม่รู้จักเธอ เธอมองไปที่พนักงานทุกคนก่อนที่จะมองไปที่ประธานของบริษัทไทม์เอนเตอร์เทรนเมนต์ และพูดว่า “คุณจ้าว บริษัทของคุณมีเรื่องที่น่าทึ่งให้ดูตลอดเลยสินะ?” หน้าของประธานจ้าวดูซีดอย่างเห็นได้ชัด เขาโกรธจนมุมตาของเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เขาหวังมาตลอดว่าจะได้ร่วมงานกับธันเดอร์โบลท์เอนเตอร์เทรนเมนต์กรุ๊ป และนี่ก็เป็นโอกาสที่หายากที่จะได้เจอตัวลู ชินจิน แต่เขาไม่ได้คิดว่า ลู ชินจินจะได้มาเห็นความวุ่นว
ทัง โรลชูวออกจากที่ทำงานไปพร้อมกับซอง อันยีในตอนเย็น เมื่อพวกเธอแยกทางกันที่ทางเข้าของบริษัท ซอง อันยีมองไปที่ทัง โรลชูวด้วยความเป็นกังวลก่อนที่จะพูดว่า “โรลชูว แกอยากมาอยู่บ้านฉันก่อนสักสองสามวันไหม?” เธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นทัง โรลชูวกลับบ้านคนเดียว เนื่องจากว่าทัง โรลชูวและกู โรลโรล อยู่บ้านด้วยกัน พวกเธอจะต้องเห็นกันอยู่ตลอด กู โรลโรลเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด เธอไม่รู้ว่าพวกเธอจะทะเลาะกันอีกเมื่อไหร่ทัง โรลชูวรู้ว่าเพื่อนของเธอเป็นห่วง เธอจึงรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก “ขอบคุณที่คอยช่วยเหลือฉันนะอันยี แต่ฉันรับมือได้” เธอพูด เธอไม่กลัวคนอย่างกู โรลโรลเธอสัญญากับลู ชินจินเอาไว้ว่าเธอจะย้ายไปอยู่กับเขา เพราะงั้นเธอควรกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัวย้ายออก “แต่…” ซอง อันยีต้องการทักท้วง แต่เมื่อเธอได้เห็นการตัดสินใจอันเด็ดขาดบนใบหน้าของทัง โรลชูว เธอจึงพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะไม่บังคับเแกเรื่องนี้ก็แล้วกัน อย่าลืมโทรหาฉันเป็นคนแรก ถ้าแกต้องการความช่วยเหลือ เข้าใจไหม?”“เข้าใจแล้ว” ทัง โรลชูวพูด “ฉันกลับก่อนล่ะ กลับบ้านดี ๆ นะ” ซอง อันยีกล่าว“ขอบใจนะ แกเองก็ด้วย” โรลชูวตอบ
บรรยากาศภายในรถดูตึงเครียดเล็กหน่อย มู่ หลิง คนขับรถหัวเราะเพื่อกลบความเงียบนั้นอย่างเต็มที่ ไหล่ของเขาทั้งสองข้างสั่นอย่างเห็นได้ชัด เขาคงจะหัวเราะดังกว่านี้ถ้าลู ชินจินไม่ได้จ้องมองอย่างดุร้ายเพื่อเตือนเขาจากเบาะหลัง แก้มทั้งสองข้างของทัง โรลชูวเปลี่ยนเป็นสีแดงสด แม้แต่คอของเธอก็ยังเปลี่ยนเป็นสีชมพูไปด้วย ลู ชินจินหลับตาลงนิดหน่อยและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะไม่ล่วงเกินคุณจนกว่าคุณจะพร้อม”เขาพูดเช่นนั้นเพื่อไม่ทำให้เธอลำบากใจ และนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา ทัง โรลชูวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอมองเขาอย่างซาบซึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคิดว่าเธอตัดสินใจถูกแล้วที่แต่งงานกับเขา เขาเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงและเขาไม่แตะต้องเธอเลยเพราะเขาได้สัญญาว่าจะไม่ทำ!เธอมั่นใจในเขาเพราะเขาคือ ลู ชินจินเขาไม่เหมือนกับจี ยินเฟงจี ยิเฟงไม่ใช่ผู้ชายที่รักษาคำพูด เขาสัญญาว่าจะแตะเนื้อต้องตัวเธอหลังจากที่แต่งงานแล้ว แต่เขามีท่าทางเหมือนอยากจะทำทุกอย่างก่อนแต่งงาน ในขณะที่ลู ชินจินดูเป็นคนที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาสามารถใช้ตำแหน่งของเขาในฐานะสามีเพื่อบังคับให้เธอหลับนอนด้วยก็ได้ แต่งเ
พวกเขาใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมงในการทานมื้อค่ำเฉลิมฉลองการแต่งงาน เมื่อพวกเขาทานอาหารเสร็จและลู ชินจินชำระเงินแล้ว เขาได้บอกให้เธออยู่ชมวิวตอนกลางคืนของเมืองก่อน ทัง โรลชูวไม่ปฏิเสธแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเธอ ที่สำคัญดูเหมือนว่าเขาจะทำให้เธอผ่อนคลายและลืมปัญหาทุกอย่างเมื่ออยู่กับเขา เธอประหลาดใจมากที่เขามีอิทธิพลกับเธอมากถึงเพียงนี้ เธอเพิ่งจะรู้จักเขาได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำแต่กับมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ ๆ เขา ทิวทัศน์ยามค่ำคืนจากเนินเขางดงามมาก เธอสัมผัสได้ถึงสายลมอ่อน ๆ และมองเห็นดวงดาวและดวงจันทร์ ทัง โรลชูวและลู ชินจินเดินไปที่หอดูดาวและดูดาวก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อไปยังอีกจุดชมวิวหนึ่ง เมื่ออุณหภูมิลดลงในช่วงเวลาสี่ทุ่ม ลู ชินจินจึงชวนเธอกลับ พวกเขาเดินลงจากภูเขาไป จากนั้นลู ชินจินได้พาทัง โรลชูวไปส่งที่บ้านทัง โรลชูวลงจากรถและบอกลาลู ชินจิน “ขอบคุณสำหรับมื้อค่ำที่แสนพิเศษคืนนี้ กลับบ้านดี ๆ นะคะ”ลู ชินจินวางแขนลงบนกระจกแล้วจ้องมองไปที่เธออย่างตั้งใจก่อนจะพูดเบา ๆ ว
ทัง โรลชูวย้ายออกจากบ้านในเช้าของอีกวันหลังจากที่ทะเลาะกับทัง ซองลู ชินจินให้มู่ หลิงมารับทัง โรลชูว เธออดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองบ้านของเธอที่เคยอยู่ด้วยความรู้สึกอันหนักอึ้ง ที่นี่เคยเป็นบ้านของเธอมานานกว่ายี่สิบปี เธอรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ที่จะต้องย้ายออกไป อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้หมกมุ่นกับความรู้สึกนั้นนานเท่าไหร่ เพราะเธอไม่เหลือเยื่อใยให้กับบ้านหลังนั้นแล้ว คฤหาสน์ของลู ชินจินอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่ามังกรหลวงวิว ตั้งอยู่ทางตอนใต้ที่รุ่งเรืองของเมือง อย่างไรก็ตาม มันอยู่ในย่านที่ค่อนข้างจะเงียบสงบห่างจากความวุ่นวายภายในเมือง ภายในชุมชนมีรั้วรอบขอบชิดอย่างสวยงามพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบสุดหรูและมีการรักษาความลับเป็นชั้นหนึ่ง ไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินจะสามารถซื้อคฤหาสน์นี้ได้ ผู้อาศัยส่วนใหญ่จะร่ำรวยและเป็นคนใหญ่คนโตลู ชินจินรออยู่ที่นั่นเมื่อมู่ หลิงพาทัง โรลชูวมาส่งที่คฤหาสน์ของเขา เขาสวมสูทสีน้ำเงินเข้ม ตัดเย็บด้วยความประณีตและดูเรียบง่ายและเนคไทที่สวยงามโดยรวมแล้วทำให้เขาดูสง่างามและสูงส่ง ตาสีเข้มของเขา ทั้งยาวและดูลึกความเย็นชาของเขาทำให้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอย
เธอพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยเสียงอันเบา ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นจะออกจากปากของเธอแต่ลู ชินจินก็ได้ยินทุกคำที่เธอพูดในเวลานั้น สายตาของเขาดูเปลี่ยนไปก่อนจะถามเธอว่า “คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม?”“ค่ะ” เธอพยักหน้าเมื่อเธอกล่าวเช่นนั้นแก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ความสวยงามบนใบหน้าของเธอนั้น แม้แต่ดาราก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้ ในเวลานี้ เธอดูงดงามและมีเสน่ห์มากหัวใจของเขาเต้นแรงในขณะที่ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ผมควรจะต้องเคารพการตัดสินใจของคุณสินะ”เขาปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามความรู้สึก เขาวางแก้วไวน์ลงและโอบแขนไปรอบ ๆ เอวของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้น เขาก็ค่อย ๆ ก้มศีรษะและจูบลงบนริมฝีปากของเธอเบา ๆ ‘ตู้ม!’ทัง โรลชูวรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างระเบิดขึ้นภายในใจของเธอ วินาทีต่อมา เธอจึงปล่อยจิตใจของเธอให้ว่างเปล่า จูบเบา ๆ ของเขาสามารถลิ้มรสไวน์จากริมฝีปากของเขาได้ เขาทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ด้วยจูบของเขา มีเสียงพึมพำขึ้นมาในหัวและเธอก็มองไปที่ผู้ชายคนนั้นด้วยความงุนงง เธอไม่สามารถบรรยายความรู้สึกแปลก ๆ นั้นออกมาเป็นคำพูดได
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ทัง โรลชูวก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน และลู ชินจินก็จะไปที่บริษัทของเขาเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงอาสาไปส่งเธอ หลังจากที่พวกเขามาถึงบริษัทไทม์เอนเตอร์เทรนเมนต์ ลู ชินจินก็หยุดทัง โรลชูวเอาไว้และพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมไม่คิดว่าครอบครัวของคุณจะปล่อยคุณไปง่าย ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นภายในสองวันนี้โทรหาผมได้ตลอด”“อืม ขอบคุณนะคะชินจิน”“ตอนแรกผมอยากได้คำขอบคุณเป็นอย่างอื่นมากกว่าคำพูด แต่พอได้ยินคุณพูดชื่อผมได้น่ารักแบบนี้ งั้นผมจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นครั้งหน้าก็แล้วกัน” ใบหน้าของลู ชินจินมีรอยยิ้มเมื่อเขากล่าวเช่นนั้นทัง โรลชูวหน้าแดงระเรื่อ เธอรีบบอกลาเขาก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไปโดยไม่หันกลับมามองเขาอีก หลังจากที่เธอมาถึงบริษัท เธอก็ไปนั่งประจำที่ของเธอและเตรียมตัวที่จะตอบคำถามทุกอย่างของวันนี้ อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ทันได้เริ่มคิดอะไร ซอง อันยีก็เข้ามาลากเธอออกไปเสียก่อน ซอง อันยีพาเธอไปที่ห้องน้ำ เธอล็อคประตูแล้วถามทันทีว่า “แกบอกว่าแกจะย้ายออกไปเมื่อวานนี้ เกิดอะไรขึ้น? กู โรลโรลไล่แกออกจากบ้านงั้นเหรอ?”“เปล่า ฉันย้ายออกมาเอง” ทัง โรลชูวส่
“โรลชูกับฉันต้องติดตามประธานในตอนบ่ายนี้ มีคนอื่น ๆ ตั้งเยอะแยะที่ว่างในเวลานั้นทำไมคุณไม่เลือกพวกเขาแทนละ?” เธอโกรธขึ้นมาทันทีและตาของซอง อันยีก็กระพริบด้วยความโกรธ “ฉันได้มอบหมายให้พวกเขาทำอย่างอื่นแล้ว ข่าวของพวกเธอเป็นที่สนับสนุนและครอบคลุมทุกอย่าง ฉันแค่ต้องการพวกคุณไม่คนใดก็คนหนึ่ง การหมั้นหมายของลูกชายของจีกรุ๊ปกับกู โรลโรลเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากในตอนนี้ และนี่จะเป็นข่าวที่ดึงดูดผู้ชมเข้ามาได้มาก เราต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ลู เส้าหลินกอดอกพร้อมกล่าว “ให้ฉันไปแทน!” ซอง อันยีเสนอตัว“ซอง อันยี หมายความว่ายังไง? เธอมีปัญหากับการตัดสินใจของฉันงั้นเหรอ?” ลู เส้าหลิน พูดอย่างดุเดือดใส่ซอง อันยีซอง อันยีไม่สู้ดีนักและเหมือนเธอกำลังจะระเบิดออกมา ทันใดนั้น ทัง โรลชูวคนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่สักพักพูดขึ้นมาว่า “โอเค ฉันจะไป!”“โรลชูว!” ซอง อันยีจ้องไปที่เธออย่างไม่เชื่อสายตาก่อนที่จะพูดออกมา “แกบ้าไปแล้วเหรอ?”“ไม่เป็นไรอันยี แค่ไปสัมภาษณ์เองใช่ไหม? ฉันทำได้” ทัง โรลชูวพูดพร้อมยิ้ม แต่แววตาของเธอดูเย็นชาเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ลู เส้าหลิน เธอรู้ว่าลู เส้าหลินเป็น