หลังจากที่ได้ยืนยันตัวตนของผู้หญิงคนนั้น และเธอเองก็ไม่ชอบ กู โรลโรล หญิงสาวพนักงานต้อนรับก็ยอมให้ ทัง โรลชูว ผ่านเข้าประตูไปหลังจากพูดคุยกับลุงหยาง ทัง โรลชูว ก็ได้ทราบว่าพนักงานเก่าแก่ที่เคยอยู่ร่วมก่อตั้งบริษัทกับพ่อของเธอถูกไล่ออกไปหลายคนลุงหยางบอกว่า ทัง กรุ๊ป คงจะถูกทำลายลงในไม่ช้า ถ้าเหตุการณ์แบบนี้ยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆทัง โรลชูว เดินตรงไปยังชั้นที่ห้องทำงานผู้บริหารตั้งอยู่ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมอย่างที่เธอจินตนาการไว้ ยกเว้นก็แต่เหล่าคุณลุงคุณป้าที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกเธอว่า “ชูวชูว” ด้วยความรักและเอ็นดู ซึ่งตอนนี้ไม่อยู่แล้ว“ยินเฟง ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กรเลย ถ้าฉันได้สืบทอด ทัง กรุ๊ป ฉันจะยกมันให้คุณ คุณคิดว่ายังไงคะ?”ประตูของห้องทำงานไม่ได้ปิดสนิท มันเปิดแง้มอยู่ ทำให้ใครก็ตามที่ผ่านไปผ่านมาสามารถได้ยินบทสนทนาได้“นั่นคงไม่เหมาะนัก บริษัทนี้คือผลพวงของการทำงานอย่างหนักของพ่อของคุณ ผมคิดว่าคิดว่ามันคงดูไม่ดีถ้าคุณจะยกมันให้ผม” ได้ยินคำปฏิเสธของ จี ยินเฟง เธอเบ้หน้าให้กับความเสแสร้งที่แฝงอยู่ของเขา“ยินเฟง ไม่มีอะไรเสียหายหรอกค่ะ เพราะพอเ
ณ ขณะนั้น หัวใจของเธอถูกเติมเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย เธอรู้สึกแย่มาก ๆเธอสัมผัสรูปภาพอย่างแผ่วเบา และจ้องเขม็งไปยังผู้หญิงด้านหลังเธอ เธอข่มเสียงต่ำเพื่อเตือนเธอ “กู โรลโรล เธอก็รู้ว่าพ่อของฉันดูแลเธอและแม่เธออย่างดี ถ้าเธอยังยืนยันที่จะทำแบบนี้ต่อไป ฉันจะไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่” จี ยินเฟง ไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำตลอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเม้กระทั่งตอนที่ ทัง โรลชูว เดินออกไป เขาก็ยังคงจ้องไปที่ประตู “ยินเฟง” กู โรลโรล ผลักเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกตัว หันกลับมาจ้องเธอ และถามออกมาเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” “บอกฉันมา คุณยังชอบ ทัง โรลชูว อยู่ใช่ไหม?” กู โรลโรล จ้องเขาเขม่งจี ยินเฟง มองเธอกลับอย่างเงียบ ๆ กระพริบตาปริบ ๆสักพัก เขาจึงยิ้มกรุ่มกริ้มพร้อมกับกอดเธอแน่น “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง เรากำลังจะแต่งงานกันนะ ผมจะยังชอบ ทัง โรลชูว ได้ยังไงกัน”“คุณห้ามชอบเธอเด็ดขาด” กู โรลโรล ซบลงบนอกเขาอย่างว่าง่าย “ฉันให้ ทัง กรุ๊ป กับคุณได้ แต่กับ ทัง โรลชูว ฉันไม่ยอมหรอกนะ”เธอไม่ได้เห็นสายตาอันชั่วร้ายของ จี ยินเฟงเขาต้องการ ทัง กรุ๊ปและเขาก็ต้องการ ทัง โรลชูว ด้วย!
หลังจากมื้อเย็น ลู ชินจิน อาสาเป็นคนล้างจาน ทัง โรลชูว รับหน้าที่เช็ดและเก็บไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างพวกเขาแต่ทั้งคู่ก็เพลิดเพลินกับความเงียบที่เเสนสบายใจทัง โรลชูว หันไปมองสายน้ำที่ไหลลงบนมือของสามีเธอ นิ้วของเขาเรียงยาวเรียวสวยไม่เหมาะเลยที่มือสวยคู่นี้จะต้องมาใช้ล้างจานเขาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยทำอาหาร ล้างจาน หรือแม้กระทั่งทำงานบ้านต่าง ๆ ฐานะของเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำถ้าเธอไม่ได้รู้จักเขา และทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน เธอก็คงคิดว่าไม่มีทางที่ผู้บริหาร ลู ชินจิน แห่งธันเดอร์โบลท์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป จะสามารถทำอาหารได้ และล้างจานเป็นคนที่เป็นถึงผู้บริหารไม่ควรที่จะต้องมาทำงานบ้านน่าเบื่อเหล่านี้แต่ความคิดเหล่านั้นก็กลับกลายเป็นอีกอย่างเมื่อเธอได้แต่งงานกับเขาคิดได้เช่นนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“มีอะไรงั้นเหรอ?” ลู ชินจิน หันกลับมามองเธอพร้อมกระซิบถาม“เปล่าค่ะ” ทัง โรลชูวส่ายหน้า “แค่คิดว่าคุณนี่น่าทึ่งจริง ๆ”ลู ชินจิน มองไปที่เธอ สายตาที่เขาจ้องมองเธอมันช่างนุ่มลึกราวกับห้วงมหาสมุทรเธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่โดนจับจ้องเช่นนั้น เธอหันหน้าก
เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะกลับห้องของเธอภายในห้องเงียบสงัด ผ้าม่านปิดแน่น ไฟในห้องสลัวมีเพียงโคมไฟที่อยู่บนผนังเท่านั้นที่ให้แสงสว่างลู ชินจิน ค่อย ๆ เปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง สายตาของเขาจับจ้องไปยังก้อนบางอย่างบนเตียง ดวงตาของเต็มไปด้วยความอารมณ์หลากหลายลุ่มลึกยิ่งกว่าทะเลสาบแต่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาบางสิ่งในหัวใจเขากระตุกเมื่อเขาก้มลงบรรจงจูบที่หน้าผากของเธอขนตา ทัง โรลชูว สั่นไหวขณะที่เธอกุมผ้าห่มของเธอแน่น เธอรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนบนไปหน้าของเธอเธอกังวลว่าเขาจะจับได้ว่าเธอแกล้งนอนหลับโชคดีที่เขาไม่รู้และผละออกไปหลังจากไม่นานเธอแอบถอนหายใจอย่างโล่งใจก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆเขาไม่ได้กอดเธอ บางทีเขาอาจจะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่นเธอกำผ้าปูเตียงแน่นก่อนที่จะปล่อยมัน กำและปล่อยกำและปล่อยอยู่อย่างนั้นทำอยู่สักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก หมุนตัวกลับไปหาเขา และวางหัวของเธอลงบนตัวเขาลู ชินจิน ตกตะลึงไปสักพักก่อนที่จะอมยิ้มออกมาเขากอดเธอแน่น “ทำไมคุณยังไม่นอนอีกล่ะ?”“ฉันนอนไม่หลับ” เธอตอบกลับเสียงเศร้าบนหน้าอกของเขา“ทำไมล่ะ?” ถามกลับอย่างอ่อ
ระหว่างพักเที่ยงทัง โรลชูว และ ซอง อันยี กลับมาจากทานข้าวข้างนอก พวกเธอเจอ กู โรลโรล ที่กำลังเดินออกจากที่ห้องโถงหลักชั้นแรกของบริษัทเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ ทัง โรลชูว ดึง ซอง อันยี ให้หลบหลังกระถางต้นไม้ทัง โรลชูว เหล่มองไปทาง กู โรลโรล ที่กำลังเดินใกล้ถึงประตูทางออก “ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉัน ไม่เช่นนั้นละก็คงได้ทะเลาะกันยาวไม่จบสิ้น”ซอง อันยี อุทานออกมาว่า “เธอรู้หรือเปล่า กู โรลโรล บอกกับผู้จัดการระดับสูงของบริษัทว่า เธอจะยกเลิกสัญญากับบริษัทถ้าเธอไม่รับบทแสดงนำหญิงอันดับสองในละครเรื่อง ‘ตำนานนางสนมแห่งราชวงศ์ชิง’ และยังจะฟ้องร้องบริษัทที่ไม่โฆษณาเธอมากพอ และเรียกร้องค่าชดเชยเป็นเงินก้อนใหญ่อีกด้วย” “ขนาดนั้นเชียว!”ทัง โรลชูว หัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมเธอไม่ไปปล้นธนาคารเลยนะ”“ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อะไรทำให้เธอมั่นใจขนาดนั้นว่าบริษัทจะตกลงกับสิ่งที่เธอเรียกร้อง เธอไม่ใช่ดาราที่เป็นที่นิยมแล้วก็ไม่ได้ทำรายได้ให้กับบริษัท และฉันก็คิดว่าบริษัทขาดทุนไปเยอะมากหลังจากที่ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเธอ”ทัง โรลชูว เชื่อว่า กู โรลโรล มีความอวดดีและมั่นใจในตัวเอง
แต่ถึงกระนั้น กู โรลโรล ที่ต้องการความช่วยเหลือ ได้แต่กล้ำกลืนความน่าสมเพชที่เธอได้รับ และฝืนยิ้ม เธอกล่าว “เฉียวเฉียว ฉันขอโทษที่รบกวนเธอนะ แต่ผู้จัดการของเธอไม่อยากให้ฉันพบเธอ เราก็เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อย แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยนะ” หนิง เฉียวเฉียว เลิกคิ้วสูง สบตากับพี่ซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเลยยิ้มออกมา “พี่ซิน เขาไม่อยากให้ใครมารบกวนฉันเพราะคิดว่าฉันกำลังพักผ่อนอยู่”ได้ยินคำอธิบายของเธอก็ทำให้ กู โรลโรล ยิ้มกว้าง “ฉันเข้าใจ”พวกเขายิ้มให้กันอย่างสุภาพ ในขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของกันและกัน มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่คาดคะเนได้ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้“เธอต้องการบทนักแสดงนำหญิงอันดับสองสินะ?” เมื่อได้ยินคำขอจาก กู โรลโรล เธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากและแอบขำอยู่เงียบ ๆ ‘นี่เธอกล้าดียังไงถึงฝันที่จะได้บทนักแสดงนำหญิงอันดับสองจากกองถ่ายละครความร่วมมือระหว่างประเทศขนาดนี้ ด้วยความดังและการแสดงอย่างเธอเนี่ยนะ?’‘เธอควรจะยินดีที่ยังได้บทคนรับใช้ด้วยซ้ำ’ “อืม” กู โรลโรล พยักหน้า “ฉันอ่านหนังสือที่ละครเรื่องนี้ถูกดัดแปลงมา บทนักแสดงนำหญิงอันดับสองดูเป็นบทที่จะได
หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ว่าตัวตนจริง ๆ ของพวกเขาคือใคร เซิน โมเฟย ก็พยามหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ ทัง โรลชูว มาที่ห้องทำงานของเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากการพบกันโดยบังเอิญสองสามครั้งแต่หลังจากการนัดเจอส่วนตัวมากขึ้น ก็มีข่าวลือเกิดขึ้นในบริษัทบ้างก็ว่า ทัง โรลชูว เป็นเด็กของ เซิน โมเฟย บ้างก็พูดว่าที่ เซิน โมเฟย เข้ามาซื้อกิจการ ไทม์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป ก็เพราะ ทัง โรลชูวบ้างก็แต่งเรื่องกันไปเป็นฉาก ๆ นินทากันไปว่าเป็นเรื่องน้ำเน่าชิงดีชิงเด่นของพวกครอบครัวผู้ดี พวกเขาพูดกันว่า ทัง โรลชูว เป็นรักแรกของ เซิน โมเฟย ทั้งสองรักกันแต่ไม่ได้รับการยอบรับจากตระกูลเซินเมื่อ ซอง อันยี นำเรื่องเหล่านั้นมาเล่าให้ ทัง โรลชูว ฟังนั้นตาของเธอกระตุกพร้อมกับโอดครวญ “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ นี่มันนิยายน้ำเน่าชัด ๆ” “ทำไมพวกเขาไม่พูดว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงของ เซิน โมเฟย ไปเลยล่ะ รักร่วมสายเลือดยิ่งน่าตื่นเต้นออก” ซอง อันยี ถึงกับพูดไม่ออกมีแค่เธอเท่านั้นที่เอาข่าวลือเหล่านี้มาทำให้เป็นเรื่องตลบขบขันได้จริง ๆ แล้ว ทัง โรลชูว ไม่ได้อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องตลกขบขันอะไร แต่เธอไม่คิดว่าจะต้อง
“ทำไมล่ะ?” ทัง โรลชูว ยิ้มเยาะ “ลู เส้าหลิน ก่อนที่ฉันจะตายฉันจะลากเธอลงนรกไปก่อน”เธอจ้องมอง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้ดูราวกับปีศาจร้ายอันน่ากลัว ลู เส้าหลิน กลืนน้ำลาย ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากสักคำหน้าอกของเธอปวดแสบปวดร้อน ทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความเจ็บ จ้องไปยัง ลู เส้าหลิน อย่างเยือกเย็นก่อนจะเดินจากไป“น่ากลัว” เธอบ่นกับตัวเอง“อันยี ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อย”หลังจากเดินออกมาจากห้องพักพนักงาน ทัง โรลชูว เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของ ซอง อันยี“ทำไมล่ะ?” ซอง อันยี เงยหน้ามองเธอก่อนจะสังเกตเห็นที่หน้าอก เธออุทาน “ทำไมชุดของเธอเปียกโชกอย่างงั้นล่ะ?” “ฉันจะอธิบายให้ฟังระหว่างทาง”ทัง โรลชูว เดินไปลากแขนเธอและเดินอย่างรวดเร็วไปยังลิฟต์“ขอโทษด้วยนะคะผู้จัดการหลี่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันมาก และฉันไม่มีเวลาบอกคุณก่อนออกมาเลย มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอคะ?”ซอง อันยี หันมาทาง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลรอให้นางพยาบาลเข้ามาดูอาการ เธอเม้มปากพร้อมบ่นกับหลี่ นา ที่อยู่อีกด้านของปลายสาย “ดูเหมือน ลู เส้าหลิน จะไม่อยากอยู่บริษัทนี้ต่อไปแล้วสินะ” หลังจ