หลังจากมื้อเย็น ลู ชินจิน อาสาเป็นคนล้างจาน ทัง โรลชูว รับหน้าที่เช็ดและเก็บไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างพวกเขาแต่ทั้งคู่ก็เพลิดเพลินกับความเงียบที่เเสนสบายใจทัง โรลชูว หันไปมองสายน้ำที่ไหลลงบนมือของสามีเธอ นิ้วของเขาเรียงยาวเรียวสวยไม่เหมาะเลยที่มือสวยคู่นี้จะต้องมาใช้ล้างจานเขาเต็มใจอย่างยิ่งที่จะช่วยทำอาหาร ล้างจาน หรือแม้กระทั่งทำงานบ้านต่าง ๆ ฐานะของเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำถ้าเธอไม่ได้รู้จักเขา และทั้งคู่ไม่ได้แต่งงานกัน เธอก็คงคิดว่าไม่มีทางที่ผู้บริหาร ลู ชินจิน แห่งธันเดอร์โบลท์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป จะสามารถทำอาหารได้ และล้างจานเป็นคนที่เป็นถึงผู้บริหารไม่ควรที่จะต้องมาทำงานบ้านน่าเบื่อเหล่านี้แต่ความคิดเหล่านั้นก็กลับกลายเป็นอีกอย่างเมื่อเธอได้แต่งงานกับเขาคิดได้เช่นนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา“มีอะไรงั้นเหรอ?” ลู ชินจิน หันกลับมามองเธอพร้อมกระซิบถาม“เปล่าค่ะ” ทัง โรลชูวส่ายหน้า “แค่คิดว่าคุณนี่น่าทึ่งจริง ๆ”ลู ชินจิน มองไปที่เธอ สายตาที่เขาจ้องมองเธอมันช่างนุ่มลึกราวกับห้วงมหาสมุทรเธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่โดนจับจ้องเช่นนั้น เธอหันหน้าก
เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนที่จะกลับห้องของเธอภายในห้องเงียบสงัด ผ้าม่านปิดแน่น ไฟในห้องสลัวมีเพียงโคมไฟที่อยู่บนผนังเท่านั้นที่ให้แสงสว่างลู ชินจิน ค่อย ๆ เปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง สายตาของเขาจับจ้องไปยังก้อนบางอย่างบนเตียง ดวงตาของเต็มไปด้วยความอารมณ์หลากหลายลุ่มลึกยิ่งกว่าทะเลสาบแต่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาบางสิ่งในหัวใจเขากระตุกเมื่อเขาก้มลงบรรจงจูบที่หน้าผากของเธอขนตา ทัง โรลชูว สั่นไหวขณะที่เธอกุมผ้าห่มของเธอแน่น เธอรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนบนไปหน้าของเธอเธอกังวลว่าเขาจะจับได้ว่าเธอแกล้งนอนหลับโชคดีที่เขาไม่รู้และผละออกไปหลังจากไม่นานเธอแอบถอนหายใจอย่างโล่งใจก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆเขาไม่ได้กอดเธอ บางทีเขาอาจจะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่นเธอกำผ้าปูเตียงแน่นก่อนที่จะปล่อยมัน กำและปล่อยกำและปล่อยอยู่อย่างนั้นทำอยู่สักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก หมุนตัวกลับไปหาเขา และวางหัวของเธอลงบนตัวเขาลู ชินจิน ตกตะลึงไปสักพักก่อนที่จะอมยิ้มออกมาเขากอดเธอแน่น “ทำไมคุณยังไม่นอนอีกล่ะ?”“ฉันนอนไม่หลับ” เธอตอบกลับเสียงเศร้าบนหน้าอกของเขา“ทำไมล่ะ?” ถามกลับอย่างอ่อ
ระหว่างพักเที่ยงทัง โรลชูว และ ซอง อันยี กลับมาจากทานข้าวข้างนอก พวกเธอเจอ กู โรลโรล ที่กำลังเดินออกจากที่ห้องโถงหลักชั้นแรกของบริษัทเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ ทัง โรลชูว ดึง ซอง อันยี ให้หลบหลังกระถางต้นไม้ทัง โรลชูว เหล่มองไปทาง กู โรลโรล ที่กำลังเดินใกล้ถึงประตูทางออก “ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉัน ไม่เช่นนั้นละก็คงได้ทะเลาะกันยาวไม่จบสิ้น”ซอง อันยี อุทานออกมาว่า “เธอรู้หรือเปล่า กู โรลโรล บอกกับผู้จัดการระดับสูงของบริษัทว่า เธอจะยกเลิกสัญญากับบริษัทถ้าเธอไม่รับบทแสดงนำหญิงอันดับสองในละครเรื่อง ‘ตำนานนางสนมแห่งราชวงศ์ชิง’ และยังจะฟ้องร้องบริษัทที่ไม่โฆษณาเธอมากพอ และเรียกร้องค่าชดเชยเป็นเงินก้อนใหญ่อีกด้วย” “ขนาดนั้นเชียว!”ทัง โรลชูว หัวเราะเยาะออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมเธอไม่ไปปล้นธนาคารเลยนะ”“ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อะไรทำให้เธอมั่นใจขนาดนั้นว่าบริษัทจะตกลงกับสิ่งที่เธอเรียกร้อง เธอไม่ใช่ดาราที่เป็นที่นิยมแล้วก็ไม่ได้ทำรายได้ให้กับบริษัท และฉันก็คิดว่าบริษัทขาดทุนไปเยอะมากหลังจากที่ตัดสินใจเซ็นสัญญากับเธอ”ทัง โรลชูว เชื่อว่า กู โรลโรล มีความอวดดีและมั่นใจในตัวเอง
แต่ถึงกระนั้น กู โรลโรล ที่ต้องการความช่วยเหลือ ได้แต่กล้ำกลืนความน่าสมเพชที่เธอได้รับ และฝืนยิ้ม เธอกล่าว “เฉียวเฉียว ฉันขอโทษที่รบกวนเธอนะ แต่ผู้จัดการของเธอไม่อยากให้ฉันพบเธอ เราก็เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อย แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยนะ” หนิง เฉียวเฉียว เลิกคิ้วสูง สบตากับพี่ซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอเลยยิ้มออกมา “พี่ซิน เขาไม่อยากให้ใครมารบกวนฉันเพราะคิดว่าฉันกำลังพักผ่อนอยู่”ได้ยินคำอธิบายของเธอก็ทำให้ กู โรลโรล ยิ้มกว้าง “ฉันเข้าใจ”พวกเขายิ้มให้กันอย่างสุภาพ ในขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของกันและกัน มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่คาดคะเนได้ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้“เธอต้องการบทนักแสดงนำหญิงอันดับสองสินะ?” เมื่อได้ยินคำขอจาก กู โรลโรล เธอรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากและแอบขำอยู่เงียบ ๆ ‘นี่เธอกล้าดียังไงถึงฝันที่จะได้บทนักแสดงนำหญิงอันดับสองจากกองถ่ายละครความร่วมมือระหว่างประเทศขนาดนี้ ด้วยความดังและการแสดงอย่างเธอเนี่ยนะ?’‘เธอควรจะยินดีที่ยังได้บทคนรับใช้ด้วยซ้ำ’ “อืม” กู โรลโรล พยักหน้า “ฉันอ่านหนังสือที่ละครเรื่องนี้ถูกดัดแปลงมา บทนักแสดงนำหญิงอันดับสองดูเป็นบทที่จะได
หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ว่าตัวตนจริง ๆ ของพวกเขาคือใคร เซิน โมเฟย ก็พยามหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ ทัง โรลชูว มาที่ห้องทำงานของเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากการพบกันโดยบังเอิญสองสามครั้งแต่หลังจากการนัดเจอส่วนตัวมากขึ้น ก็มีข่าวลือเกิดขึ้นในบริษัทบ้างก็ว่า ทัง โรลชูว เป็นเด็กของ เซิน โมเฟย บ้างก็พูดว่าที่ เซิน โมเฟย เข้ามาซื้อกิจการ ไทม์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป ก็เพราะ ทัง โรลชูวบ้างก็แต่งเรื่องกันไปเป็นฉาก ๆ นินทากันไปว่าเป็นเรื่องน้ำเน่าชิงดีชิงเด่นของพวกครอบครัวผู้ดี พวกเขาพูดกันว่า ทัง โรลชูว เป็นรักแรกของ เซิน โมเฟย ทั้งสองรักกันแต่ไม่ได้รับการยอบรับจากตระกูลเซินเมื่อ ซอง อันยี นำเรื่องเหล่านั้นมาเล่าให้ ทัง โรลชูว ฟังนั้นตาของเธอกระตุกพร้อมกับโอดครวญ “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ นี่มันนิยายน้ำเน่าชัด ๆ” “ทำไมพวกเขาไม่พูดว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงของ เซิน โมเฟย ไปเลยล่ะ รักร่วมสายเลือดยิ่งน่าตื่นเต้นออก” ซอง อันยี ถึงกับพูดไม่ออกมีแค่เธอเท่านั้นที่เอาข่าวลือเหล่านี้มาทำให้เป็นเรื่องตลบขบขันได้จริง ๆ แล้ว ทัง โรลชูว ไม่ได้อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องตลกขบขันอะไร แต่เธอไม่คิดว่าจะต้อง
“ทำไมล่ะ?” ทัง โรลชูว ยิ้มเยาะ “ลู เส้าหลิน ก่อนที่ฉันจะตายฉันจะลากเธอลงนรกไปก่อน”เธอจ้องมอง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้ดูราวกับปีศาจร้ายอันน่ากลัว ลู เส้าหลิน กลืนน้ำลาย ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากสักคำหน้าอกของเธอปวดแสบปวดร้อน ทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความเจ็บ จ้องไปยัง ลู เส้าหลิน อย่างเยือกเย็นก่อนจะเดินจากไป“น่ากลัว” เธอบ่นกับตัวเอง“อันยี ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อย”หลังจากเดินออกมาจากห้องพักพนักงาน ทัง โรลชูว เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของ ซอง อันยี“ทำไมล่ะ?” ซอง อันยี เงยหน้ามองเธอก่อนจะสังเกตเห็นที่หน้าอก เธออุทาน “ทำไมชุดของเธอเปียกโชกอย่างงั้นล่ะ?” “ฉันจะอธิบายให้ฟังระหว่างทาง”ทัง โรลชูว เดินไปลากแขนเธอและเดินอย่างรวดเร็วไปยังลิฟต์“ขอโทษด้วยนะคะผู้จัดการหลี่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันมาก และฉันไม่มีเวลาบอกคุณก่อนออกมาเลย มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอคะ?”ซอง อันยี หันมาทาง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลรอให้นางพยาบาลเข้ามาดูอาการ เธอเม้มปากพร้อมบ่นกับหลี่ นา ที่อยู่อีกด้านของปลายสาย “ดูเหมือน ลู เส้าหลิน จะไม่อยากอยู่บริษัทนี้ต่อไปแล้วสินะ” หลังจ
ในห้องทำงานของผู้บริหารเซิน โมเฟย มองไปที่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา สายตาของพวกเขาดูล่องลอยจนไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบา ๆ บนโต๊ะเป็นจังหวะ ช้า ๆ แล้วเขาก็พูดอย่างค่อย ๆ ว่า "รองผู้จัดการลู คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?"ลู เส้าหลิน มองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าเธอ จะให้เธอเลิกเป็นแฟนคลับของเขานั้นทำได้ยากมาก "คุณเซินคะ มันไม่ใช่อย่างที่ผู้จัดการหลี่พูดนะคะ"“งั้นเหรอครับ?” เซิน โมเฟย เลิกคิ้ว “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”"มัน..." ลู เส้าหลิน มองไปที่ หลี่ น่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นพูดว่า "ฉันบังเอิญทำให้รองผู้จัดการทังสะดุดล้มค่ะ"“บังเอิญงั้นเหรอ?” เซิน โมเฟย ตะคอกเบา ๆ สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมาทันที "คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดของคุณงั้นเหรอ?"“คุณเซินคะ มันไม่ใช่อย่างนั้น…”ลู เส้าหลิน เธออยากจะพูดต่อ แต่ เซิน โมเฟย ยกมือขึ้นและหยุดไม่ให้เธอพูด เขาหันไปหา หลี่ น่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า "หาคนที่เหมาะสมจากแผนกสื่อมาทำงานแทนเธอให้เร็วที่สุดและไปคิดค่าชดเชยที่เราต้องจ่ายให้เธอมาด้วย""ค่ะ" ห
เซิน โมเฟย ชะงักไปสักพัก “ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”“ชูวกำลังพักผ่อน โทรหาเธอทำไม?”เสียงของเธอดูเย็นชาและไม่มีความเป็นมิตรเลย “ยัยโรคจิต เธอยังโกรธอยู่เหรอ?”เขาหัวเราะเบา ๆ ปลายสายเงียบไป เซิน โมเฟย คิดว่าเธอวางสายไปแล้ว แต่พอดูที่หน้าจอเธอก็ยังอยู่ เขาวางโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วเรียกเบา ๆ ว่า "ยัยโรคจิต”"คุณเรียกใครว่ายัยโรคจิตนะ?"เสียงที่ปลายสายเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจน เซิน โมเฟย ตกใจและเกือบจะขว้างโทรศัพท์“ทำไมไม่บอกผม ว่าเธอให้ยื่นโทรศัพท์ให้พี่สะใภ้แล้ว ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ?” เขาพึมพำทัง โรลชูว ได้ยินไม่ชัด “โมเฟย คุณว่ายังไงบ้างนะ? ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”"มะ..มะ ไม่มีอะไร" เซิน โมเฟย เขารีบปาดเหงื่อที่ไม่ได้ไหลสักหยด แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “พี่สะใภ้ เป็นยังไงบ้าง?”"มันก็เป็นแค่รอยไหม้"“จริง ๆ แค่นั้นเหรอ?”"ไม่นะ มันไม่รุนแรงเท่าไหร่ ฉันกินยาไปแล้วสัก 2-3 วันก็ดีขึ้นเอง"“แล้วมันจะเป็นแผลเป็นไหม?”"หมอบอกว่าจะไม่เป็น"ได้ยินว่ามันจะไม่เป็นแผลเป็น เซิน โมเฟย จึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก "ดีมาก งั้นก็ดีแล้วล่ะ"“ทำไมฉันรู้สึกว่า คุณเป็นกังวลจังเลย?”"ฮ่า ๆ ผมกล