หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ว่าตัวตนจริง ๆ ของพวกเขาคือใคร เซิน โมเฟย ก็พยามหาข้ออ้างต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ ทัง โรลชูว มาที่ห้องทำงานของเขาไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากการพบกันโดยบังเอิญสองสามครั้งแต่หลังจากการนัดเจอส่วนตัวมากขึ้น ก็มีข่าวลือเกิดขึ้นในบริษัทบ้างก็ว่า ทัง โรลชูว เป็นเด็กของ เซิน โมเฟย บ้างก็พูดว่าที่ เซิน โมเฟย เข้ามาซื้อกิจการ ไทม์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป ก็เพราะ ทัง โรลชูวบ้างก็แต่งเรื่องกันไปเป็นฉาก ๆ นินทากันไปว่าเป็นเรื่องน้ำเน่าชิงดีชิงเด่นของพวกครอบครัวผู้ดี พวกเขาพูดกันว่า ทัง โรลชูว เป็นรักแรกของ เซิน โมเฟย ทั้งสองรักกันแต่ไม่ได้รับการยอบรับจากตระกูลเซินเมื่อ ซอง อันยี นำเรื่องเหล่านั้นมาเล่าให้ ทัง โรลชูว ฟังนั้นตาของเธอกระตุกพร้อมกับโอดครวญ “เรื่องเหลวไหลทั้งเพ นี่มันนิยายน้ำเน่าชัด ๆ” “ทำไมพวกเขาไม่พูดว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงของ เซิน โมเฟย ไปเลยล่ะ รักร่วมสายเลือดยิ่งน่าตื่นเต้นออก” ซอง อันยี ถึงกับพูดไม่ออกมีแค่เธอเท่านั้นที่เอาข่าวลือเหล่านี้มาทำให้เป็นเรื่องตลบขบขันได้จริง ๆ แล้ว ทัง โรลชูว ไม่ได้อยากจะทำให้มันเป็นเรื่องตลกขบขันอะไร แต่เธอไม่คิดว่าจะต้อง
“ทำไมล่ะ?” ทัง โรลชูว ยิ้มเยาะ “ลู เส้าหลิน ก่อนที่ฉันจะตายฉันจะลากเธอลงนรกไปก่อน”เธอจ้องมอง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้ดูราวกับปีศาจร้ายอันน่ากลัว ลู เส้าหลิน กลืนน้ำลาย ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากสักคำหน้าอกของเธอปวดแสบปวดร้อน ทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความเจ็บ จ้องไปยัง ลู เส้าหลิน อย่างเยือกเย็นก่อนจะเดินจากไป“น่ากลัว” เธอบ่นกับตัวเอง“อันยี ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันหน่อย”หลังจากเดินออกมาจากห้องพักพนักงาน ทัง โรลชูว เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของ ซอง อันยี“ทำไมล่ะ?” ซอง อันยี เงยหน้ามองเธอก่อนจะสังเกตเห็นที่หน้าอก เธออุทาน “ทำไมชุดของเธอเปียกโชกอย่างงั้นล่ะ?” “ฉันจะอธิบายให้ฟังระหว่างทาง”ทัง โรลชูว เดินไปลากแขนเธอและเดินอย่างรวดเร็วไปยังลิฟต์“ขอโทษด้วยนะคะผู้จัดการหลี่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกะทันมาก และฉันไม่มีเวลาบอกคุณก่อนออกมาเลย มันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอคะ?”ซอง อันยี หันมาทาง ทัง โรลชูว ที่ตอนนี้นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลรอให้นางพยาบาลเข้ามาดูอาการ เธอเม้มปากพร้อมบ่นกับหลี่ นา ที่อยู่อีกด้านของปลายสาย “ดูเหมือน ลู เส้าหลิน จะไม่อยากอยู่บริษัทนี้ต่อไปแล้วสินะ” หลังจ
ในห้องทำงานของผู้บริหารเซิน โมเฟย มองไปที่ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเขา สายตาของพวกเขาดูล่องลอยจนไม่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ นิ้วเรียวยาวของเขาเคาะเบา ๆ บนโต๊ะเป็นจังหวะ ช้า ๆ แล้วเขาก็พูดอย่างค่อย ๆ ว่า "รองผู้จัดการลู คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม?"ลู เส้าหลิน มองไปที่ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าเธอ จะให้เธอเลิกเป็นแฟนคลับของเขานั้นทำได้ยากมาก "คุณเซินคะ มันไม่ใช่อย่างที่ผู้จัดการหลี่พูดนะคะ"“งั้นเหรอครับ?” เซิน โมเฟย เลิกคิ้ว “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”"มัน..." ลู เส้าหลิน มองไปที่ หลี่ น่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะแสร้งทำเป็นพูดว่า "ฉันบังเอิญทำให้รองผู้จัดการทังสะดุดล้มค่ะ"“บังเอิญงั้นเหรอ?” เซิน โมเฟย ตะคอกเบา ๆ สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมาทันที "คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดของคุณงั้นเหรอ?"“คุณเซินคะ มันไม่ใช่อย่างนั้น…”ลู เส้าหลิน เธออยากจะพูดต่อ แต่ เซิน โมเฟย ยกมือขึ้นและหยุดไม่ให้เธอพูด เขาหันไปหา หลี่ น่า ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า "หาคนที่เหมาะสมจากแผนกสื่อมาทำงานแทนเธอให้เร็วที่สุดและไปคิดค่าชดเชยที่เราต้องจ่ายให้เธอมาด้วย""ค่ะ" ห
เซิน โมเฟย ชะงักไปสักพัก “ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”“ชูวกำลังพักผ่อน โทรหาเธอทำไม?”เสียงของเธอดูเย็นชาและไม่มีความเป็นมิตรเลย “ยัยโรคจิต เธอยังโกรธอยู่เหรอ?”เขาหัวเราะเบา ๆ ปลายสายเงียบไป เซิน โมเฟย คิดว่าเธอวางสายไปแล้ว แต่พอดูที่หน้าจอเธอก็ยังอยู่ เขาวางโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วเรียกเบา ๆ ว่า "ยัยโรคจิต”"คุณเรียกใครว่ายัยโรคจิตนะ?"เสียงที่ปลายสายเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจน เซิน โมเฟย ตกใจและเกือบจะขว้างโทรศัพท์“ทำไมไม่บอกผม ว่าเธอให้ยื่นโทรศัพท์ให้พี่สะใภ้แล้ว ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ?” เขาพึมพำทัง โรลชูว ได้ยินไม่ชัด “โมเฟย คุณว่ายังไงบ้างนะ? ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”"มะ..มะ ไม่มีอะไร" เซิน โมเฟย เขารีบปาดเหงื่อที่ไม่ได้ไหลสักหยด แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “พี่สะใภ้ เป็นยังไงบ้าง?”"มันก็เป็นแค่รอยไหม้"“จริง ๆ แค่นั้นเหรอ?”"ไม่นะ มันไม่รุนแรงเท่าไหร่ ฉันกินยาไปแล้วสัก 2-3 วันก็ดีขึ้นเอง"“แล้วมันจะเป็นแผลเป็นไหม?”"หมอบอกว่าจะไม่เป็น"ได้ยินว่ามันจะไม่เป็นแผลเป็น เซิน โมเฟย จึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก "ดีมาก งั้นก็ดีแล้วล่ะ"“ทำไมฉันรู้สึกว่า คุณเป็นกังวลจังเลย?”"ฮ่า ๆ ผมกล
หลังจากวางแก้วลงบนโต๊ะ ซอง อันยี เธอก็ลูบหน้าผากที่ไปชนกับขอบประตู และเดินไปข้าง ๆ ทัง โรลชูว“คุณเซินพูดอะไรบ้าง?” ซอง อันยี ถามทัง โรลชูว หันหน้าไปมองที่เธอ สายตาที่แสดงให้เห็นความอยากรู้อยากเห็น "อันยี ทำไมเธอถึงสนใจสิ่งที่โมเฟยพูดขนาดนั้น?""ฮะ อะไรนะ?" ซอง อันยี มองเธออย่างร้อนตัว "ทำไมฉันต้องสนใจเขา? ฉันแค่เป็นห่วงแกน่ะ ฉันอยากถามว่าเขาจัดการกับ ลู เส้าหลิน ยังไง""จริงเหรอ แค่นั้นเหรอ?" ทัง โรลชูว เลิกคิ้วและหัวเราะ เธอก็เลิกแกล้งเพื่อนเธอแล้วเปลี่ยนเรื่อง "เขาปลด ลู เส้าหลิน ออกจากตำแหน่งของเธอแล้ว"ก็เห็นว่าเธอไม่ได้พูดเกี่ยวกับ เซิน โมเฟย ต่อไป ซอง อันยี ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเธอได้ยินว่า ลู เส้าหลิน ถูกปลดออกจากตำแหน่งเธอก็รู้สึกตื่นเต้นทันที“จริงเหรอ เขาปลดเธอออกงั้นเหรอ?”"แน่นอน มันเป็นเรื่องจริงนะ" เมื่อเห็นเธอตื่นเต้นมาก ทัง โรลชูว กลั้นหัวไม่อยู่และก็ส่ายหัวเบา ๆ“ตอนนี้ฉันอยากเห็นว่าเธอจะหยิ่งได้อีกแค่ไหนกันเชียว!”เมื่อ ซอง อันยี นึกถึงว่า ลู เส้าหลิน รังแกชูวหลายครั้ง เพียงเพราะเธอเป็นรองผู้จัดการ เธอก็โกรธมากตอนนี้เธอก็ได้ระบายความโกรธออกมาแล้ว
หลังจากที่ เซิน โมเฟย พูดจบเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ทันที"โอเค อย่าลืมรายงานฉัน หลังจากที่นายกลับมา"เขายังต้องเขียนรายงานอีกเหรอ? ตอนนี้เขาถึงอยากตายและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ทำไมพี่เขาถึงกดขี่ใช้งานเขาขนาดนี้นะ? ทำไม? พี่ชายคนดูแลน้องชายให้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?เซิน โมเฟย กำลังคร่ำครวญกับตัวเองปลายสายก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะดูแลปู่ให้เอง”“เอาล่ะ งั้นก็ได้” เซิน โมเฟย ถอนหายใจ ปู่ของเขาฟังแค่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เท่านั้น เขาสามารถไว้วางใจให้เขาจัดการทุกอย่างให้เขาได้นี่เป็นสาเหตุที่เขาชื่นชมและเคารพลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้มาโดยตลอดเมื่อ ลู ชินจิน รู้ว่า ทัง โรลชูว บาดเจ็บเขาก็ทิ้งงานทั้งหมดและรีบกลับบ้านทันทีเขาผลักเปิดประตูห้องนอนและเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงเขาเดินไปที่ด้านหนึ่งของเตียงก้มหัวลง และมองที่ใบหน้าที่สงบของเธอ แสงจาง ๆ สะท้อนในดวงตาสีเข้มของเขาเขามองต่ำลงมาเล็กน้อย คอเสื้อชุดนอนของเธออยู่ต่ำไปหน่อย เขาเลยเห็นรอยแดงบนหน้าอกของเธอหัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างรุนแรง และคิ้วที่คมของเขาขมวดแน่น ดวงตาของเขามีแต่ความสงสาร เขายื่นมือออกไปอยากสัมผัสเธอ แต่เมื่อเขากำลังจะส
การที่จะรู้ว่าผู้ชายรักคุณจริงไหมดูจากที่เขาทำอาหารให้คุณสิ ทัง โรลชูว ยืนอยู่ในครัวอย่างเงียบ ๆ เธอมองร่างที่สูงใหญ่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร เธอส่งสายตาที่อ่อนโยนให้กับเขา เธอมองดูเขาตอนที่เขากำลังใช้ทัพพีคนน้ำซุป จากนั้นก็โยนผักที่สับเสร็จแล้วลงไปในหม้ออย่างรวดเร็ว เขาดูคล่องแคล่วมาก การเคลื่อนไหวธรรมดาเช่นนี้ ทำให้เขามีเสน่ห์มากในสายตาของเธอ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้เธอมองจนเขารู้ตัว เธอถูกจับได้แล้วเธอไม่สามารถสร้างความรู้สึกที่มีกับเขาได้ทั้งคู่จ้องตากันเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองเธอกลับไปด้วยความอ่อนโยน “มีนมอยู่ในตู้เย็น ถ้าคุณหิวมาก คุณก็ดื่มนมก่อนได้เลย”"ค่ะ" ทัง โรลชูว พยักหน้าเหมือนแมวน้อย เธอคว้าขวดนมจากตู้เย็นออกมาดื่ม แล้วนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เธอจ้องมองหลังของเขาขณะที่เธอดื่มนมในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของโจ๊ก กลิ่นน่าทานมาก ทัง โรลชูว เริ่มทนกับความหิวไม่ไหว เธอวางนมลงบนโต๊ะ และลุกเดินเข้าไปในครัว เมื่อ ลู ชินจิน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาก็หันหน้าไปถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "คุณหิวมากเหรอ?"ทัง โรลชูว พยักหน้า "ใช่ค่
ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังชมเขาอยู่ เธอเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “โจ๊กของคุณอร่อยจริง ๆ”"ผมรู้อยู่แล้ว" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆทัง โรลชูว ถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่เคยถ่อมตัวเลยจริง ๆ"เอ่อ ชินจินคะ” ทัง โรลชูว กินโจ๊กเต็มปากและลังเลว่าเธอควรจะเริ่มพูดจากตรงนี้ก่อนดี“อะไรเหรอ?” คิ้วของ ลู ชินจิน ขมวดขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอกำลังลังเล"ก็แค่..." ทัง โรลชูว เม้มริมฝีปากของเธอและหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งเธอก็พูดต่อ "ชินจิน ฉันไม่อยากให้คุณทิ้งงานของคุณเพราะฉันอีกแล้ว"ลู ชินจิน ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ผมไม่ได้ทิ้งงานของผมนะ”"คุณหมายความว่ายังไง? คุณควรจะอยู่ที่บริษัทนะ ในเวลานี้ แต่วันนี้คุณมาที่นี่เพื่อทำโจ๊กให้ฉันและยังทานข้าวกับฉันอีกด้วย"เมื่อเห็นเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ลู ชินจิน ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "ชูว ผมเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในบริษัท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงั้นทำไมผมถึงต้องจ้างผู้ช่วยอย่าง มู หลิง ล่ะ?”"ที่คุณพูด คุณพูดถูก" ทัง โรลชูว เถียงเขาไม่ได้เธอถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ “ที่รัก” เขาเรียกเธอเบา ๆ