เมื่อเธอเห็น ทัง โรลชูว และ ลู ชินจิน เดินลงไปชั้นล่างด้วยกันเธอก็ตะโกนทันที "คุณลู คุณควรห้ามใจตัวเองบ้างนะ ชูวชูวเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมานะ"ซอง อันยี นั่งข้างเธอและกำลังดื่มชา เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เธอพูด เธอก็พ่นมันออกมาทันทีซอง อันยี รีบหยิบทิชชู่สองสามแผ่นเพื่อทำความสะอาดตัวเอง จากนั้นเธอก็หันไปจ้องมองไปที่ หยิง เสี่ยวเซียว เธอรู้สึกอยากร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน"โอ้พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไร!"ทัง โรลชูว ตกใจกับคำพูดของเสี่ยวเซียว มันทำให้เธอเกือบลื่นล้มตกบันไดโชคดีที่ชินจินอยู่ข้าง ๆ เธอ และคว้าตัวเธอเอาไว้ทันคำพูดของนั้นมันทำให้เธอลุกลี้ลุกลน เธอรีบเดินไปหาเสี่ยวเซียวและตีหน้าผากของเธอเบา ๆ และดุเธอด้วยรอยยิ้ม "แกเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แกควรอายบ้างนะที่พูดแบบนั้น!"หยิง เสี่ยวเซียว แตะหน้าผากของเธอและพึมพำ "ฉันทำอะไรล่ะ ก็พวกเธอสองคนอยู่ข้างบนนานขนาดนั้นจะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง""แม้ว่าแกจะใจร้อน แต่แกก็ไม่ควรพูดงั้นนะ" ซอง อันยี เหลือบมองเธออย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเธอก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูว่า "แถมเธอยังพูดกับคุณลูตรง ๆ แบบนี้ เธอบ้าไปแล้วเหรอ?"ห
ทันทีที่เขาพูดจบ ท่าทีของ ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว ก็เปลี่ยนไป แต่พวกเธอก็รีบกลับมาทำตัวปกติแต่ไม่ว่ายังไง ทัง โรลชูว ก็เห็นมันอยู่ดีเธอยิ้มเหมือนกับว่ามีอะไรแฝงอยู่และเธอก็พูดว่า "ฉันเรียกพวกเขามาหาดีไหมนะ?""ไม่ต้อง!""ไม่ต้อง!"ทั้งสองคนปฏิเสธคำแนะนำของเธอเป็นเสียงเดียวกันทัง โรลชูว ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของเธอได้ "ฉันล้อเล่น พวกเธอสองคนดูแปลก ๆ นะ""ล้อเล่นงั้นเหรอ?!"ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว มองหน้ากันแล้วหันไปมอง ทัง โรลชูว ที่กำลังยิ้มด้วยความพึงพอใจ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวแล้วว่าถูกแกล้ง“ทัง โรลชูว!” ทั้งคู่ยืนขึ้นและกำลังจะตะครุบเธอเมื่อเห็นแบบนั้น ลู ชินจิน จึงเอื้อมมือไปดึง ทัง โรลชูว ให้เข้ามาในอ้อมแขนของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองทั้งสองคนที่กำลังจะตะครุบเธอ“ชูวชูวเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เธอไม่สามารถเล่นกับคุณสองคนได้”อันที่จริง ซอง อันยี และ หยิง เสี่ยวเซียว ไม่ได้จะแกล้งชูวชูว แต่เมื่อเขาพูดแบบนั้นออกมา มันก็ทำให้พวกเธอสองคนอึกอัดทันทีซอง อันยี หัวเราะอย่างเชื่องช้าและกล่าวว่า "คุณลู พวกเรารู้"แน่นอนว่ามีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อาย ลู ชินจ
อะไรกันเนี่ย?เธอโยนมันทิ้งทันที และรีบลุกออกจากเตียง คว้าโทรศัพท์แล้ววิ่งไปที่ระเบียงลู ชินจิน ออกจากห้องน้ำ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังวิ่งไปที่ระเบียงเขาจึงพยายามหยุดเธอเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เธอก็วิ่งไปที่ระเบียงแล้วปิดประตูแล้วเธอวิ่งราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดวิ่งไล่เธอลู ชินจิน ส่ายหัวด้วยเสียงหัวเราะ เขาเดินไปที่เตียงและสังเกตเห็นว่ามีของสีแดงบนผ้าปูที่นอนสีเทาคิ้วเหมือนลูกศรของเขาขมวดคิ้วขณะที่เขาเดินผ่านไป ดวงตาของเขาบ่งบอกถึงสนุกสนานนั่นคือเหตุผลที่เธอวิ่งหนีอย่างรวดเร็วที่ระเบียง ทัง โรลชูว คำรามใส่ผู้หญิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “หยิง เสี่ยวเซียว ของขวัญนั่นมันอะไรกันเนี่ย?”อีกด้านของสาย หยิง เสี่ยวเซียว หัวเราะเบา ๆ "ทำไมล่ะ ฉันค่อนข้างรอบคอบใช่ไหมล่ะ?""รอบคอบก็บ้าล่ะ!" ทัง โรลชูว โกรธมาก “ชินจินจะคิดยังไง ถ้าเขาเห็น”เธอไม่อยากให้ชินจินเข้าใจเธอผิดหยิง เสี่ยวเซียว ไม่ไยดี "ก็ไม่เห็นต้องคิดยังไงเลย เขาจะขอบคุณฉันด้วยซ้ำ"“หยิง เสี่ยวเซียว!” ทัง โรลชูว คำรามออกมาด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าเธอกำลังโกรธจริง หยิง เสี่ยวเซียว จึงต้องตอบอย่างอาย ๆ ว่า
วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทัง โรลชูว ก็รีบไปที่ห้องคนไข้ของ ทัง ซอง ทัง ซอง ยังคงไม่ได้สติ แพทย์ในสหรัฐอเมริกาได้ขอให้ส่งตัวเขาไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดและตรวจสอบอาการของเขาอย่างละเอียดเมื่อ ลู ชินจิน บอกข่าวให้ ทัง โรลชูว เธอก็เงียบและตกอยู่ในภวังค์ หลังจากนั้นไม่นานเธอตอบว่า "ฉันอนุญาตให้ส่งพ่อของฉัน ไปอเมริกาได้ ถ้าพวกเขาสัญญาว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่ แต่ถ้าพวกเขาใช้พ่อของฉันเป็นตัวทดลองในการวิจัยทางการแพทย์ ฉันขอปฏิเสธพวกเขา เพราะถ้าเป็นงั้นฉันก็อยากให้พ่อเป็นแบบนี้มากกว่า ฉันไม่อยากให้เขาต้องไปทนทุกข์ทรมาน"แม้ว่าเธอจะเคยเกลียดพ่อของเธอมาก่อน แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะตัดขาดได้ง่าย ๆ"ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ" ลู ชินจิน เข้าใจความกังวลของเธอและด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่พยายามโน้มน้าวเธอเธอตัดสินใจไปโรงพยาบาลในวันนี้เพื่อปรึกษาแพทย์ของพ่อของเธอ ว่าอะไรจะเป็นผลดีกับ ทัง ซอง มากที่สุดเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทัง โรลชูว พบว่า เซา เสี่ยวหวัน ก็อยู่ด้วยเช่นกัน เธอดีใจที่วันนี้เธอไม่ยอมให้ชินจินมาด้วย"สุดยอดไปเลยนะเนี่ย ฉันคิดว่าคุณลืมสามีของตัวเองไปแล้ว
"ขอบคุณค่ะ คุณหมอ" ทัง โรลชูว ยิ้มให้หมอ"ยินดีครับ มันคืองานของเรา" หมอยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกจากห้องไปภายในห้องคนไข้ ตอนนี้มีเพียง ทัง โรลชูว เซา เสี่ยวหวัน และ ทัง ซอง ที่หมดสติเท่านั้น ที่ยังอยู่ข้างในทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทัง โรลชูว เลือกที่จะปฏิบัติต่อ เซา เสี่ยวหวัน เหมือนเธอไม่มีตัวตน เธอจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อของเธออย่างอ่อนโยนด้วยความห่วงใยในอดีตเธอเคยทะเลาะกับพ่อทำให้โกรธเขาหลายครั้ง ในตอนนั้นพ่อของเธอเป็นคนขี้รำคาญ แต่เขาก็มีสุขภาพที่ดีมาตลอด แต่ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แม้ว่าเขาจะหายใจ แต่มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีชีวิตเลยในความคิดของเธอ เธอยังคงชอบพ่อที่น่ารำคาญ แต่มีสุขภาพดีเมื่อคิดอย่างนั้นเธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะกระซิบกับพ่อของเธอว่า "พ่อคะ หนูจะส่งผู้ชายที่ไว้ใจได้ไปอเมริกากับพ่อด้วยนะ พ่อจะได้ไม่เหงา"“หนูจะดูแล ทัง กรุ๊ป แทนพ่อเองหนูจะทำจนกว่าหนูจะแน่ใจว่ามันจะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนเลวพวกนั้น”ในขณะที่เธอพูดเธอมองไปที่ เซา เสี่ยวหวัน ที่กำลังไม่สบายใจ ริมฝีปากของเธอก็โค้งเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาดูเหมือนว่าใครบางคนจะไม่สามารถทนได้และจะโจ
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของ เซา เสี่ยวหวัน ทำให้ ทัง โรลชูว ตกตะลึง ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะโค้งงอเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน"เรื่องนี้ฉันต้องได้รับอนุญาตจากคุณงั้นเหรอ หยุดแทรกแซงธุรกิจของครอบครัวฉันซักที"“ชูวชูว เธอ...”"ได้โปรดออกไป ฉันจะอยู่กับพ่อของฉัน" ทัง โรลชูว ขัดจังหวะเธออย่างไร้ความปราณีขณะที่เธอพูด เธอหันกลับไปและไม่สนใจแม่เลี้ยงของเธออีกเลยเซา เสี่ยวหวัน ไม่เคยต้องการที่จะอยู่ เธอจ้องมอง ทัง โรลชูว อย่างมุ่งร้ายก่อนที่จะออกไปอย่างเร่งรีบเธอต้องบอกโรลโรลเกี่ยวกับแผนการที่จะส่ง ทัง ซอง ไปยังสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตหลังจากที่ เซา เสี่ยวหวัน จากไป ทัง โรลชูว ก็จับมืออันอบอุ่นของพ่อของเธอและกระซิบว่า "พ่อคะ ฉันจะทำให้แน่ใจว่า คนที่ทำร้ายพ่อได้รับการลงโทษอย่างถูกต้อง ฉันจะปกป้อง ทัง กรุ๊ป และส่งคืนให้พ่อ ในตอนที่พ่อตื่นขึ้นมา"หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็จ้องไปที่ใบหน้าซีดเซียวของพ่อ และมองไปที่ดวงตาที่ปิดสนิทของเขา เธอรู้สึกถึงความเศร้าในใจขณะที่เธอพึมพำก้มหัวลง "พ่อจะต้องฟื้น"ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง และมีเพียงเสียงของเครื่องจักรที่ดังเป็น
"เซิน โมเฟย คุณ..."ในขณะที่ ซอง อันยี กำลังจะปฏิเสธเขา ก็มีเสียงคนอื่นแทรกเข้ามา "คุณครับ ตอนนี้ลูกค้าคนนี้เมามาก และถ้าเกิดอะไรขึ้นมาบาร์ของเราไม่รับผิดชอบอะไรเขาทั้งสิ้น ทางที่ดีมารับเขาเถอะครับ"เธอจึงต้องไปรับเขาจากบาร์ และพาเขาไปที่บ้านของเธอเองชายเมาที่มีส่วนสูง 1.8 เมตร เขาอาการหนักมาก โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใจดีพอที่จะช่วยเธอพาเขาเข้าไปในบ้านของเธอไม่งั้นเธอคงจะโดนเขาทับไปแล้วด้วยน้ำหนักของเขาหลังจากช่วยเขาเข้านอน เธอก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เขาแต่เมื่อเธอหันกลับมา เขาก็เดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มถอดเสื้อผ้า เธอแทบจะอุทานออกมาด้วยความตกใจราวกับว่าเธอเห็นคนโรคจิต "เซิน โมเฟย คุณต้องอาบน้ำด้วยตัวเอง ฉันจะไม่ช่วยคุณนะ" เธอโยนผ้าขนหนูไปให้เขา และกำลังจะออกไปจากห้องน้ำทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงแรงดึงที่ข้อมือของเธอ เธอตะลึง ในวินาทีต่อมาเธอก็พบกับอาการวิงเวียนศีรษะ ก่อนที่เธอจะตอบสนองเธอพบว่าตัวเองถูกผลักจนติดผนังห้องน้ำ"เซิน โมเฟย คุณ..."ก่อนที่เธอจะได้บ่น ริมฝีปากนุ่มและอบอุ่นของเขาก็ทาบเข้ามาปิดริมฝีปากของเธอแล้ว จมูกของเธอได้รับกลิ่นของแ
ซอง อันยี หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้น เธอปล่อยให้น้ำเย็นไหลลงบนใบหน้าของเธอเธอติดอยู่ในภวังค์ จนไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาในห้องน้ำจู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงการกอดรอบเอวของเธอแน่น เธอลืมตาขึ้นด้วยความตกใจและหันไปรอบ ๆ จนไปหยุดที่ใบหน้าที่กำลังโกรธเธออยู่"คุณกำลังทำอะไร? ทรมานตัวเอง เพราะผมเหรอ?"และเมื่อมือของเขาสัมผัสน้ำ ความโกรธก็เกิดขึ้นทันที เซิน โมเฟย ไม่คิดว่ามันจะเป็นน้ำเย็น ซอง อันยี หันหน้าไปมองเขาด้วยความเฉยเมย "มันไม่เกี่ยวกับคุณ"น้ำเสียงของเธอช่างเย็นชารูม่านตาของ เซิน โมเฟย ขยายตัว ก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะ “คุณกำลังเสียใจกับสิ่งที่คุณทำสินะ?”ซอง อันยี ไม่ตอบเซิน โมเฟย หรี่ตาของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างแท้จริง เขาบีบคางเล็ก ๆ ของเธอ และบังคับให้เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา แต่เธอก็ยังดื้อดึงเขายิ้มอย่างยั่วยวนและยื่นหน้าของตัวเองไปใกล้เธอ เมื่อริมฝีปากของเขากำลังจะแตะลงบนริมฝีปากของเธอ เธอก็หันหนีไปเพื่อหลบเลี่ยงการคุกคามของเขา"เซิน โมเฟย ฉันไม่อยากเกลียดคุณ" เธอพูดอย่างเย็นชา"เกลียดผม?" เซิน โมเฟย ยกคิ้วขึ้น ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วลูบไปทุกส่วนตามร่า