วันรุ่งขึ้นหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทัง โรลชูว ก็รีบไปที่ห้องคนไข้ของ ทัง ซอง ทัง ซอง ยังคงไม่ได้สติ แพทย์ในสหรัฐอเมริกาได้ขอให้ส่งตัวเขาไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดและตรวจสอบอาการของเขาอย่างละเอียดเมื่อ ลู ชินจิน บอกข่าวให้ ทัง โรลชูว เธอก็เงียบและตกอยู่ในภวังค์ หลังจากนั้นไม่นานเธอตอบว่า "ฉันอนุญาตให้ส่งพ่อของฉัน ไปอเมริกาได้ ถ้าพวกเขาสัญญาว่าเขาจะฟื้นตัวเต็มที่ แต่ถ้าพวกเขาใช้พ่อของฉันเป็นตัวทดลองในการวิจัยทางการแพทย์ ฉันขอปฏิเสธพวกเขา เพราะถ้าเป็นงั้นฉันก็อยากให้พ่อเป็นแบบนี้มากกว่า ฉันไม่อยากให้เขาต้องไปทนทุกข์ทรมาน"แม้ว่าเธอจะเคยเกลียดพ่อของเธอมาก่อน แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะตัดขาดได้ง่าย ๆ"ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ" ลู ชินจิน เข้าใจความกังวลของเธอและด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่พยายามโน้มน้าวเธอเธอตัดสินใจไปโรงพยาบาลในวันนี้เพื่อปรึกษาแพทย์ของพ่อของเธอ ว่าอะไรจะเป็นผลดีกับ ทัง ซอง มากที่สุดเมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทัง โรลชูว พบว่า เซา เสี่ยวหวัน ก็อยู่ด้วยเช่นกัน เธอดีใจที่วันนี้เธอไม่ยอมให้ชินจินมาด้วย"สุดยอดไปเลยนะเนี่ย ฉันคิดว่าคุณลืมสามีของตัวเองไปแล้ว
"ขอบคุณค่ะ คุณหมอ" ทัง โรลชูว ยิ้มให้หมอ"ยินดีครับ มันคืองานของเรา" หมอยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกจากห้องไปภายในห้องคนไข้ ตอนนี้มีเพียง ทัง โรลชูว เซา เสี่ยวหวัน และ ทัง ซอง ที่หมดสติเท่านั้น ที่ยังอยู่ข้างในทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทัง โรลชูว เลือกที่จะปฏิบัติต่อ เซา เสี่ยวหวัน เหมือนเธอไม่มีตัวตน เธอจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อของเธออย่างอ่อนโยนด้วยความห่วงใยในอดีตเธอเคยทะเลาะกับพ่อทำให้โกรธเขาหลายครั้ง ในตอนนั้นพ่อของเธอเป็นคนขี้รำคาญ แต่เขาก็มีสุขภาพที่ดีมาตลอด แต่ตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล แม้ว่าเขาจะหายใจ แต่มันดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีชีวิตเลยในความคิดของเธอ เธอยังคงชอบพ่อที่น่ารำคาญ แต่มีสุขภาพดีเมื่อคิดอย่างนั้นเธอก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ขณะกระซิบกับพ่อของเธอว่า "พ่อคะ หนูจะส่งผู้ชายที่ไว้ใจได้ไปอเมริกากับพ่อด้วยนะ พ่อจะได้ไม่เหงา"“หนูจะดูแล ทัง กรุ๊ป แทนพ่อเองหนูจะทำจนกว่าหนูจะแน่ใจว่ามันจะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนเลวพวกนั้น”ในขณะที่เธอพูดเธอมองไปที่ เซา เสี่ยวหวัน ที่กำลังไม่สบายใจ ริมฝีปากของเธอก็โค้งเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาดูเหมือนว่าใครบางคนจะไม่สามารถทนได้และจะโจ
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของ เซา เสี่ยวหวัน ทำให้ ทัง โรลชูว ตกตะลึง ก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะโค้งงอเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน"เรื่องนี้ฉันต้องได้รับอนุญาตจากคุณงั้นเหรอ หยุดแทรกแซงธุรกิจของครอบครัวฉันซักที"“ชูวชูว เธอ...”"ได้โปรดออกไป ฉันจะอยู่กับพ่อของฉัน" ทัง โรลชูว ขัดจังหวะเธออย่างไร้ความปราณีขณะที่เธอพูด เธอหันกลับไปและไม่สนใจแม่เลี้ยงของเธออีกเลยเซา เสี่ยวหวัน ไม่เคยต้องการที่จะอยู่ เธอจ้องมอง ทัง โรลชูว อย่างมุ่งร้ายก่อนที่จะออกไปอย่างเร่งรีบเธอต้องบอกโรลโรลเกี่ยวกับแผนการที่จะส่ง ทัง ซอง ไปยังสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตหลังจากที่ เซา เสี่ยวหวัน จากไป ทัง โรลชูว ก็จับมืออันอบอุ่นของพ่อของเธอและกระซิบว่า "พ่อคะ ฉันจะทำให้แน่ใจว่า คนที่ทำร้ายพ่อได้รับการลงโทษอย่างถูกต้อง ฉันจะปกป้อง ทัง กรุ๊ป และส่งคืนให้พ่อ ในตอนที่พ่อตื่นขึ้นมา"หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็จ้องไปที่ใบหน้าซีดเซียวของพ่อ และมองไปที่ดวงตาที่ปิดสนิทของเขา เธอรู้สึกถึงความเศร้าในใจขณะที่เธอพึมพำก้มหัวลง "พ่อจะต้องฟื้น"ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง และมีเพียงเสียงของเครื่องจักรที่ดังเป็น
"เซิน โมเฟย คุณ..."ในขณะที่ ซอง อันยี กำลังจะปฏิเสธเขา ก็มีเสียงคนอื่นแทรกเข้ามา "คุณครับ ตอนนี้ลูกค้าคนนี้เมามาก และถ้าเกิดอะไรขึ้นมาบาร์ของเราไม่รับผิดชอบอะไรเขาทั้งสิ้น ทางที่ดีมารับเขาเถอะครับ"เธอจึงต้องไปรับเขาจากบาร์ และพาเขาไปที่บ้านของเธอเองชายเมาที่มีส่วนสูง 1.8 เมตร เขาอาการหนักมาก โชคดีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใจดีพอที่จะช่วยเธอพาเขาเข้าไปในบ้านของเธอไม่งั้นเธอคงจะโดนเขาทับไปแล้วด้วยน้ำหนักของเขาหลังจากช่วยเขาเข้านอน เธอก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เขาแต่เมื่อเธอหันกลับมา เขาก็เดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องน้ำและเริ่มถอดเสื้อผ้า เธอแทบจะอุทานออกมาด้วยความตกใจราวกับว่าเธอเห็นคนโรคจิต "เซิน โมเฟย คุณต้องอาบน้ำด้วยตัวเอง ฉันจะไม่ช่วยคุณนะ" เธอโยนผ้าขนหนูไปให้เขา และกำลังจะออกไปจากห้องน้ำทันใดนั้นเธอก็รู้สึกถึงแรงดึงที่ข้อมือของเธอ เธอตะลึง ในวินาทีต่อมาเธอก็พบกับอาการวิงเวียนศีรษะ ก่อนที่เธอจะตอบสนองเธอพบว่าตัวเองถูกผลักจนติดผนังห้องน้ำ"เซิน โมเฟย คุณ..."ก่อนที่เธอจะได้บ่น ริมฝีปากนุ่มและอบอุ่นของเขาก็ทาบเข้ามาปิดริมฝีปากของเธอแล้ว จมูกของเธอได้รับกลิ่นของแ
ซอง อันยี หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้น เธอปล่อยให้น้ำเย็นไหลลงบนใบหน้าของเธอเธอติดอยู่ในภวังค์ จนไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนกำลังเข้ามาในห้องน้ำจู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงการกอดรอบเอวของเธอแน่น เธอลืมตาขึ้นด้วยความตกใจและหันไปรอบ ๆ จนไปหยุดที่ใบหน้าที่กำลังโกรธเธออยู่"คุณกำลังทำอะไร? ทรมานตัวเอง เพราะผมเหรอ?"และเมื่อมือของเขาสัมผัสน้ำ ความโกรธก็เกิดขึ้นทันที เซิน โมเฟย ไม่คิดว่ามันจะเป็นน้ำเย็น ซอง อันยี หันหน้าไปมองเขาด้วยความเฉยเมย "มันไม่เกี่ยวกับคุณ"น้ำเสียงของเธอช่างเย็นชารูม่านตาของ เซิน โมเฟย ขยายตัว ก่อนที่เขาจะยิ้มเยาะ “คุณกำลังเสียใจกับสิ่งที่คุณทำสินะ?”ซอง อันยี ไม่ตอบเซิน โมเฟย หรี่ตาของเขา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างแท้จริง เขาบีบคางเล็ก ๆ ของเธอ และบังคับให้เธอจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา แต่เธอก็ยังดื้อดึงเขายิ้มอย่างยั่วยวนและยื่นหน้าของตัวเองไปใกล้เธอ เมื่อริมฝีปากของเขากำลังจะแตะลงบนริมฝีปากของเธอ เธอก็หันหนีไปเพื่อหลบเลี่ยงการคุกคามของเขา"เซิน โมเฟย ฉันไม่อยากเกลียดคุณ" เธอพูดอย่างเย็นชา"เกลียดผม?" เซิน โมเฟย ยกคิ้วขึ้น ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วลูบไปทุกส่วนตามร่า
ท่าทางของ ทัง โรลชูว เปลี่ยนไป “นาย...นาย กับ อันยี...นาย...”ทัง โรลชูว ตกใจมากจนเธอพูดไม่ถูก"ก็คงจะเป็นแบบนั้น" เซิน โมเฟย ยอมรับเมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของเขา ทัง โรลชูว ก็โกรธ "เซิน โมเฟย นายรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป""ผมรู้"“รู้งั้นเหรอ? งั้นขอถามอะไรหน่อย! นายทำอะไรเพื่ออันยีได้บ้าง? นายแต่งงานกับเธอได้ไหม?”เซิน โมเฟย เงียบ เขาไม่สามารถตัดสินใจเรื่องแต่งงานเองได้ การที่จะแต่งงานกับเธอเป็นไปได้น้อยมากเมื่อเห็นว่าเขาเงียบ ริมฝีปากของ ทัง โรลชูว ก็โค้งเป็นยิ้มเยาะ "ทำไม นายตอบฉันไม่ได้เหรอ?"เธอหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดต่อ "ฉันถามชินจินมาแล้ว เขาบอกฉันว่าคู่หมั้นของนายคือ หลานสาวของเพื่อนทหารเก่าของคุณปู่ คนที่เคยช่วยเขามาก่อน และนายไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานนั้นได้"เซิน โมเฟย รู้มาตลอดว่าเธอพูดเรื่องอะไร แม้ว่าความเป็นจริงนั้นยากที่จะเปลี่ยนแปลง แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกที่เขามีให้อันยี"ผมรักอันยี" เขาจ้องไปที่ ทัง โรลชูว ด้วยสายตาที่จริงใจ และมุ่งมั่น"ปล่อยเธอไปเถอะ เธอไม่อยากไปเป็นมือที่สามหรอก"ทัง โรลชูว จ้องมองเขาก่อนที่จะเดินไปรอบ ๆ ตัวเขา แต่แล้วเธอก็ต้องหยุดเด
ทัง โรลชูว ที่นั่งอยู่บนโซฟา เธอหันไปมอง ซอง อันยี ที่กำลังค่อย ๆ รินน้ำใส่แก้ว อย่างช้า ๆ ซอง อันยี ดูปกติ ดูเหมือนเธอไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่ในความจริงเธอดูปกติจนเกินไปทัง โรลชูว กังวลมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นเธอรู้จักกับอันยีมาหลายปีแล้ว และรู้ว่ายิ่งเธอเสียใจมากเท่าไหร่ เธอก็จะทำตัวปกติมากเท่านั้นเธอต้องการที่จะอดทนกับมัน เพื่อไม่ให้เป็นภาระคนอื่นซอง อันยี เดินไปกลับมาพร้อมแก้วน้ำ เธอวางแก้วหนึ่งไว้ให้โรลชูว"แกมาที่นี่ทำไม?" ซอง อันยี ยิ้มและถาม"หลี่ น่า มาบอกว่าวันนี้แกไม่ไปทำงาน แล้วก็ติดต่อแกไม่ได้ด้วย ฉันกังวลก็เลยมาที่นี่"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซอง อันยี ก็ยืนขึ้น “บ้าเอ้ย ฉันลืมไปทำงาน”ขณะที่เธอพูด เธอก็รีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วทัง โรลชูว มองตามเธอไป เมื่อเธอเดินไปถึงประตูห้อง ทัง โรลชูว ก็ตะโกนออกมาว่า "อันยี ร้องออกมาเถอะ อย่าฝืนตัวเองเลย"เมื่อได้ยินแบบนั้น ซอง อันยี ก็หยุดเดิน และตอบว่า "ฉันไม่ได้เป็นอะไรนี่"พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินคำตอบ ทัง โรลชูว ก็ถอนหายใจหนัก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรทำยังไงซอง อันยี ปิดประตูอย่างแน่นหนาทันทีที่
ซอง อันยี ยิ้มให้เธอก่อนจะหันไปหั่นผักต่อทัง โรลชูว เช็ดมือของเธอบนผ้ากันเปื้อน เธอยิ้มให้ ซอง อันยี อย่างอ่อนโยน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อเพื่อนที่แสนดีขอเธอตาของ ซอง อันยี บวมแดงจากการร้องไห้ เห็นได้ชัดว่าเธอก็รักโมเฟยแต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่ถูกกำหนดให้จบลงอย่างเลวร้าย เพราะโมเฟยมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้เนื่องจากเป็นเช่นนั้นการเลิกกันจึงเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่าสำหรับทั้งเธอและโมเฟย หากความสัมพันธ์ยังดำเนินต่อไปมีแต่เธอที่ต้องเจ็บปวดจากมันเธอจึงไม่ยอมให้อันยีต้องเจ็บปวดอีกต่อไป“ชูวชูว หั่นผักเสร็จแล้ว ต้อง...”ประโยคที่เหลือของเธอถูกกลืนลงไป ซอง อันยี หันกลับมาและเห็น ทัง โรลชูว กำลังใช้ความคิด เธอขมวดคิ้วและเรียกเธอ “ชูวชูว”"ห้ะ?" ทัง โรลชูว ตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกเธอ เธอกระพริบตาและถามด้วยความสับสน "เกิดอะไรขึ้น?"ซอง อันยี มองเธออย่างครุ่นคิดก่อนจะชี้ไปที่ผักที่หั่นไว้บนเขียง และถามเธอว่า "ฉันหั่นผักเสร็จแล้ว มีอะไรให้ช่วยอีกไหม"ทัง โรลชูว มองเธอและยิ้ม "ไม่แล้ว ไปเตรียมตัวกินข้าวเถอะ"หลังจากที่เธอพูด ซอง อันยี ก็ยังยืนอย