“ก็ไม่แย่นัก” ทัง โรลชูว ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงของเธอเฉยชา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอเสียใจหรือเศร้าใจอยู่“เธอหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘ก็ไม่แย่’?” ถ้าเป็นคำตอบที่คลุมเครือเสียเหลือเกิน ไม่ต้องตอบเลยยังจะดีเสียกว่า“ฉันหมายความว่าสถานการณ์ค่อนข้างที่จะ เป็นไปได้ทางที่ดี” ทัง โรลชูว วางช้อนลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เธอ “ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นเป็นเพื่อนเก่าของพ่อฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องร้องขออะไร พวกเขาก็เต็มใจที่จะช่วย” “จริงเหรอ? อย่างนั้นก็หมายความว่าเราจะชนะน่ะสิ?” หยิง เสี่ยวเซียว มองไปที่เธอด้วยความคาดหวัง“ไม่” คำพูดที่ห่างเหินนี้ทำลายจิตวิญญาณอันสูงสุดของหญิงเสี่ยวเซียว ลง “ทำไมล่ะ?” ในเมื่อผู้ถือหุ้นเหล่านั้นตัดสินใจที่จะช่วยเธอแล้วทำไมพวกเขาถึงจะยังไม่ชนะ?ทัง โรลชูว ซดน้ำซุปหนึ่งคำก่อนจะตอบ “มีผู้ถือหุ้นรายหนึ่งที่มีท่าทีไม่แน่นอน ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาจะไม่สนับสนุนเราทั้งคู่ แต่ฉันมีกลัวว่าเขาจะถูกดึงตัวไปเข้ากับฝ่าย กู โรลโรล”หยิง เสี่ยวเซียว ได้ยินดังนั้นก็ให้รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นก็รีบคิดหาวิธีกันเถอะ”เธอนิ่งคิดไปสักพักก่อนจะพูดขึ้น “เร
ช่วงพักเที่ยงเพิ่งจะผ่านไป ภายในร้านเหลือคนอยู่ไม่กี่คน มีไม่กี่โต๊ะเท่านั้นที่มีคนนั่งอยู่กลุ่มของ ทัง โรลชูว นั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมที่ไม่เป็นที่สะดุดตา ทำให้ไม่มีใครสังเกตว่า กรรมการผู้จัดการ ลู เซียวเหยา ร่วมทานอาหารอยู่ที่นี่ด้วย นอกเสียจากพวกเขาจะตั้งใจจ้องมองมาทางนี้จริง ๆด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้ความสงบเป็นส่วนตัว“ชูวชูว เธอวางแผนจะทำยังไงต่อไป?” ซอง อันยี ถามขึ้นด้วยความกังวลการประชุมผู้บริหารของ ทัง กรุ๊ป ในครั้งนี้สำคัญต่อ ชูวชูว มาก ทำให้พวกเขาเป็นห่วงเธอ“ฉันบอกให้ ลู เซียวเหยา ช่วยหาใครสักคนไปจับตาดูผู้อาวุโสเฉินอยู่ เมื่อเวลานั้นมาถึงปัญหานี้จะถูกแก้ได้อย่างแน่นอน” ต่างจากเพื่อนของเธอที่แสดงท่าทีเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน ทัง โรลชูว กลับใจเย็น และมั่นใจเป็นอย่างมาก“เธอมีแผนอะไร?” หยิง เสี่ยวเซียว ถามขึ้นด้วยความสงสัยทัง โรลชูว ยิ้มและพูดขึ้น “เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละเมื่อเวลานั้นมาถึง”มุมปากของ หยิง เสี่ยวเซียว หุบลงอย่างผิดหวัง “เมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันก็คงตายไปแล้วเพราะกลอุบายนี้แน่ ๆ”ซอง อันยี อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาและพูดขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเล
ทัง โรลชูว เปิดดูเอกสารรายงานผลประกอบการกำไรในช่วงปีที่ผ่านมาของ ทัง กรุ๊ป ด้วยท่าทีขึงขัง จริงจังบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอ มีหัวข้อเอกสารพิมพ์ด้วยตัวใหญ่หนาว่า “การเพิ่มโอกาสในการพัฒนา ทัง กรุ๊ป ในอีก 10 ปีข้างหน้า”หากเธอต้องการให้เราผู้ถือหุ้นสนับสนุนเธอ เธอต้องทำอะไรซักอย่างนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอจึงต้องนั่งเขียนรายงานโอกาสในการก้าวหน้าของบริษัทแต่เธอก็ไม่ได้มีความสามารถในการบริหารบริษัทมากนัก และตัวเลขรายงานผลประกอบการนี้ก็ทำให้เธอปวดหัวเมื่อ ลู ชินจิน กลับมาถึงบ้าน ป้าวูบอกเขาว่า ภรรยาของเขาขึ้นไปข้างบนทันทีเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน และห้ามไม่ให้ใครไปรบกวนแต่ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว ป้าวูลังเลที่จะขึ้นไปเรียกเธอลงมาทานข้าว“ผมจะไปตามเธอเอง” ลู ชินจิน ยิ้มให้ป้าวู ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปเธอคงจะกังวลเรื่องการประชุมบอร์ดบริหารผู้ถือหุ้นของ ทัง กรุ๊ป ที่จะมีขึ้นในอีก 3 วันหลังนี้แน่ ๆ เซียวเหยา เล่าให้เขาฟังทุกอย่างแล้ว และเขายังบอกอีกว่าเธอจะรับมือเรื่องนี้เองริมฝีปากของ ลู ชินจิน หยักขึ้นเผยรอยยิ้มจาง ๆ เธอมักจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างนี้เสมอ แต่ทุกครั้งเธอก็โดนป้
ทัง โรลชูว ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะยิ้มสดใสออกมาและพยักหน้าอย่างนุ่มนวล “ใช่ค่ะ เป็นเช่นนั้น ฉันต้องการให้คุณช่วย”“แต่ผมได้ยินจาก เซียวเหยา มาว่าคุณไม่ต้องการขอให้ผมช่วย” ลู ชินจิน มองกลับไปที่เธอพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆทัง โรลชูว กระตุกริมฝีปากก่อนจะตอบกลับ “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของคุณเรื่อง ผู้อาวุโสเฉิน แต่ตอนนี้ฉันอยากให้คุณช่วยในเรื่องอื่น”“ผู้อาวุโสเฉิน?”“ใช่ค่ะ เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของ ทัง กรุ๊ป ฉันไปเยี่ยมเขามาวันนี้กับ เซียวเหยา แต่เขาปฏิเสธที่จะให้เราเข้าพบ”เมื่อพูดถึงเรื่องผู้อาวุโสเฉิน ทัง โรลชูว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา รู้สึกผิดหวังเล็ก ๆเมื่อเห็นว่าเธอผิดหวัง ลู ชินจิน นิ่งคิดสักครู่ก่อนจะพูดขึ้น “แต่นั่นก็เป็นนิสัยปกติของเขาอยู่แล้ว อย่างน้อยนั่นก็หมายความว่าคุณยังมีโอกาสนะ”“ใช่ไหมคะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเหมือนกัน” ทัง โรลชูว กรอกตาคู่สวยของเธอที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม แพรวพราว ก่อนจะพูดต่อ “รู้จักศัตรูของคุณ และรู้จักตัวคุณเองให้เป็นอย่างดี ถ้าฉันหาในสิ่งที่เขาพึงพอใจได้ ฉันคิดว่าฉันจะทำให้เขามาอยู่ฝั่งฉันได้”ในขณะที่พูดเธอมีท่าทีมั่นใจเป็นอย่างมา
‘นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ทำไมเธอถึงคิดเรื่องไร้สาระพวกนี้ขึ้นมาได้?’ ทัง โรลชูว คิดกับตัวเอง“ที่จริงแล้ว…ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” ลู ชินจิน พูดขึ้น“หือ?” ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นและจ้องเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ‘ฉันไม่ได้ยินเขาพูดผิดใช่ไหม? เขาพูดว่ามันไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม?’ลู ชินจิน มองดูรายงานผลประกอบการอย่างลวก ๆ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเนิบ ๆ “ทัง กรุ๊ป มีผลประกอบการที่ดีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กิจการของพวกเขาทำรายได้ได้ดีและสถานะทางสินเชื่อก็ดีอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังสูญเสียแรงกระตุ้นไป”ทัง โรลชู เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดก่อนจะพูดขึ้นว่า “ที่คุณกำลังจะสื่อก็คือ บริษัทจะไม่สามารถพัฒนาต่อได้อย่างราบรื่นในอนาคต และพวกเขาอาจจะมีรายได้ลดลงใช่ไหม?” “ฉลาดมาก นั่นคือสิ่งที่ผมหมายถึง”เมื่อได้รับคำชม ทัง โรลชูว ก็ยิ้มออกมาอย่างเขินอายสายตาของเขามีแววชื่นชม ลู ชิจิน พูดต่อ “จากที่พวกเรารู้ในตอนนี้ กิจการห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของ ทัง กรุ๊ป อย่างไรก็ตามด้วยความที่อินเตอร์เน็ตถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วในยุคนี้มัน ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นไปได้อ
ป้าวูทำอาหารได้อร่อย ทัง โรลชูว จึงไม่สามารถหยุดตัวเองได้เธอกินข้าวไปสองชามและซุปอีกหนึ่งชามเมื่อทานเสร็จเธอรู้สึกได้ว่าอาหารกำลังย้อนคืนขึ้นมาที่ลำคอของเธอ เธอรู้สึกจะอ้วกออกมาได้ทุกนาทีเธอเดินออกมาจากห้องอาหารอย่างยากลำบาก เมื่อเห็นว่าเธอเดินออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับหญิงตั้งครรภ์พร้อมกับท่าเท้าสะเอว ลู ชินจิน ก็หัวเราะออกมาและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนเขาเดินเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเดินกลับออกมา หลังจากนั้นครูใหญ่พร้อมกับแก้วในมือของเขาที่ห้องนั่งเล่น ทัง โรลชูว นอนอยู่บนโซฟาราวกับหญิงที่เสียชีวิตไปแล้วใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและรู้สึกเสียใจท้องของเธอแน่นเสียจนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้สนใจที่จะรักษาภาพลักษณ์เธอ เธอตัดสินใจที่จะนอนอยู่ตรงโซฟาตัวนั้นตลอดไปเมื่อ ลู ชินจิน เดินออกมาเจอเธออยู่ในสภาพเช่นนั้น เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเดินไปยื่นแก้วให้เธอ “นี่คือ ชาฮอร์ธรอน มันจะช่วยคุณได้ในการย่อยอาหาร”รับแก้วมาเธอช่องสายตาพี่จะมองหน้าเขารู้สึกซาบซึ้ง จึงบอกความรู้สึกของเธอออกมาว่า
“พี่สะใภ้ ทำไมคุณฉลาดอย่างนี้?” ลู เซียวเหยา ทำปากยื่นเพื่อขอความเห็นใจ “พี่สะใภ้คุณต้องเข้าใจนะว่ามันน่ากลัวแค่ไหน! คนแก่กว่า 10 คนเข้ามารุมล้อมผม มาถามผม แล้วก็ถามสมาชิกครอบครัวของผม ผมไม่เอาแล้ว พี่สะใภ้ คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”ลู เซียวเหยา ลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับร้องขึ้น “พวกเขาเข้ามาพูดที่ข้างหูผมคนแล้วคนเล่า ณ ตอนนั้นผมคิดว่าผมอยู่ที่ฟาร์มเป็ดเสียอีก ที่เป็ดนับร้อย นับพันพากันส่งเสียงร้อง แคว่ก ๆ ผมเกือบจะเป็นบ้าตาย”เขายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมาทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้น “ฉันมีวิธีที่จะแก้ปัญหานั้นได้”“วิธีอะไรเหรอ?”“ก็แค่บอกไปว่านายแต่งงานแล้ว”ลู เซียวเหยา ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออกไป ทัง โรลชูว จึงถามออกไปอย่างลังเล “นายคงไม่ได้บอกไปในทันทีว่านายยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อพวกเขาถามนายหรอกใช่ไหม?” ลู เซียวเหยา หัวเราะอย่างขมขื่น “พี่สะใภ้ คุณนี่ช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริง ๆ เลย”ทัง โรลชูว พูดไม่ออก ก่อนจะกรอกตาให้กับเขา “ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นหรอก แต่นายน่ะโง่เองมากกว่า” “ผมไม่ได้โง่นะ! แค่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าพวกผู้อา
หากมองออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ ก็จะเห็นท้องฟ้าอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพรายนับไม่ถ้วนมองลงไปเบื้องล่างก็จะเห็นแสงไฟของเมืองปักกิ่งที่ส่องสว่างไสวโชติช่วงทัง โรลชูวตกตะลึงไปกับความสวยงามที่อยู่เบื้องหน้า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเมืองในยามค่ำคืนจะสวยเช่นนี้ด้านหลังเธออยู่เซียวเหยาทิ้งตัวลงบนโซฟา เขาจองขึ้นไปบนฝ้าอย่างว่างเปล่าท้องของเขาร้องเสียงดังเขาหิวมาก! หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว!แต่ถึงกระนั้น พี่สะใภ้ที่รักของเขา ก็ยังไม่คิดจะทานข้าวในเร็ว ๆ นี้ เธอต้องการที่จะรอพี่ใหญ่ของเขาประชุมให้เสร็จเสียก่อนแล้วถึงจะทานพร้อมกันแต่ก็มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าพี่ใหญ่ของเขา จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน บางทีเขาอาจจะตายเพราะความหิวโหยไปก่อนที่พี่ใหญ่จะประชุมเสร็จก็ได้เมื่อ ลู เซียวเหยา ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงนั้น ลู เซียวเหยา ก็เด้งตัวขึ้นมาในทันทีเมื่อเขาพบเข้ากับชายคนนั้น เขาทำท่าราวกับว่านั่นคือผู้ช่วยชีวิตของเขา เขารู้สึกประหลาดใจมาก “พี่ใหญ่ พี่ประชุมเสร็จสักที ท้องของผมแบนราบเพราะความหิวโหยแล้วนะ” ลู ชินจิน เหลือบไปมอ