พวกเขาใช้เวลาทานอาหารเย็นไปกว่าสองชั่วโมง และเมื่อพวกเขาออกมาจากโรงแรมก็เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้วค่ำคืนของฤดูใบไม้ร่วงมันหนาวราวกับอยู่ในน้ำลมที่กระโชกแรง ทำให้ ทัง โรลชูว ตัวสั่น อากาศมันหนาวมากทันใดนั้นเสื้อโค้ทอุ่น ๆ ก็ปกคลุมไหล่ของเธอ เสียงทุ้มที่ฟังดูห่วงใยของ ลู ชินจิน ดังขึ้นข้างเธอ “สวมสิ จะได้ไม่เป็นหวัด”ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นและยิ้มให้เขา จากนั้นเธอก็สวมเสื้อโค้ทของเขาอย่างเชื่อฟัง"อุ่นจัง"“CEO ลู ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเป็นคนเอาใจใส่ขนาดนี้เลยนะ”เสียงล้อเลียนของ หยิง เสี่ยวเซียว ดังขึ้นมาจากข้าง ๆ เธอ ทัง โรลชูว หันไปมองเพื่อนของเธอ "เสี่ยวเซียว แกรู้สึกหนาวเหรอ อยากได้โค้ทของเซียวเหยาไหม?"รอยยิ้มบนริมฝีปากของ หยิง เสี่ยวเซียว หายไป บ้าเอ้ย เธอแค่ล้อเลียน CEO ลู นิดหน่อยเอง ชูวชูวก็รีบปกป้องเขาทันทีเลย แถมยังใช้ ลู เซียวเหยา เยาะเย้ยของเธออีก นี่มันผู้หญิงอะไรกัน!เมื่อเห็นแบบนี้ ซอง อันยี ก็ปิดปากของเธอแน่นและขมวดคิ้ว ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยแสงที่ส่องข้างทาง มันทำให้เธอดูน่ารักมากในสายตาโมเฟยเซิน โมเฟย หลงอยู่ในภวังค์ เขาต้องการสัมผัสใบหน้าของเธอ"ชินจินและฉัน
ทัง โรลชูว เม้มริมฝีปากของเธอขณะที่เธอมองเขาเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองทำผิดแต่...เธอหันกลับไปมอง ซอง อันยี ที่ตอนนี้กำลังก้มหน้า เธอถอนหายใจเบา ๆ สิ่งที่ผิดพลาดไม่สามารถแก้ไขได้ ในสถานการณ์แบบนี้เธอต้องควบคุมตัวเองและเข้มแข็ง ไม่งั้นเธอจะต้องเสียใจเรื่องในอนาคตที่มันจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้เธอหายใจเข้าลึก ๆ และเงยหน้าขึ้นมองไปที่ ลู ชินจิน “ไปส่งอันยีกับเสี่ยวเซียวกันค่ะ”ก่อนที่ ลู ชินจิน จะตอบ ลู เซียวเหยา ก็พูดแทรกขึ้นมา “พี่สะใภ้ผมไปส่งเอง พี่กับพี่ชายไปพักผ่อนเถอะ”"แต่..." ทัง โรลชูว มอง หยิง เสี่ยวเซียว อย่างลังเลเสี่ยวเซียวจะอึดอัดหรือเปล่านะ?แต่เสี่ยวเซียวก็เห็นด้วย "ใช่ ให้ ลู เซียวเหยา ไปส่งพวกเราเถอะ"พูดตามตรงว่า ทัง โรลชูว ก็รู้สึกอ่อนเพลียมาก ทั้งวันเธอเดินทางไปทั่วเลย ทั้งโรงพยาบาล แถมยังต้องคุยเรื่องธุรกิจอีกดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธเขาอีกต่อไป "เอาล่ะ เซียวเหยาไปส่งพวกเธอให้ดีล่ะ""ครับผม"ลู เซียวเหยา หยิง เสี่ยวเซียว และ ซอง อันยี เดินไปที่ลานจอดรถสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเซิน โมเฟย ที่พวกเขาคิดว่ากลับไปแล้ว
รถ SUV สีดำ กำลังซิ่งอยู่บนถนน และมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับย่านใจกลางเมืองภายในรถ ซอง อันยี กำลังบีบที่จับประตูอย่างแรง เธอพยายามจะเปิดประตูแต่มันถูกล็อคไว้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสามารถเปิดมันออกได้หลังจากพยายามอย่างไร้ความหมาย เธอก็ยอมแพ้ และหันไปจ้องคนขับด้วยความโกรธ"เซิน โมเฟย นี่มันคือการลักพาตัวนะ คุณเข้าใจไหม? มันผิดกฎหมาย!" เธอคำรามเสียงดังเซิน โมเฟย ที่กำลังฟุ้งซ่าน หันมามองเธอ และยิ้มเล็กน้อย “ผมทำผิดกฎหมายเพราะคุณไง ไม่ใช่เหรอ?”ซอง อันยี ตกใจเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ส่งเสียงหัวเราะเย็น ๆ ออกมา “อย่าพยายามทำให้ฉันใจอ่อนด้วยคำพูดแบบนั้น ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบ”เขาอ้างว่ายินดีที่จะทำผิดกฎหมายเพื่อเธอ!ถ้าเธอบอกให้เขาไปฆ่าคน เขาจะทำไหม?“ผมจะทำ!”จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้นซอง อันยี เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอจ้องมองไปในดวงตาที่มุ่งมั่นของเขา จู่ ๆ เธอก็ตระหนักว่าเธอได้เปล่งความคิดในใจออกมาดังเกินไป“งั้นก็ฆ่าคนเพื่อฉันสิ” แค่พูดใครก็ทำได้!"ฆ่าใคร" เขาถาม“ตัวเองไง!”มันเป็นคำพูดที่เยือกเย็น ไร้อารมณ์“คุณอยากให้ผมตายจริง ๆ เหรอ?” เซิน โมเฟย ถามอย่างใจ
"อันยี แม้สุดปลายทางของเราจะเป็นเหว ผมก็จะกอดคุณและโดดลงไปด้วยกัน"เขากระซิบข้างหูเธอ และฝังลึกเข้าไปในร่างกายของเธอในตอนนั้นพวกเขาเป็นของกันและกัน เขาไม่มีงานหมั้นและไม่มีคู่หมั้นอะไรทั้งนั้นเธอยกมือขึ้นเพื่อลูบไล้ดวงตาและคิ้วของเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเสน่หาแม้ว่าตอนสุดท้ายจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือเรื่องราวระหว่างนั้นริมฝีปากของเธอโค้งขึ้น ตราบใดที่ทั้งสองคนรักกัน ก็จะไม่มีอะไรต้องกลัวแม้แต่ในนรกเมื่อเธอเข้าใจแล้ว หัวใจของเธอก็สงบลง เธอบีบจมูกเขาอย่างซุกซนเมื่อมองไปที่ทะเลที่ไร้ขอบเขต อันยียืนอยู่ที่ริมดาดฟ้า เอวของเธอกดติดกับราวบันได เธอจ้องมองเขาอย่างเย็นชา"อันยี อย่าทำอะไรโง่ ๆ มันอันตราย มานี่เร็ว"เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างระมัดระวังแต่เมื่อเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เธอก็หมุนตัวและกระโดดลงไปในน้ำ“อันยี!” เขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้อง จากนั้นเขาก็กระโดดลงไปตามเธอน้ำทะเลเย็นมาก เขาพยายามดันตัวให้โผล่พ้นน้ำจนลืมไปว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น ทันทีที่เขาโผล่ขึ้นมา คลื่นก็ซัดเข้าเหนือศีรษะของเขา และฉุดเขาลงมาอีกครั้งเขาค่อย ๆ สูญเสียการเคลื่อนไหว แล
ซอง อันยี หันหน้าไปมองเขาแล้วส่ายหัวเบา ๆ "ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง"เซิน โมเฟย ยิ้มจากนั้นเขาก็โอบกอดเธอจากด้านหลัง คางของเขาวางอยู่บนศีรษะของเธอ เขาพูดเบา ๆ ว่า "ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยก็บอกนะ""ค่ะ" ซอง อันยี ตอบอย่างนุ่มนวลเธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคู่รักกัน แต่เธอก็ยังไม่อยากจะล้ำเส้นเขา“อันยี” จู่ ๆ เขาก็เรียก"ห้ะ?" ซอง อันยี หันศีรษะไปด้านข้างเขาก้มหน้าลงและจูบที่ริมฝีปากของเธอเช้าวันนี้มันถูกยกให้เป็นเช้าที่น่าหลงใหลและโรแมนติกทันทีที่ ทัง โรลชูว มาถึงบริษัทเธอก็ตรงไปที่ห้องทำงานของ CEO โดยไม่สนใจแผนกที่เธอทำงานเมื่อเธอเห็นเลขา เธอก็ยิ้มให้เล็กน้อย "รองผู้จัดการทัง CEO และคุณอัน รอคุณอยู่ข้างในแล้ว"ทัง โรลชูว หุบรอยยิ้มของเธอ และผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานระหว่างทางไปทำงาน เธอได้รับโทรศัพท์จากอันยี เธอบอกให้เธอไปที่ห้องทำงานของโมเฟย เพราะมีบางอย่างจะบอกเธอเมื่อเธอผลักประตูให้เปิดออกและเห็นทั้งคู่กอดกัน เธอก็ช็อคทันที"เกิดอะไรขึ้น?"“ชูวชูว”ซอง อันยี หนีออกจากอ้อมกอดของ เซิน โมเฟย เมื่อเห็นเพื่อนที่ดีของเธอยืนอยู่ที่ประตูเมื่อได้ยินเสียง
ทัง โรลชูว รู้สึกเศร้าในใจ เธอยกมือขึ้นแล้วลูบหลังเพื่อนเธอ และพูดเบา ๆ ว่า "อันยี แกไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน แม้ว่าฉันจะไม่สนับสนุนความสัมพันธ์นี้ ฉันรู้นะว่ามันไม่ถูกที่ฉันทำแบบนั้น แต่ฉันไม่อยากให้แกเจ็บ แต่...เมื่อเร็ว ๆ นี้ แกก็เศร้ามากพอแล้ว การมีความรักมันคงดีกว่าที่จะเธอต้องเอาแต่เศร้า มันไม่สำคัญว่าสุดท้ายจะเป็นยังไงเลย"“ชูวชูว...” ซอง อันยี กอดเธอแน่น น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้“ชูวชูว แกไม่รู้หรอก เป็นเพราะแก ฉันถึงได้กล้าที่จะมีความสัมพันธ์นี้”เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของเพื่อนเธอ ดวงตาของ ทัง โรลชูว ก็ชื้นขึ้น เธอลูบหลังเพื่อนและยิ้มออกมา “พอแล้ว แกโตแล้วนะ เดี๋ยวโมเฟยล้อแกนะ”เธอเงยหน้าขึ้นและมอง เซิน โมเฟย ที่ยืนด้านหลังของพวกเขา เขายิ้มให้เธออย่างซาบซึ้ง "ขอบคุณครับ พี่สะใภ้"ทัง โรลชูว เลิกคิ้วเรียว "ไม่ต้องขอบคุณฉัน ถ้านายทำอันยีร้องไห้ ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่"เซิน โมเฟย ยิ้ม “ผมรู้น่า พี่สะใภ้”ทัง โรลชูว ยิ้มแล้วผลัก ซอง อันยี ที่กอดเธอออกไป เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและส่ายหัว "อันยี แป้งหลุดหมดแล้วนะ"เมื่อเธอได้ยินสิ่ง
“ฮ่า!” หยิง เสี่ยวเซียว หัวเราะขัน “ชูวชูวนี่เธอเชื่อใจโมเฟยขนาดนั้นเชียวเหรอ? ถ้าเกิดเขาขึ้นว่ามันเป็นแค่เรื่องนิยายไร้สาระและไม่นานก็ทิ้งอันยีไป ถ้าเขาทอดทิ้งเธอ? เราจะทำยังไงล่ะ?”เธอไม่ได้เชื่อใจ เซิน โมเฟย และก็ไม่เชื่อว่าเขาจะขัดขืนคำสั่งคุณปู่ของเขาเพื่ออันยี ในฐานะที่เขาเป็นผู้สืบทอดของครอบครัวที่มีชื่อเสียง เขาทำได้แค่เพียงยอมฟังคำสั่งและไม่ต่อต้านใด ๆ”ทัง โรลชูว ยิ้มบาง ๆ “ฉันเชื่อใจโมเฟย”เมื่อเสียงพูดของเธอจางหายไป เธอหันไปจ้อง เซิน โมเฟย ที่ยังคงนั่งเงียบ “โมเฟย นายคือลูกพี่ลูกน้องคนเล็กของชินจิน ฉันรู้ดีว่าชินจินเป็นคนยังไง ดังนั้น ฉันจึงเชื่อมั่นว่านายจะเป็นเช่นเดียวกันกับเขา นายต้องดูแลอันยีให้ดี”ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำออกมา “แน่นอน ว่าถ้าฉันเห็นว่ามันมีอะไรผิดพลาดไป ดังนั้น…” สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นอำมหิต “ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่”“พี่สะใภ้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” โมเฟยให้คำสัญญากับเธอแต่ หยิง เสี่ยวเซียว ไม่ได้สนใจคำสัญญานั่น “เซิน โมเฟย ชูวชูวอาจจะมั่นใจในตัวนาย แต่ฉันไม่ และฉันก็ไม่ยินยอมที่นายจะรักกับอันยี ทั้งในอดีต ในตอนนี้ ไปจนถึงในอนาคตอีกด้วย”หยิง เสี่ยวเ
“ผมว่าท้ายที่สุด เสี่ยวเซียวจะต้องเข้าใจ” เซิน โมเฟย ตบหลังเธอเบา ๆ ก่อนจะเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้านอกบาหน้าต่าง ท่าทีของเขาเองก็เศร้าลงเล็กน้อย“เสี่ยวเซียวรอฉันก่อน ทัง โรลชูว รั้งตัว หยิง เสี่ยวเซียว ไว้ทันก่อนที่เธอจะเดินเข้าลิฟต์ไป หยิง เสี่ยวเซียว ถูกรั้งให้หยุดเดิน เธอพูดขึ้นโดยไม่ยอมหันหลังกลับมา “ถ้าเธอจะมาพูดแก้ตัวแทนอันยีแล้วล่ะก็ อย่าเสียเวลาเลย”พูดดังนั้นแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ ทัง โรลชูว จะดึงตัวเธออย่างรวดเร็วไว้อีกครั้งและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้ “เสี่ยวเซียว เธออยากจะให้พวกเราสามคนต้องแตกหักกันจริง ๆ เหรอ?”“ทัง โรลชูว!” หยิง เสี่ยวเซียว หันกลับมาอย่างรวดเร็วและจ้องเธอด้วยความโกรธจัด “มันไม่ใช่ฉันที่ต้องการจะให้พวกเราแตกหักกัน แต่มันคือ ซอง อันยี ต่างหาก เธอพูดแบบนั้นออกมา”เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดจนลุกเป็นไฟของเธอ ทัง โรลชูว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “โอเค ฉันไม่โทษเธอหรอก ฉันแค่อยากให้พวกเราใจเย็นและหันมาคุยกัน เราไม่ควรจะทะเลาะกันกับแค่คำพูดที่พูดออกมาอย่างไม่ได้คิดพวกนั้น ถ้าทำแบบนั้นแม้มิตรภาพระหว่างเพื่อนตายก็แตกหักกันได้” หยิง เสี่ยวเซียว บ่นอุบอ