ทัง โรลชูว รู้สึกเศร้าในใจ เธอยกมือขึ้นแล้วลูบหลังเพื่อนเธอ และพูดเบา ๆ ว่า "อันยี แกไม่จำเป็นต้องขอโทษฉัน แม้ว่าฉันจะไม่สนับสนุนความสัมพันธ์นี้ ฉันรู้นะว่ามันไม่ถูกที่ฉันทำแบบนั้น แต่ฉันไม่อยากให้แกเจ็บ แต่...เมื่อเร็ว ๆ นี้ แกก็เศร้ามากพอแล้ว การมีความรักมันคงดีกว่าที่จะเธอต้องเอาแต่เศร้า มันไม่สำคัญว่าสุดท้ายจะเป็นยังไงเลย"“ชูวชูว...” ซอง อันยี กอดเธอแน่น น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้“ชูวชูว แกไม่รู้หรอก เป็นเพราะแก ฉันถึงได้กล้าที่จะมีความสัมพันธ์นี้”เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของเพื่อนเธอ ดวงตาของ ทัง โรลชูว ก็ชื้นขึ้น เธอลูบหลังเพื่อนและยิ้มออกมา “พอแล้ว แกโตแล้วนะ เดี๋ยวโมเฟยล้อแกนะ”เธอเงยหน้าขึ้นและมอง เซิน โมเฟย ที่ยืนด้านหลังของพวกเขา เขายิ้มให้เธออย่างซาบซึ้ง "ขอบคุณครับ พี่สะใภ้"ทัง โรลชูว เลิกคิ้วเรียว "ไม่ต้องขอบคุณฉัน ถ้านายทำอันยีร้องไห้ ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่"เซิน โมเฟย ยิ้ม “ผมรู้น่า พี่สะใภ้”ทัง โรลชูว ยิ้มแล้วผลัก ซอง อันยี ที่กอดเธอออกไป เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและส่ายหัว "อันยี แป้งหลุดหมดแล้วนะ"เมื่อเธอได้ยินสิ่ง
“ฮ่า!” หยิง เสี่ยวเซียว หัวเราะขัน “ชูวชูวนี่เธอเชื่อใจโมเฟยขนาดนั้นเชียวเหรอ? ถ้าเกิดเขาขึ้นว่ามันเป็นแค่เรื่องนิยายไร้สาระและไม่นานก็ทิ้งอันยีไป ถ้าเขาทอดทิ้งเธอ? เราจะทำยังไงล่ะ?”เธอไม่ได้เชื่อใจ เซิน โมเฟย และก็ไม่เชื่อว่าเขาจะขัดขืนคำสั่งคุณปู่ของเขาเพื่ออันยี ในฐานะที่เขาเป็นผู้สืบทอดของครอบครัวที่มีชื่อเสียง เขาทำได้แค่เพียงยอมฟังคำสั่งและไม่ต่อต้านใด ๆ”ทัง โรลชูว ยิ้มบาง ๆ “ฉันเชื่อใจโมเฟย”เมื่อเสียงพูดของเธอจางหายไป เธอหันไปจ้อง เซิน โมเฟย ที่ยังคงนั่งเงียบ “โมเฟย นายคือลูกพี่ลูกน้องคนเล็กของชินจิน ฉันรู้ดีว่าชินจินเป็นคนยังไง ดังนั้น ฉันจึงเชื่อมั่นว่านายจะเป็นเช่นเดียวกันกับเขา นายต้องดูแลอันยีให้ดี”ก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำออกมา “แน่นอน ว่าถ้าฉันเห็นว่ามันมีอะไรผิดพลาดไป ดังนั้น…” สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นอำมหิต “ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่”“พี่สะใภ้ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” โมเฟยให้คำสัญญากับเธอแต่ หยิง เสี่ยวเซียว ไม่ได้สนใจคำสัญญานั่น “เซิน โมเฟย ชูวชูวอาจจะมั่นใจในตัวนาย แต่ฉันไม่ และฉันก็ไม่ยินยอมที่นายจะรักกับอันยี ทั้งในอดีต ในตอนนี้ ไปจนถึงในอนาคตอีกด้วย”หยิง เสี่ยวเ
“ผมว่าท้ายที่สุด เสี่ยวเซียวจะต้องเข้าใจ” เซิน โมเฟย ตบหลังเธอเบา ๆ ก่อนจะเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้านอกบาหน้าต่าง ท่าทีของเขาเองก็เศร้าลงเล็กน้อย“เสี่ยวเซียวรอฉันก่อน ทัง โรลชูว รั้งตัว หยิง เสี่ยวเซียว ไว้ทันก่อนที่เธอจะเดินเข้าลิฟต์ไป หยิง เสี่ยวเซียว ถูกรั้งให้หยุดเดิน เธอพูดขึ้นโดยไม่ยอมหันหลังกลับมา “ถ้าเธอจะมาพูดแก้ตัวแทนอันยีแล้วล่ะก็ อย่าเสียเวลาเลย”พูดดังนั้นแล้ว เธอก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ ทัง โรลชูว จะดึงตัวเธออย่างรวดเร็วไว้อีกครั้งและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงท้อแท้ “เสี่ยวเซียว เธออยากจะให้พวกเราสามคนต้องแตกหักกันจริง ๆ เหรอ?”“ทัง โรลชูว!” หยิง เสี่ยวเซียว หันกลับมาอย่างรวดเร็วและจ้องเธอด้วยความโกรธจัด “มันไม่ใช่ฉันที่ต้องการจะให้พวกเราแตกหักกัน แต่มันคือ ซอง อันยี ต่างหาก เธอพูดแบบนั้นออกมา”เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดจนลุกเป็นไฟของเธอ ทัง โรลชูว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “โอเค ฉันไม่โทษเธอหรอก ฉันแค่อยากให้พวกเราใจเย็นและหันมาคุยกัน เราไม่ควรจะทะเลาะกันกับแค่คำพูดที่พูดออกมาอย่างไม่ได้คิดพวกนั้น ถ้าทำแบบนั้นแม้มิตรภาพระหว่างเพื่อนตายก็แตกหักกันได้” หยิง เสี่ยวเซียว บ่นอุบอ
เพื่อที่จะทำให้เสี่ยวเซียวและอันยีคืนดีกัน ทัง โรลชูว เตรียมอาหารจานพิเศษที่ทั้งคู่ชอบไว้ และเรียกให้ทั้งคู่มาพบเธอ ไม่มีปัญหาเรื่องใดที่จะแก้ไขด้วยอาหารไม่ได้ ถ้าจานเดียวยังไม่ได้ เธอก็ต้องทำสองจานซะเลยป้าวู เดินเข้ามาประตูห้องครัวและเจอเข้ากับร่างที่กำลังวุ่นอยู่ในครัว เธอยิ้มออกมาพร้อมกับถามขึ้น “นายหญิง คุณอยากให้ฉันช่วยอะไรไหมคะ?”“ไม่เป็นไรค่ะ ป้าวู ฉันทำเองได้” ทัง โรลชูว หันกลับไปส่งยิ้มให้เธอ ถ้าฉันลงมือทำเองมันจะมีความหมายมากกว่า”“ก็ได้ค่ะ เรียกฉันแล้วกันนะคะถ้าคุณต้องการให้ช่วย”ป้าวู เห็นท่าทียืนกรานมั่นเหมาะของเธอจึงไม่พูดอะไรอีก“ได้ค่ะ” ทัง โรลชูว รับปากก่อนจะก้มหน้าหั่นผักต่อเธอใช้เวลาเตรียมอาหารเหล่านี้กว่าสองชั่วโมง มองไปที่อาหารหน้าตาน่าทานมากมายบนโต๊ะอาหาร ทัง โรลชูว อดไม่ได้ที่จะภูมิใจในตัวเองเธอเงยหน้าขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่างห้องอาหาร ข้างนอกมืดแล้ว ไฟตามถนนที่สวนหลังบ้านถูกเปิดขึ้นเธอมองไปที่นาฬิกา พวกเขาคงจะมาถึงเร็ว ๆ นี้เธอจึงเดินออกไปด้านนอกและพบเข้ากับ ลู ชินจิน ทีเพิ่งกลับมาถึงบ้านเธอยิ้มสดใส “ชินจิน คุณกลับมาแล้ว”ชินจินพึมพำตอบรับ เข
ลู เซียวเหยา จ้องไปที่อาหารละลานตาที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาคิดว่ามันช่างเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเสียจริงทัง โรลชูว กรอกตาให้เขาอย่างไม่พอใจ “นายหมายความว่ายังไง? ฉันก็ประเสริฐแบบนี้มาตลอดแหละ”ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วขึ้น “อย่างนั้นหรอกเหรอ? ผมไม่เห็นจะรู้มาก่อนเลย?”“นายเป็นสามีฉันหรือยังไง?”คำพูดเหน็บแนมของ ทัง โรลชูว ทำให้ ลู เซียวเหยา เข้าใจได้ในทันที เขารีบหันกลับไปจ้องพี่ชายใหญ่ของเขา และพบว่าเขายังดูนิ่งเงียบและสุขุม เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าพี่ชายของเขารู้สึกยังไง ณ ตอนนี้ แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่อธิบายไม่ถูกแผ่ออกมาเขายิ้มอย่างประจบสอพลอออกมา “แน่นอนว่าพี่สะใภ้ เป็นศรีภรรยาที่แสนดีแสนประเสริฐของพี่ใหญ่ ผมในฐานะน้องชายของเขา ผมก็ทำได้แค่ขอติดหางเลขของเขาไปเท่านั้น”“ขี้คลาด!” หยิง เสี่ยวเซียว พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหยียดหยัน“ไร้ประโยชน์สิ้นดี” แม้แต่ เซิน โมเฟย ก็สบถออกมาจู่ ๆ ลู เซียวเหยา ก็เดือดดาลขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอทำหน้ามึนตึงใส่กัน ฉันก็คงไม่ต้องเสียสละตัวเองเป็นตัวตลกแบบนี้หรอก!”ทัง โรลชูว ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่เขา “เซียวเหยา ฉันร
“ฉัน…” หยิง เสี่ยวเซียว จ้องไปทาง ซอง อันยี ก่อนจะทำปากยื่น “ก็ได้ ฉันจะพยามให้ดีที่สุดที่จะพูดกับเธอ” ได้ยินเช่นนั้น ซอง อันยี ก็สบายใจขึ้น มุมปากของเธอหยักขึ้นเล็กน้อย ถ้าเธอพูดเช่นนั้น เธอก็คงจะไม่ได้โกรธมากแล้วทัง โรลชูว ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “ดีมาก อย่างนั้นก็ทานอาหารเย็นกันก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง”เธอหยิบเนื้อปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้นด้วยตะเกียบก่อนจะวางลงบนชามของ หยิง เสี่ยวเซียว “นี่ปลาทอดของโปรดของเธอ” ต่อจากนั้น เธอก็ตักอาหารให้กับ ซอง อันยี “อันยี นี่มันฝรั่งฝอยเปรี้ยวหวานที่เธอชอบ” ซอง อันยี ยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะ” ทัง โรลชูว ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “เธอไม่จำเป็นต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นหรอกน่า”ซอง อันยี ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกบรรยากาศในการทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นปรองดอง ต้องยกความดีความชอบให้กับ ลู ชินจิน ที่ยืนกรานว่า “ต้องไม่คุยกันระหว่างทานอาหาร” ดังนั้นทุกคนจึงทานกันไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมาลู เซียวเหยา ที่ปกติเป็นคนพูดมาก ต้องห้ามตัวเองเป็นอย่างมาก จนเขาคิดว่าตัวเองจะเกิดอาการบาดเจ็บภายในเข้าแล้วหลังจากทานอาหารเสร็จ ทุกคนมารวมตัวกันท
หลังจากที่ชายทั้งสามคนเดินออกจากห้องไป ทัง โรลชูว จึงพูดขึ้น “พวกเขาไปแล้ว เราก็มาเริ่มคุยกันเลยดีกว่า”ซอง อันยี หันหน้าไปมอง หยิง เสี่ยวเซียว เธอเม้มปากก็จะพูดขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวัง “เสี่ยวเซียว ฉันขอโทษนะฉันไม่ควรพูดแบบนั้นเลยเมื่อวันก่อน ฉันแค่ไม่อยากให้เธอและชูวชูว กังวลมากจนเกินไป นั่นทำให้ฉันพูดออกไปอย่างไม่ได้คิด” หยิง เสี่ยวเซียว โค้งหัวรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเห็นดังนั้น ซอง อันยี พุ่งสายตากลับไปที่ ทัง โรลชูว บอกไปนัย ๆ ว่าเธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นกำลังจะอ้าปากพูดแทนอันยี แต่ หยิง เสี่ยวเซียว กลับเงยหน้าขึ้นมาก่อนเธอมองไปที่ ซอง อันยี นิ่งคิดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นมาช้า ๆ “อันยี ที่ฉันโกรธเธอก็เพราะเธอไม่ให้เกียรติตัวเอง เธอก็รู้ดีนี่ว่า เซิน โมเฟย มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขา นั่นทำให้ฉันโกรธมาก”“เสี่ยวเซียว ฉัน…”ซอง อันยี อยากที่จะอธิบายเป็นอย่างมาก แต่ก็ถูกคำพูดที่ตามมาของ หยิง เสี่ยวเซียว ขัดขึ้น“อย่าบอกฉันนะว่าเป็นเพราะความรัก ความรักไม่ใช่ทุกสิ่ง เซิน โมเฟย อาจจะรักเธอตอนนี้ เขาอาจจะบอกเธอว่าเขาจะต่อสู้กับคุณป
ทัง โรลชูว มอบอำนาจการสืบทอด ทัง กรุ๊ป ให้กับ ลู ชินจิน บริหารแทน เนื่องจากด้วยความสามาถของเธอ เธอกลัวว่าเธอจะทำให้บริษัทพังพินาศเป็นแน่ ไม่ช้าก็เร็วเมื่อเธอบอก ลู ชินจิน ถึงการตัดสินใจของเธอ เขาเลิกคิ้วเรียวสูงเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น “คุณเชื่อใจผมขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?”“แน่นอนสิคะ คุณเป็นสามีของฉัน ถ้าไม่เชื่อใจคุณฉันจะไปเชื่อใจใครได้อีก” นั่นคือคำตอบของเธอที่ให้แก่เขาในตอนนั้น ที่จริงแล้วเธออยากจะตอบกลับว่า ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลลู กิจการขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลอย่างเขา จะมาใส่ใจอะไรกับบริษัทอุตสาหกรรมเล็ก ๆ อย่าง ทัง กรุ๊ป ที่แทบทำกำไรอะไรไม่ได้เลย? แน่นอนว่าเธอไม่พูด!ถึงแม้ในนามเธอจะเป็นประธานบริษัท ทัง กรุ๊ป แต่คนที่บริหารบริษัทจริง ๆ คือ ลู ชินจินดังนั้นเหล่าปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้ ทัง โรลชูว ปวดหัวก็ถูกแก้ไขไปได้หมดสิ้นและ ทัง โรลชูว ก็ยังคงกลับไปทำงานที่ข่าวบันเทิงไทม์ ด้วยตำแหน่งเล็ก ๆ อย่างรองผู้จัดการในแผนกสื่อมวลชนของเธอ ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่สูงแต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอสนใจจะทำดังนั้น เธอจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำงานหนักเพื่องานของเธออย่างเช่นวันนี้ ทัง โรลชูว โดนเรีย