ที่วังมังกรหลวง มีโคมไฟและแสงไฟระยิบระยับหลากสีประดับผนังด้านนอก ทำให้ดูสวยงามมาก เมื่อมองจากระยะไกลลู ชินจิน ขับรถของเขาตรงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน จากนั้นพวกเขาขึ้นลิฟต์สังเกตการณ์ไปยังร้านอาหารที่ชั้นบนสุดพวกเขาเดินช้า ๆ ไปตามทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีดำ จนกระทั่งร้านพวกเขาเห็นร้านอาหารในทันทีที่ ทัง โรลชูว เห็นร้านอาหารนี้เป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกความรู้สึกประหลาดใจไฟในห้องอาหารหลักสว่างไสวทำให้ร้านอาหารทั้งหมดดูตระการตาพนักงานเสิร์ฟสวย ๆ ยิ้มหวานต้อนรับพวกเขาและพาไปยังโต๊ะที่ ลู ชินจิน จองไว้ทัง โรลชูว นั่งลงและมองไปนอกหน้าต่าง บานหน้าต่างกว้างมาก ทำให้พวกเขาห็นทิวทัศน์ของ เมืองปักกิ่งที่คึกคัก สุดลูกหูลูกตา"สวยเกินไปแล้ว!" เธออ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขลู ชินจิน จ้องมองเธออย่างอ่อนโยนและยิ้มเล็กน้อย “ดีแล้วที่คุณชอบ”"ชอบค่ะ ชอบมากเลยด้วย" เธอดูมีความสุขมากจริง ๆ เพราะน้ำเสียงของเธอร่าเริงมากเมื่อเห็นเธอหลงใหลกับทิวทัศน์ยามค่ำคืน ลู ชินจิน ก็ยิ้ม จากนั้นเขาก็ก้มหน้าและดูเมนู หลังจากดูไปซักพักเขาก็เริ่
เพลงเปียโนไพเราะถูกบรรเลงอยู่ในห้องอาหาร บรรยากาศช่างโรแมนติกและอบอุ่นเป็นอย่างยิ่งลู ชินจิน มองเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ในดวงตา เขาถามเบา ๆ ว่า "คุณจะทำให้ผมมั่นใจได้ยังไง?""ขอมือหน่อยสิ" ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างมีเลศนัยลู ชินจิน เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปให้เธอทัง โรลชูว จับมือของเขาเปิดฝ่ามือของเขาและมองไปที่เขา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าและเขียนอะไรบางอย่างลงบนฝ่ามือของเขา"คุณคือทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุด"นี่คือสิ่งที่เธอเขียนความอ่อนโยนเอ่อล้นในดวงตาสีดำของ ลู ชินจิน ส่วนโค้งของปากของเขาก็ยิ่งเน้นมากขึ้น"คุณคิดว่ายังไง?" ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “ตอนนี้คุณรู้สึกมั่นใจแล้วรึยัง?”"มาก" ลู ชินจิน จับมือของเธอและถามเบา ๆ "คุณไปเรียนทำอะไรแบบนี้มาจากไหน?""อืม..." ทัง โรลชูว ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เพราะคุณไง ฉันจำมาจากคุณนั่นแหละ""เพราะผม" ลู ชินจิน พูดซ้ำคำพูดขอเธอ จากนั้นเขาก็ถาม "เป็นเพราะผมงั้นเหรอ""คุณคิดว่าไงล่ะ?" ทัง โรลชูว หรี่ตาลงอย่างซุกซน“งั้นผมจะบอกรักคุณให้มาก ๆ เลย ในอนาคตคุณจะได้บอกผมบ้าง” เขาพูดแบบติดตลกครึ่ง ๆ กล
แม้ว่าเขาจะไม่อยากยุ่ง แต่ ลู ชินจิน ก็ยังเต็มใจที่จะเล่นกับเธอ เพราะเธอดูมีความสุข "ทำไมล่ะ?""เพราะว่า..." ทัง โรลชูว จงใจให้เขาเดาและเริ่มหัวเราะเบา ๆ “ซอง มอ เป็นแฟนเก่าของเสี่ยวเซียว”ลู ชินจิน เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว"คุณประหลาดใจมากเลยไหม?" ทัง โรลชูว จิบน้ำเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะบ่น "ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ฉันไม่ได้คิดเลยว่าการนัดบอดของเธอจะเป็นแฟนเก่าของเธอ"ทัง โรลชูว พูดคุยเกี่ยวกับการนัดบอดของเสี่ยวเซียวในช่วงบ่าย เธอมีความสุขมากจนลืมที่จะเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ตอนกลางคืนลู ชินจิน มองดูเธออย่างเงียบ ๆ ดวงตาสีดำของเขาลึกเหมือนทะเลสาบ เขามีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่ที่มุมริมฝีปากของเขานอกหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสข้างนอกเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีดวงดาวกระจัดกระจาย มันช่วยเติมเต็มทะเลแห่งแสงไฟในเมืองปักกิ่งยามค่ำคืน ช่างเป็นฉากที่สวยงามเป็นเวลาสี่ทุ่มเมื่อพวกเขากลับจากมังกรหลวงวิว หลังจากอาบน้ำแล้ว ทัง โรลชูว ก็นอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน และไม่นานนักเธอก็หลับไปลู ชินจิน เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาสังเกตเห็นว่าเธอหลับไปแล้วบนเตียงเขาเขย่งตัวและยืนอ
ไฟแสดงสถานะห้องผ่าตัดยังคงเปิดอยู่ พยาบาลบอกว่าแพทย์ได้ให้การรักษาเขาทันทีหลังจากพบว่าอาการแย่ลงของเขา แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นพวกเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทัง โรลชูว เฝ้าดูประตูที่ปิดอยู่ พ่อของเธอได้รับการรักษาภายในห้องนั้นและเขาสามารถจากเธอไปได้ทุกเมื่อหัวใจของเธอดูเหมือนถูกบีบไว้แน่นด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น มันเจ็บมากจนเธอแทบหายใจไม่ออกเธอกลัวนะ กลัวจริง ๆ เธอกลัวพ่อของเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจมูกของเธอรู้สึกแสบและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่เธอกระพริบตาน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเธอ“พ่อของคุณจะต้องไม่เป็นไร เชื่อผมสิ” ลู ชินจิน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและลูบหลังเธอเบา ๆทัง โรลชูว ซบที่หน้าอกของเขา มือของเธอกำปกคอเสื้อของเขาแน่น เธอกัดริมฝีปากตัวเองใว้เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ตราบใดที่แพทย์ยังคงช่วยเขาอยู่ เธอก็ยังมีความหวังดวงตาสีดำของ ลู ชินจิน หรี่ลงเล็กน้อยและสายตาที่ลึกซึ้งของเขาก็จ้องมองไปที่ประตู เสียงกังวลของหัวหน้าผู้ป่วยดังขึ้นอีกครั้งในหูของเขา"คุณทัง เมื่อพยาบาลเวรกำลังทำหน้าที่ของเธอ เธอพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจของคุณพ่อของ
ลู ชินจิน ยื่นมืออกไปประคองใบหน้าของเธอ เขาใช้อุ้งมือวนไล้แก้มของเธออย่างแผ่วเบา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ถ้าทำได้เขาอยากจะเก็บความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอไว้ตลอดไป เขาคงจะไม่ยอมให้เธอได้รับรู้แผนการอันสกปรกชั่วช้านี้ ทัง โรลชูว ยกมือขึ้นมากุมมือเขาไว้อีกที จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เธอมองเห็นใบหน้าที่ประชดประชันของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาดำขลับของเขา “ฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น ฉันแค่ปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนนั้นแย่”แต่ความจริงก็ปรากฏให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามนุษย์นั่นชั่วช้ากว่าที่คิดจริง ๆลู ชินจิน หันหน้าไปมองที่ห้องผ่าตัด ค่อย ๆ เปิดปากขึ้นพูด “ชูวชูว ไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์ได้อีกแล้ว”เสียงทุ้มต่ำของเขาที่พูดออกมานั้นเป็นไปอย่างใจเย็นราบเรียบ ราวกับว่าเขาได้พบเจออะไรมามากมายเหลือเกินในชีวิตไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์เมื่อเธอได้ยินคำเหล่านั้น ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนแถบจะสังเกตไม่เห็น เธอจ้องไปยังร่างโปร่งที่แสนเย็นชาของเขาอย่างตั้งใจ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่พุ่งพล่านขึ้นมา เขาผ่านเหตุการณ์อะไรในครอบครัวของเขามานะ ถึงทำให้เขาพูดแบบนั้นออก
เช้าวันถัดมา มู หลิง ตื่นแต่เช้าตรู่เนื่องจากถูกเจ้านายของเขาโทรตามหลายสายเมื่อเขากดรับสาย เสียงเย็น ไม่สนใจใยดีผู้ใดดังเข้ามาในกระทบหูเขา“มู หลิง มาที่โรงพยาบาลของเมืองเดี๋ยวนี้ ภายใน 10 นาทีเลยนะ!”ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรสักคำ เจ้านายของเขาก็วางสายไปยังคงถือโทรศัพท์ในมือของเขา มู หลิง งุนงง “นี่ผู้บริหารเขาต้องการอะไรกันนะ?”“บอกให้ฉันรีบไปที่โรงพยาบาลภายใน 10 นาทีเนี่ยนะ?!”“นี่เขาคิดว่าฉันขับเครื่องบินไปหรือไงกัน?!”ถึงแม้เขาจะรู้สึกสับสนและงุนงง เขาก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัวทันทีไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องฟังเจ้านายของเขาบ่นยาวมู หลิง รีบบึ่งรถไปประหนึ่งเครื่องบิน โชคดีที่การจราจรไม่หนาแน่นเช้านี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถรีบเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วยสองสามวินาทีก่อนที่จะครบกำหนด 10 นาทีตามที่เจ้านายเขาบอกไว้ได้เป็นแน่เมื่อเห็นเขา ชินจินก้มลงดูนาฬิกาก่อนจะพูดขึ้น “มาทันพอดีเลยนะ” มู หลิง พูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะจับเวลาตามที่พูดไว้จริง ๆ ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะว่างเกินไปแล้วนะ!หลังจากที่คร่ำครวญอยู่ภายในใจ มู หลิง เดินเข้าไปแล้วถามขึ้นด้วยความสำรวม “ท่านครับ ทำ
“ใครงั้นเหรอ?” ลู เซียวเหยา ถามขึ้นอย่างสงสัย“ใครบางคนที่นายรู้จัก” ทัง โรลชูว ไม่ได้บอกเขาไปตรง ๆ แต่ปล่อยให้เขาเดาเอง“คนที่ผมรู้จัก? ใครบางคนที่จะทำร้ายพ่อของพี่สะใภ้ของผมเนี่ยนะ?”แล้วเขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมาได้ เขาถามอย่างสงสัย “เป็น กู โรลโรล งั้นเหรอ?”ทัง โรลชูว เลิกคิ้ว “เกือบถูก”ลู เซียวเหยา เข้าใจในทันทีเมื่อเธอตอบกลับมาเช่นนั้น เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ “เซา เสี่ยวหวัน แม่ของ กู โรลโรล สินะ”“นายก็ฉลาดเหมือนกันนะ เซียวเหยา” ทัง โรลชูว ยิ้มพลางพูดล้อเขา“แน่นอนอยู่แล้ว” ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วขึ้นอย่างภูมิใจก่อนจะพูดต่อ “นี่ เซา เสี่ยวหวัน เป็นบ้าไปแล้วงั้นเหรอ เธอพยายามจะฆ่าสามีตัวเองได้ยังไงกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบ้า มโนธรรมของเธอคงถูกสุนัขกลืนกินไปหมดแล้ว”ประโยคที่เขาพูดออกมาฟังดูแปร่ง ๆ เขาจึงแก้ใหม่อีกครั้ง “ไม่สิ แม้แต่หมาก็ไม่อยากจะกินมโนธรรมอันแสนสกปรกของเธอ”“ฉันคิดว่าเธอต้องเสียสติด้วยแน่ ๆ” ทัง โรลชูว กระตุกยิ้ม แววตาของเธอเย็นชา “เธอควรจะเสียสติไปซะไม่อย่างนั้นฉันนี่แหละจะทำให้เธอเป็นเอง”“ท่าทีเอาเรื่องเชียว พี่สะใภ้” ลู เซียวเหยา มองไปที่เธออย่างประหลาด
เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนมองมาที่เขาอย่างพูดไม่ออก ลู ชินจิน กระแอมขึ้นเบา ๆ ก่อนจะหันไปมอง มู หลิง พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “วิดีโอได้หรือยัง?”มู หลิง นิ่งงันไปสักพักก่อนจะกดปุ่มสองสามปุ่มแล้วหันหน้าจอไปทางพวกเขา “นี่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อคืนนี้”ทัง โรลชูว และ ลู เซียวเหยา รีบเดินมาดูที่หน้าจอ พวกเขาจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตาไม่กระพริบ เพราะกลัวว่าจะพลาดจุดสำคัญในช่วงแรกของวิดีโอนั้นเงียบมาก พวกเขาได้ยินแค่เสียงทำงานของเครื่องช่วยหายใจหลังจากนั้นไม่กี่นาที ใครบางคนก็ผลักประตูเข้ามาดูจากรูปร่างและการแต่งกาย ทัง โรลชูว สามารถบอกได้ทันทีว่านั่นคือ เซา เสี่ยวหวัน พวกเขาเห็นเธอเดินช้า ๆ มาที่เตียง ก่อนที่จะได้ยินเสียงของ เซา เสี่ยวหวัน ดังขึ้นมาจากวิดีโอ“ตาเฒ่าทัง ฉันติดตามคุณมามากกว่า 20 ปี และฉันก็จริงใจกับคุณมาตลอดด้วยหัวใจของฉัน ให้ความสำคัญกับตระกูลทังมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นได้ คุณเองก็ได้ทำงานของคุณอย่างเต็มที่ แต่ความทุ่มเททั้งหมดของฉันกับถูกหักหลังด้วยความไม่ใส่ใจของคุณ”“ถ้าคุณมอบหุ้น 20% นั้นให้กับ โรลโรล อย่างที่คุณเคยสัญญาไว้ เรื่องทั้งหมดก็คงไม่ต้องเกิดขึ้น คุ