“เร็ว ๆ นี้? นายแน่ใจเหรอ?” ทัง โรลชูว ไม่เชื่อว่าตำรวจจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้ ลู เซียวเหยา กำลังจะธิบายให้เธอฟัง เธอก็ขัดเขาขึ้นมา “เรียกบอดี้การ์ดของนายเข้ามาแล้วให้พวกเขาเฝ้าทั้งสองคนไว้ ส่วนเรากลับบ้านกัน”ลู เซียวเหยา พูดไม่ออกตาเบิกกว้าง กู โรลโรล มองชายร่างกำยำสองคนที่เดินเข้ามา จ้องมาที่เขาผ่านแว่นกันแดดเขามีบอดี้การ์ดส่วนตัวงั้นเหรอ!กู โรลโรล ยิ่งเคลือบแคลงใจกับตัวตนที่เป็นปริศนาของ ลู เซียวเหยา“โรลโรล เราจะทำยังไงกันดี?”“แม่คะ อย่าเพิ่งตกอกตกใจไป ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” กู โรลโรล ปลอบเธอก่อนจะจ้องไปที่ชายร่างบึกสองคนนั้นเธอรู้ดีว่าแม่ของเธอจะต้องโดนจับอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องยอมรับมันดังนั้นเธอจึงจับมือของ เซา เสี่ยวหวาน ก่อนจะธิบายให้เธอฟัง “แม่คะ ในเมื่อ ทัง โรลชูว เรียกตำรวจมาแล้ว แม่ก็คงจะหนีไปไหนไม่ได้ในตอนนี้…”ได้ยินเช่นนั้น เซา เสี่ยวหวัน ก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา “แล้วแม่จะทำยังไงดีล่ะ?” เมื่อเห็นว่าเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว กู โรลโรล ดึงมือของเธอก็จะพูดขึ้นว่า “แม่คะ ช่วยสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะนะ” “ฉันจะสงบสติอารมณ์ได้ยังไงกัน?” เซา เสี่ยวหวัน ปัดม
เขาตั้งใจที่จะปฏิเสธคำสั่งของเธอที่จะให้บอดีการ์ดของเขาคอยจับตาดู เซา เสี่ยวหวันเหตุผลของเขาก็คือ บอดี้การ์ดของเขาจะไม่เต็มใจทำเธอรู้สึกแปลกใจที่ได้ยินเหตุผลนั้น ในฐานะบอดี้การ์ดของเขา พวกเขาก็ควรจะเชื่อฟังคำสั่งไม่ใช่เหรอ? เมื่อเธอไม่เชื่อเขา ลู เซียวเหยา เรียกบอดี้การ์ดทั้งสองเข้ามาและสั่งให้พวกเขามายืนต่อหน้าเธอบอดี้การ์ดทั้งสองยิ้มเหยาะขึ้นมาพร้อมกัน หนึ่งในสองปฏิเสธคำสั่ง ลู เซียวเหยา “นายน้อย นายใหญ่ส่งให้พวกเรามาปกป้องคุณ ไม่ใช่ไปทำงานที่แสนน่าเบื่อนั่น”ทัง โรลชูว ถึงตกตะลึง! เขาไม่อยากจะเชื่อว่าบอดี้การ์ดของเขาจะ...โอหังขนาดนี้ลู เซียวเหยา ผายมือออกแสดงให้เห็นว่าเขาพยายามเต็มที่แล้วอย่างไรก็ตาม เธอก็ค้นพบวิธีที่จะแก้ปัญหานี้เธอเดินตรงไปที่บอดี้การ์ดทั้งสองคน ใบหน้าเล็กของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอถามขึ้นอย่างใสซื่อ “พี่ใหญ่ทั้งสอง พวกคุณกลัวนายใหญ่ลู หรือ นายน้อยลู มากกว่ากันงั้นเหรอ?”บอดี้การ์ดทั้งสองหันไปมองหน้ากันและตอบขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “นายน้อยลู”ในเมื่อพวกเขาต่างกลัวชินจิน ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายทัง โรลชูว ถามขึ้นอย่างใส่ซื่ออีกครั้ง “พี
“แม่ของฉันรักการวาดภาพ ฉันได้ยินมาว่าคุณยายของฉันปลูกฝังความรักในงานศิลปะให้กับเธอตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นเธอก็เลยมีพรสวรรค์ในการวาด”เมื่อเห็นว่าเขาคอยแต่จะหันหลังกลับไปมองภาพวาดที่เบาะด้านหลัง ทัง โรลชูว จึงพูดเรื่องแม่ของเธอให้ฟังขึ้นมาอย่างเต็มใจ“ภาพวาดนั้นสวยมาก” ลู เซียวเหยา พูดขึ้น ชื่นชมเธอด้วยใจจริง“ใช่มันสวยมาก แต่ภาพนี้ก็เป็นภาพสุดท้ายที่เหลืออยู่” พูดมาถึงช่วงนี้ ทัง โรลชูว ก็รู้สึกเสียใจ“ทำไมล่ะ?” ลู เซียวเหยา รู้สึกสงสัย ในเมื่อแม่ของเธอรักการวาดภาพ ก็ควรจะมีงานศิลปะของเธออย่างนับไม่ถ้วน“มันถูกเผาไปหมด” ทัง โรลชูว ตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ๆ “แม่ของฉันเปราะบางและอ่อนแอมากในตอนนั้นเธอคงรู้ว่าเธอกำลังจะตายแล้ว เธอต้องการที่จะเผาภาพเหล่านั้นเพื่อที่เธอจะสามารถนำขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับเธอได้”ลู เซียวเหยา ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ช่างเป็นคนที่มีความเด็ดเดี่ยวเสียจริง”ทัง โรลชูว ยิ้มแต่ไม่ได้พูดเรื่องนั้นต่อเธอหันหลังกลับไปมองที่ภาพวาดก่อนจะปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเธออายุเพียงแค่ห้าขวบในตอนนั้น เมื่อแม่ของเธอวาดภาพนี้แม่กอดเธอและยกเธอขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะลงมือวาดภาพ
ด้วยความที่ภายในรถเงียบ และ ทัง โรลชูว ก็อยู่ใกล้โทรศัพท์เธอจึงได้ยินเสียงหงุดหงิดของ เสี่ยวเซียวลอดผ่านออกมาทัง โรลชูว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ที่ได้ยินเสียงเสี่ยวเซียวตัดพ้ออย่างกระมิดกระเมี้ยนแทน เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของ ทัง โรลชูว, ลู เซียวเหยา ก็รู้สึกอายขึ้นมา เขารีบพูดกับหญิงสาวที่ปลายสาย “ผมขับรถอยู่ คุณมีธุระสำคัญอะไรงั้นเหรอ? ถ้าไม่มีผมจะวางสายแล้วนะ”“ลู เซียวเหยา อย่าคิดที่จะวางสายฉันเชียวนะ!”เสียงคำรามของ หยิง เสี่ยวเซียว ทะลุผ่านแก้วหูของ ลู เซียวเหยา แทบจะทำให้แก้วหูเขาทะลุเขารีบดึงโทรศัพท์ออกจากหู และในตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่าพี่สะใภ้ของเขากำลังขำอยู่ลู เซียวเหยา พูดไม่ออกสถานการ์ณเริ่มอึดอัดเมื่อเป็นเช่นนั้น ลู เซียวเหยา จึงกระแอมออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงนิ่ง “ผมจะไม่วางสาย บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”ปลายสายเงียบไปสักครู่หนึ่ง เสียงของ หยิง เสี่ยวเซียว ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะเลี้ยงมื้อกลางวันนาย มารับฉันที่บ้านหลังจากนายเสร็จธุระ”“ทำไมล่ะ?” ลู เซียวเหยา รู้ดีว่าต้อง มีอะไรผิดปกติแน่ ๆ เธอจึงอยากเลี้ยงข้าวเขา“ไม่มีอะไรหรอกฉันก็แค่อยากจะเล
เมื่อเห็นว่าเธอยอมรับความผิด พ่อของเธอก็ลดเสียงให้อ่อนโยนลง ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าเขายังคงโกรธ“เสี่ยวเซียว พ่อรู้ว่าแกไม่อยากไปนัดบอดแต่ถึงกระนั้นแกก็ไม่ควรจะคว้าเอาชายแปลกหน้ามาอ้างว่าเป็นแฟนแก ซอง โม บอกเรื่องนี้กับพ่อวันนี้ พ่อรู้สึกละอายใจมาก!”“พ่อก็แค่โกรธเพราะตัวเองเสียหน้าเท่านั้นแหละ”เสี่ยวเซียวบ่นพึมพำในใจ อย่างไรก็ตามที่ยังไม่กล้าจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป ด้วยความกลัวว่าจะถูกพ่อดุขึ้นมาอีกเธอก้มหน้าต่ำลงและยังคงนิ่งเงียบ เป็นท่าทีของคนที่ยอมรับผิดพ่อของเธอใจอ่อนยวบก่อนจะถอนหายใจออกมา “ซอง โม เป็นเด็กฉลาดและว่านอนสอนง่ายมาตลอด เขาโดดเด่นมาก และแกก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาก็ควรจะเข้ากันได้ดีสิ ทำไมถึงไม่ชอบเขาล่ะ?”“พ่อ...” เสี่ยวเซียว เหนื่อยน่ะขึ้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ถึงแม้ว่าเขาจะโดดเด่นกว่าคนอื่นก็จริง แต่หนูก็ไม่รู้สึกชอบเขาเลยสักนิด หนูไม่ได้ชอบเขาเลยจริง ๆ” “ลูกรักการแต่งงานมันไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้นหรอกนะที่มากกว่านั้นก็คือการมีความสัมพันธ์ที่ดี และสถานะทางครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน“ พ่อของเธอให้คำแนะนำที่จริงใจแก่เธอแต่เธอกลับไม่เห็นด้
“เหมือนกันกับฉัน?”ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่นั่นเพื่อถามเกี่ยวกับการส่งตัวพ่อเธอไปที่สหรัฐอเมริกาเหมือนกันดังนั้น ทัง โรลชูว จึงถามออกไปตรง ๆ “คุณหมอว่าอย่างไรบ้างคะ?”“เขาไม่แนะนำนะ” เพียงแค่คำพูดง่าย ๆ สามารถอธิบายทุกอย่างได้ชัดเจน“ทำไมล่ะคะ?” ทัง โรลชูว ถามขึ้นด้วยความกระวนกระวาย“เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ร่างกายของพ่อคุณอ่อนแอยิ่งกว่าแต่ก่อน เรากังวลว่าการเดินทางไกลจะกระทบต่อสุขภาพของพ่อคุณ”ได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกัน คุณหมอจึงออกมาตอบคำถามของ ทัง โรลชูว แทน ลู ชินจิน “แต่ถึงกระนั้น พ่อของฉันก็จะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาถ้าเราไม่ส่งเขาไปที่สหรัฐอเมริกา” ทัง โรลชูว ขึ้นเสียง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ชูวชูว” ลู ชินจิน กอดไหล่เธอไว้อย่างปลอบโยนทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึก “แล้วเรื่องของพ่อฉัน คุณหมอ? คุณมีหนทางรักษาอย่างไรก็บ้าง?”“เราจะทำการรวบรวมตัวเหล่าคุณหมอเฉพาะทาง เพื่อปรึกษาถึงหนทางการรักษาท่านผู้อาวุโสทังแน่นอน”ถึงแม้เขาจะสัญญาเช่นนั้น ก็ยังไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าพ่อของเธอจะได้รับการรักษาอย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม ถ้าอาการของพ่อเธอแย่ลงระหว่างทางบินไปสหรัฐอ
ตามที่ผู้หญิงร้องขอ ลู เซียวเหยา ขับรถไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองขณะอยู่บนรถ เขาถามเธอว่าเธออยากกินอะไร เธอตอบอย่างกระตือรือร้นด้วยคำเดียวว่าหม้อไฟพวกเขามาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เพราะหม้อไฟเนี่ยแหละ เนื่องจากเธอบอกว่ามีร้านอาหารหม้อไฟแท้ ๆ สูตรดั้งเดิมและอร่อยสุด ๆหลังจากลงจากรถแล้ว หยิง เสี่ยวเซียว และ ลู เซียวเหยา เดินตรงไปที่ชั้นสี่และเดินเข้าไปในร้านอาหารหม้อไฟ ที่ดูค่อนข้างโบราณน่าดู บริกรที่เป็นมิตรเดินเข้ามาหาพวกเขาทันทีและพูดว่า "ยินดีต้อนรับครับ! โต๊ะสำหรับสองคนใช่ไหมครับ?""ใช่ค่ะ" หยิง เสี่ยวเซียว มองไปรอบ ๆ ร้านอาหาร มีคนไม่กี่คน เธอบอกว่า "เราอยากนั่งตรงมุมห้อง""ได้สิครับ เชิญตามสบายครับ"บริกรพาพวกเขาไปที่โต๊ะตรงหัวมุมและพูดว่า "เชิญนั่งได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเอาเมนูมาให้คุณ"ลู เซียวเหยา เหลือบมองบริกรก่อนนั่งลง“คุณมาที่นี่บ่อยไหม?”เขามองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของ หยิง เสี่ยวเซียว ตรงข้ามเขาและเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “ฉันเคยมาที่นี่บ่อย ๆ กับชูวชูว และคนอื่น ๆ” เธอตอบขณะหันกลับไปดูการตกแต่งที่ร้านอาหาร มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง
และเธอก็ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เธอดูปกติมาก ยกเว้นบลัชออนที่แก้มที่แดงแจ๋ดต่อมรับรสของเธอ ยังทำงานผิดปกติใช่ไหมหรือว่าพวกเขาไม่ได้กินหม้อไฟหม้อเดียวกัน ลู เซียวเหยา นึกไม่ออกว่าใครจะทนอาหารรสเผ็ดได้ขนาดนี้ได้ เธอต้องไม่ธรรมดา!หยิง เสี่ยวเซียว กำลังเป่าอาหารของเธอ เธอยังคงโยนอาหารลงไปในหม้อไฟ และหยิบมันออกมาใส่เข้าไปในปากของเธอถึงแม้ว่ามันร้อนมากจนทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย เธอก็ยังคงกินต่อไปลู เซียวเหยา ทนกินต่อไม่ได้อีกแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอ ขณะที่เธอถือกระชอน "ถ้ายังกินแบบนี้ ระวังท้องอืดนะ"หยิง เสี่ยวเซียว เงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นที่เขาขมวดคิ้วราวกับว่าเขาเป็นห่วงเธอเธอเลียริมฝีปากที่ชาของเธอแล้วพูดติดตลกว่า “ถ้าอยากให้ฉันหยุดกินของอร่อยนี่ ก็ตกลงเป็นแฟนกับฉันสิ”"ฮะ?" ลู เซียวเหยา ตกตะลึง ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลยในที่สุด หยิง เสี่ยวเซียว ก็วางตะเกียบลงและเช็ดปากก่อนจะพูดว่า “อันที่จริง วันนี้ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นนาย เพราะฉันต้องการให้นายช่วยอะไรสักหน่อย”เขาเพิ่งรู้ว่าเธอจะไม่มีวันใจดีกับเขาขนาดนั้น เว้นแต่เธอจะต้องการอะไรจากเขาลู เซียวเหยา หัวเราะออกมา