“ลู เซียวเหยามาร่วมงานเหมือนกันสินะ”เมื่อได้ยินเสียง ทั้งชายหนุ่มและเด็กสาวข้างตัวก็หมุนหันกลับไปมองเจ้าของเสียงทันควัน ก่อนจะเห็น หยิง เสี่ยวเซียวยืนส่งยิ้มให้อยู่ก่อนแล้วคืนนี้ หยิง เสี่ยวเซียวอยู่ในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนตัวยาวสวยที่โชว์สัดส่วนได้รูป และส่วนเว้าส่วนโค้งที่เพอร์เฟคของเธอ ใบหน้าเล็กที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์อย่างประณีตบรรจง เช่นเดียวกับริมฝีปากสวยสีแดงฉ่ำที่กำลังยกยิ้ม และแปลกตาวิบวับที่เสริมให้ดวงตากลมดูเปล่งประกายขึ้นอีก ล้วนแล้วแต่ขลับให้หญิงสาวดูงดงามลู เซียวเหยาถึงกับอึ้งไปพัก เขารู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนสวย แต่คืนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะสวยกว่าปกติเสียอีก“เสี่ยวเซียว!” เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างเซียวเหยาร้องเรียกทำให้เสี่ยวเซียวสังเกตเห็นร่างที่นั่งอยู่ข้างชายหนุ่มนัยน์ตาสวยมองอย่างสำรวจ ก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ พร้อมสาวเท้าเข้าไปหาคนทั้งคู่ “ซู ซินเล่ยเหรอ?”“ใช่แล้ว ฉันเอง” เด็กสาวผู้มีนามว่า ซู ซินเล่ยเอ่ยตอบและยิ้มกว้างให้กับอีกคน “เสี่ยวเซียว ไม่นึกเลยว่าเธอก็มางานนี้ด้วย”‘แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แถมยังนั่งข้าง ลู เซียวเหยาอีก? หรือว่าเธอจะเป็น…’ได้
หัวกลม ๆ กันกลับไปมองทางเสี่ยวเหยียนอีกครั้ง ทว่าไร้ซึ่งเงาของหญิงสาวแล้วสัญชาตญาณของผู้หญิงในตัวเธอบอกว่าเสี่ยวเซียวชอบพี่เซียวเหยา และเธอก็สงสัยว่าพี่เซียวเหยาชอบเสี่ยวเซียวบ้างหรือเปล่า?ตัวเธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน…“มู หลิงเตรียมบทพูดไว้ให้ฉันด้วย”ลู ชินจิน หันมาออกคำสั่งเลขาให้เตรียมสคริปต์กล่าวในงานให้ตน“เข้าใจแล้วครับ”โดยปกติแล้ว มูหลิงก็จะเป็นคนเตรียมบทพูดไว้ให้อยู่แล้ว แม้ว่าเจ้านายจะไม่ได้สั่ง แต่ตัวเขานั้นเข้าใจนิสัยของซีอีโอของตนดี และก็รู้ด้วยว่าผู้เป็นนายไม่ชอบเผยตัวออกสู่สายตาประชาชนมากนัก“หลังจากนั้นค่อยไปตามชูวชูวมาหาฉันที่นี่” คำสั่งที่สองของผู้เป็นนาย“ได้เลยครับ” คุณผู้ช่วยตอบรับ ก่อนจะหันเดินขึ้นเวทีไปถึงเวลาที่งานเลี้ยงจะเริ่มบนเวทีเต็มไปด้วยการแสดงร้องเล่นเต้นรำ เมื่อการแสดงจบลง ก็ถึงเวลาของพิธีการต่อไปตัวแทนสำคัญของเมืองเป่ยหนิงเริ่มขึ้นไปกล่าวเปิดพิธี หลังจากนั้นก็เป็นตัวแทนจากธันเดอร์โบลท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป สื่อมวลชนหลากหลายกลุ่มต่างพากันเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อเก็บภาพทุกช่วงเวลา เมื่อคิดว่าประธานบริษัทอย่าง ลู ชินจินจะเป็นคนขึ
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งการแสดงจากเซเลบคนดัง กิจกรรมโปรเจ็คต่าง ๆ ที่ทางเจ้าภาพงานการกุศลออกแนวคิดไว้ และได้รับการสนับสนุนจากคนดังไฮโซมากมาย ก็ได้ประกาศรายละเอียดออกมาและพอเห็นการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากคนในงาน โรลชูวก็ดีใจอย่างมาก ไม่ว่าพวกเขาจะทำด้วยความจริงใจหรือทำเพื่อเอาหน้า แต่มันก็เป็นผลดีต่อคนที่ได้รับบรรยากาศในงานล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี แม้แต่หญิงสาวเองยังไม่อยากพลาดการแสดงเลยสักโชว์เดียว ดังนั้นเธอจึงรอให้งานจบก่อน ถึงค่อยขอตัวออกไปเมื่องานเลี้ยงเลิกรา ก่อนที่ทีมงานจะแยกย้าย โรลชูวก็หันไปบอกเสี่ยวซูให้เอาวีดีโอและภาพถ่ายทั้งหมดกลับไปบริษัท และเตรียมร่างหัวข้อข่าวไว้พลาง ๆ ไม่นานเธอจะตามไปช่วยทำด้วยหลังจากนั้นค่อยโทรหาคุณเลขา เพื่อให้เขาพาเธอไปพบกับชินจินมู หลิงบอกโรลชูวให้ขึ้นไปหาลู ชินจิน ที่ห้องวีไอพีบนขั้นสามทว่าพอจะเปิดประตูเข้าไป กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังเล็ดลอดออกมาเสียก่อนคิ้วเรียวขมวดแน่น พลางคิดว่าหากชายหนุ่มกำลังคุยเรื่องธุรกิจกับแขกอยุ่ด้านใน เธอก็ไม่ควรเข้าไปรบกวนเวลาของเขา มือบางผละออกจากประตู พร้อมเขยิบตัวไปยืนอยู่ด้านข้างเพื่อให้ธุระข้างในเสร็จสิ้นก่อนช
…“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”เมื่อเฉินตงหายลับไปจากสายตา โรลชูวก็เอ่ยถามทันควันคนคนนั้นไม่ใช่แค่มาเพื่อทำธุระเพียงอย่างเดียว แต่ยังแสดงออกถึงการเคารพให้เกียรติชินจินอีกด้วย“ตาแก่ส่งเขามาเพื่อพา ลู เฉินซี กลับไป” คิ้วหนาขมวดพันกันเป็นปม พร้อมบรรยายที่ตึงเครียด มือหนากระชับแรงที่หัวไหล่บางมากขึ้นจนร่างเล็กรู้สึกได้ นัยน์ตากลมมองไปยังมือที่หัวไหล่ตนแล้วเม้มปากคิด “คุณไม่ชอบ เฉินตงใช่ไหม?”“แล้วทำไมผมถึงต้องชอบหมอนั่น” เสียงเข้มโต้กลับพลางพูดต่อ “เขาไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่เห็นหรอกนะ” โรลชูวแย้งตอบ “แต่เขาดูต่างจากเฉินซีมากเลยนะ”คนหนึ่งดูขรึมนิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ แต่อีกคนกลับเที่ยวเล่นไปทั่วไม่สนโลก สองคนนั้นมีบุคลิกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง“อืม” ลู ชินจินตอบอืมกลับไปเบา เชิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเรื่องสองพี่น้องนั่นอีก เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน “กลับบ้านกันเถอะ”“กลับบ้านเหรอ?” หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันต้องกลับไปทำงานนอกเวลาที่บริษัทต่ออีก”ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ทว่าไม่ได้เอ่ยแย้งขัด มือหนาปลดจากไหล่บางขึ้นไปลูบกลุ่มผมนิ่มเบา ๆ “โอเค งั้นเดี๋ยวผมขับไปส่งคุณที่บริษัทเอง”“ได้เลย”
เมื่อจบงานเลี้ยงการกุศล บรรดาแขกเซเลบไฮโซต่างพากันขึ้นรถแยกย้ายกลับกันไปหมดทว่า เฉิน เฉียนไม่ได้เร่งรีบอะไร หากแต่หันซ้ายหันขวามองหาคนคุ้นเคยเห็นอย่างนั้น ผู้จัดการของดาราสาวก็ก้าวเข้ามาดึงมือของเธอเชิงเร่งบอก “ทำไมยังยืนอยู่นี่อีก? รีบกลับกันได้แล้ว”หญิงสาวพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่ชิง พี่เจอพี่ชายเหยียนบ้างไหมคะ?”“หมายถึงเหยียบซูเหรอ?” ผู้จัดการชะงักไปนิด พลันส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่นะ ทำไมเหรอ? มีเรื่องด่วนหรือเปล่า?”“อืม” ใบหน้าสวยพยักตอบ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาชายหนุ่มอีกครั้งการกระทำนั่นสร้างความรำคาญใจให้กับคนมอง ผู้จัดการชิงเอื้อมมือไปดึงข้อมือดาราสาวอีกครั้ง พร้อมกระชากบังคับให้เดินออกมา “หาอะไร เหยียนซูเหรอ? ฉันไม่ทีเวลามารอเธอตามหาคนหรอกนะ”“นอกจากนี้…” ชิงกัดฟันพูด “อย่าคิดว่าเธอสนิทกับเหยียนซูเพียงเพราะแสดงละครเรื่องเดียวกันกับเขา ถ้าพวกสื่อจับภาพได้ พวกแฟน ๆ ของเขาจะโจมตีเธอว่าเกาะกระแสเขาเอาหน้าได้”“ไม่เป็นไรแบบนั้นหรอกหน่า พี่ชิง”ความคิดตื้น ๆ ของดาราสาวทำให้ผู้จัดการขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก ต้องยอมรับว่า เฉิน เฉียนนั้นดูอ่อนเยาว์และสวยมีเสน่ห์ แต่
พอถามออกไปแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตา มือไม้พันกันวุ่นอย่างเขินอายพลันบรรยากาศรอบตัวก็ดูนิ่งสงบ ทว่านุ่มนวลแปลก ๆ หนึ่งคนนั่งอยู่ในรถ อีกคนยืนรอคำตอบอยู่ด้านนอก เสียงเอะอะโวยวายของคนในงาน หาได้ส่งผลต่อชายหญิงคู่นี้ไม่เหยียนซูนิ่งเงียบไปพัก ก่อนเสียงทุ้มเย็นจะเอ่ยตอบ “ขอโทษนะ ฉันมีนัดแล้ว”ได้ยินแบบนี้ใบหน้าสวยก็เงยขึ้นมองคนในรถทั้งแววตาผิดหวังที่ปิดไม่มิด “อ่า คุณไม่ว่างเหรอคะ?”คนหล่อพยักหน้าตอบ “ใช่ ผมไม่ว่าง”“เฉินเฉียน นี่เธออยากให้บ้าตายเลยใช่ไหม?” พี่ชิงก้าวเท้าฉับ ๆ เข้ามาหาดาราสาวพร้อมเขกหัวหนัก ๆ ลงไปบนศีรษะเจ้าตัวหนึ่งที แล้วค่อยหันมายิ้มแห้งให้ดาราหนุ่ม “เหยียนซูต้องขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะ เดี๋ยวฉันจะพาเด็กนี้กลับแล้ว”ผู้จัดสาวพูดพลางเตรียมยกมือขึ้นเขกศีรษะกลมอีกครั้ง “ยัยเด็กนี่…”ทว่ามือนั่นกลับต้องยั้งค้างกลางอากาศ เพราะตกใจกับอาการของเฉินเฉียนดาราสาวเงยหน้ามองเธอพร้อมนัยน์ตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตา มันทำให้เจ้าตัวดูน่าสงสารขึ้นมาหลายเท่าพี่ชิงขมวดคิ้ว “อะไรอ่ะ? นี่ฉันไม่ได้เขกแรงเลยนะ ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ?”เหยียนซูก็เห็นว่า เฉิน เฉียนกำลังร้องไห้ ทว่าชาย
ร่างบางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะมองไปที่เพื่อนร่วมงานแต่ละคน พลันรอยยิ้มพอใจก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าโรลชูวยืนขึ้นมอง พร้อมปรบมือจนทุกคนหันมามองเธอที่ยืนอมยิ้มอยู่ “ทุกคนหิวกันไหม? โทรสั่งอะไรมากินกันดีกว่า”“ผมหิวครับ!” ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวซูก็รีบบอกทันทีโรลชูวหัวเราะ “ในเมื่อนายยกมือคนแรก ฉันจะให้นายทำหน้าที่สั่งอาหารแล้วกัน”“ไว้ใจผมได้เลย!” เด็กหนุ่มตอบรับโดยไม่ลังเล พลางสาวเท้าเข้าไปยืนข้างโรลชูวกับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งเครื่องในมือ “พี่โรลชูว พี่จะเอาอะไรอ่ะ?”“ฉันยังไม่หิว นายสั่งของนายเลย เดี๋ยวฉันจ่ายให้” คำพูดนั้นทำให้โหมดของคนในออฟฟิศจากเคร่งเครียดเรื่องข่าวดูสดใสขึ้นในทันตาหญิงสาวอมยิ้มให้กับใบหน้าเปี่ยมสุขของน้องชาย ขาเรียวหมุนตัวออกเดินไปยังโซนห้องอาหารของออฟฟิศพร้อมแก้วเซรามิกใบใหญ่เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเย็น ร่างบางจึงเลือกเดินมาหานมดื่มรองท้องแทน เมื่อจัดการเทใส่แก้วเรียบร้อย ก็เดินถือแก้วไปหยุดอยู่ข้างกระจกใส่บานใหญ่ท้องฟ้ามืดดำบ่งบอกเวลาดึกดื่นด้านนอกหน้าต่างนั้น มันช่างตัดกับแสงวิบวับของตึกรามบ้านช่องบนพื้นดินริมฝีปากจิบรสสัมผัสของน้ำนมทีละนิด พลางมองออกไปด้า
“เหยียนซู” โรลชูวเรียกพร้อมส่งยิ้มให้คนในรถนัยน์ตาคมที่เต้นไปด้วยความรู้สึกมองจ้องกลับ พลางเปิดประตูรถ“ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยร่างบางขมวดคิ้วเลิกลักลังเลว่าจะขึ้นไปดีหรือไม่และเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของอีกคน ชายหนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”พอรู้ว่าเหยียนซูคิดทันเธอ โรลชูวก็อดจะกระดากอายขึ้นมาไม่ได้ ริมฝีปากบางยิ้มแห้ง ก่อนก้าวเท้าขึ้นรถไปกระจกดำทึบเลื่อนขึ้นทันทีเมื่อร่างเล็กขึ้นไปอยู่บนรถขณะเดียวกันเหยียนซูก็เอ่ยปาก “ลงไปจากรถ”ครั้งนี้หญิงสาวแน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดกับคนขับรถเป็นแน่เมื่อรถทั้งคันเหลือเพียงคนสองคน บรรยากาศน่าอึดอัดก็เพิ่มขึ้นสองมือกำแน่นบนตัก ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นกำลังกดดันให้เธออยากเปิดประตูแล้ววิ่งลงจากรถไปซะเวลาผ่านไปจนโรลชูวกำลังจะสติแตกเพราะความเงียบมึนตึง ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน “ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?”ร่างบางชะงักไปนิด ทว่ายังคงรอยยิ้มไว้ไม่คลาย “ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แล้วคุณล่ะ?”แต่หลังจากถามออก มือเรียวก็อยากจะตีหน้าผากตัวเองแรง ๆ ‘นี่เราห่างเหินจนต้องพูดสุภาพใส่กันเลยเหรอเนี่ย?’“ก็ไม่แย่เหมือนกัน” เ