ร่างบางลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะมองไปที่เพื่อนร่วมงานแต่ละคน พลันรอยยิ้มพอใจก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าโรลชูวยืนขึ้นมอง พร้อมปรบมือจนทุกคนหันมามองเธอที่ยืนอมยิ้มอยู่ “ทุกคนหิวกันไหม? โทรสั่งอะไรมากินกันดีกว่า”“ผมหิวครับ!” ได้ยินแบบนั้น เสี่ยวซูก็รีบบอกทันทีโรลชูวหัวเราะ “ในเมื่อนายยกมือคนแรก ฉันจะให้นายทำหน้าที่สั่งอาหารแล้วกัน”“ไว้ใจผมได้เลย!” เด็กหนุ่มตอบรับโดยไม่ลังเล พลางสาวเท้าเข้าไปยืนข้างโรลชูวกับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งเครื่องในมือ “พี่โรลชูว พี่จะเอาอะไรอ่ะ?”“ฉันยังไม่หิว นายสั่งของนายเลย เดี๋ยวฉันจ่ายให้” คำพูดนั้นทำให้โหมดของคนในออฟฟิศจากเคร่งเครียดเรื่องข่าวดูสดใสขึ้นในทันตาหญิงสาวอมยิ้มให้กับใบหน้าเปี่ยมสุขของน้องชาย ขาเรียวหมุนตัวออกเดินไปยังโซนห้องอาหารของออฟฟิศพร้อมแก้วเซรามิกใบใหญ่เพราะยังไม่ได้ทานข้าวเย็น ร่างบางจึงเลือกเดินมาหานมดื่มรองท้องแทน เมื่อจัดการเทใส่แก้วเรียบร้อย ก็เดินถือแก้วไปหยุดอยู่ข้างกระจกใส่บานใหญ่ท้องฟ้ามืดดำบ่งบอกเวลาดึกดื่นด้านนอกหน้าต่างนั้น มันช่างตัดกับแสงวิบวับของตึกรามบ้านช่องบนพื้นดินริมฝีปากจิบรสสัมผัสของน้ำนมทีละนิด พลางมองออกไปด้า
“เหยียนซู” โรลชูวเรียกพร้อมส่งยิ้มให้คนในรถนัยน์ตาคมที่เต้นไปด้วยความรู้สึกมองจ้องกลับ พลางเปิดประตูรถ“ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยร่างบางขมวดคิ้วเลิกลักลังเลว่าจะขึ้นไปดีหรือไม่และเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของอีกคน ชายหนุ่มก็หลุดหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”พอรู้ว่าเหยียนซูคิดทันเธอ โรลชูวก็อดจะกระดากอายขึ้นมาไม่ได้ ริมฝีปากบางยิ้มแห้ง ก่อนก้าวเท้าขึ้นรถไปกระจกดำทึบเลื่อนขึ้นทันทีเมื่อร่างเล็กขึ้นไปอยู่บนรถขณะเดียวกันเหยียนซูก็เอ่ยปาก “ลงไปจากรถ”ครั้งนี้หญิงสาวแน่ใจว่าอีกฝ่ายพูดกับคนขับรถเป็นแน่เมื่อรถทั้งคันเหลือเพียงคนสองคน บรรยากาศน่าอึดอัดก็เพิ่มขึ้นสองมือกำแน่นบนตัก ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นกำลังกดดันให้เธออยากเปิดประตูแล้ววิ่งลงจากรถไปซะเวลาผ่านไปจนโรลชูวกำลังจะสติแตกเพราะความเงียบมึนตึง ชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน “ช่วงนี้คุณเป็นยังไงบ้าง?”ร่างบางชะงักไปนิด ทว่ายังคงรอยยิ้มไว้ไม่คลาย “ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แล้วคุณล่ะ?”แต่หลังจากถามออก มือเรียวก็อยากจะตีหน้าผากตัวเองแรง ๆ ‘นี่เราห่างเหินจนต้องพูดสุภาพใส่กันเลยเหรอเนี่ย?’“ก็ไม่แย่เหมือนกัน” เ
แสงไฟบนถนนที่ส่องเข้ามาสะท้อนให้การตกแต่งภายในตัวรถดูหรูหราขึ้นกว่าเดิม ส่วน ทัง โรลชูวก็ได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง เหยียนซูไม่ได้เอ่ยขัด ทว่าเลือกที่จะจ้องมองดูอย่างเงียบ ๆ แทน และพอรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังใจลอย ชายหนุ่มก็ปล่อยให้ความรู้สึกส่งผ่านสายตาตัวเองออกมาเต็มที่แม้จะมีแสงไฟเพียงน้อยนิด แต่ความสวยงามของเธอก็ตรึงเก็บอยู่ในความทรงจำของเขาไม่เปลี่ยนสวยจนละสายตาไม่ได้ และได้แต่หวังให้เวลาหยุดเดินอยู่ในช่วงที่มีเพียงสองเราแบบนี้ตลอดไปตราบใดที่ยังเห็นเธออยู่ในสายตาและมีเธออยู่ข้างกายแบบนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว ถ้าพ่อของชินจินตกลงจัดงานดูตัวขึ้นที่เป่ยหนิงจริง หลังจากนั้นโรลชูวคงไม่มีที่ยืนเคียงข้างชินจินอีกแล้วหญิงสาวนวดศีรษะที่ตึงเครียดของตน พลันชะงักไปพร้อมขมวดคิ้ว ‘อย่าบอกนะว่า ลู เฉินตงมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้กับชินจิน?’‘แสดงว่าชินจินต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เลือกที่จะเงียบ’‘เพราะเขากลัวว่าฉันจะคิดมากใช่ไหม?’ริมฝีปากบางเม้มแน่น มือเรียวค่อย ๆ ละจากศีรษะลงมาวางที่ตักดังเดิมถ้าดูจากนิสัยของชินจินแล้วก็คงเป็นอย่างที่คิดไว้ อีกฝ่ายไม่อยากให้เธอมานั่งคิดเล็กคิดน้
“หืม?” โรลชูวหันกลับมาสงสัยเหยียนซูยิ้มตอบ “ขอบคุณนะ”ริมฝีปากสวยก็ยิ้มคืนให้อีกฝ่าย “ขอบคุณเช่นกัน”เมื่อก้าวออกมาจากรถแล้ว ร่างเล็กก็หันกลับไปโบกมือลาให้กับคนในรถ ก่อนจะหันหลังวิ่งเข้าตึกไปชายหนุ่มยังคงกดเลื่อนกระจกลง มองคนที่วิ่งออกไปด้วยแววตาเศร้าสร้อยขณะเดียวกัน พอพ้นร่างของหญิงสาวแล้ว คุณผู้ช่วยและคนขับรถก็เดินกลับมาประจำตำแหน่งดังเดิมแต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองสีหน้าของเจ้านายตัวเอง ทว่าสีหน้าย่ำแย่ของเจ้านายนั่นทำให้เขาได้แต่พูดในใจ ‘ทั้งหล่อและดูดีขนาดนี้ แค่ชายตามองก็สามารถขโมยหัวใจสาว ๆ ที่ตนหมายปองได้ แต่ดันมาตกหลุมรักคุณทัง ที่ทำได้เพียงอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เท่านั้น’ต่อให้เล่าให้ใครต่อใครฟัง ก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเจ้านายของเขาจะมาตกม้าตายเพราะเรื่องความรักแบบนี้พอคิดแล้วก็ได้แต่ถอยหายใจเบา ๆ “คุณเหยียนครับ เรากลับโรงแรมกันเลยไหมครับ?”“อืม” เจ้านายหนุ่มตอบรับเอสยูวีสีดำคันสวยเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณถนนหน้าตึกสำนักงานช้า ๆ โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่แอบขับตามมาเงียบ ๆ …เมื่อกลับมาถึงออฟฟิศ ทัง โรลชูวก็รีบเร่งเข้าไปแก้ไขหัวข้อข่าว พร้อมเลือกรูปภาพอ
เมื่อกลับมาถึงที่พัก ทัง โรลชูวก็ไม่พบกับ ลู ชินจิน เธอเดินไปถามคุณป้าแม่บ้านคนเดิม แต่เธอบอกว่าชายหนุ่มไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนขาเรียวเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย หลังจากนั้นก็เดินออกมาจับโทรศัพท์เชิงลังเลว่าจะโทรหาอีกคนดีหรือไม่ หากแต่ความเหนื่อยล้าที่แล่นขึ้นมา ทำให้ร่างเล็กผล็อยหลับไปในไม่ช้าเพราะความเหนื่อยสะสม ทำให้เธอหลับลึกจนไม่ได้รู้สึกถึงเตียงที่ยวบลงแสดงถึงการมาของอีกคนหญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความหิว สองเปลือกตาลืมขึ้นพร้อมจ้องมองปรับโฟกัสอยู่แบบนั้นพักใหญ่เมื่อภาพตรงหน้าชัดขึ้น กายบางก็ยันตัวลุกจากเตียงพลันต้องชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงรั้งที่บั้นเอว ความประหลาดใจทำให้ต้องหันกลับมามองต้นต่อ ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคยอยู่ใกล้กันเสียงเล็กหัวเราะเบา “ชินจินเองเหรอ”มือเรียวค่อย ๆ ขยับแขนหนาออกจากเอว พลางลดตัวลงไปนั่งข้างเตียงเพื่อลอบมองใบหน้าหล่อนั่นคงจะเหนื่อยจนหลับลึกมากเลย แม้เธอขยับแขนร่างแกร่งบนที่นอนก็หาได้ลืมตาตื่นไม่ปลายนิ้วเล็กลูบเขี่ยคิ้วเข้มที่รับกับโคตรหน้าเข้มของชายหนุ่มแผ่วเบาไม่นานชินจินก็สัมผัสได้ถึงมือนิ่มที่ก่อกวนใบหน้าของเข
ภายในห้องสวีทของโรงแรมรอยัล ไดนาสตี้ ไฮท์ นั้นปรากฏร่างสูงสมส่วนที่ยืนพิงระเบียงกว้างก้มหน้ากวาดสายตามองบรรยากาศของเมืองเป่ยหนิง จนกระทั่งมีใครคนเปิดประตูเข้ามา คนคนนั้นมองไปยังร่างแกร่งที่ยืนอยู่ริมระเบียง เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะวิ่งไปหาร่างตรงหน้า“คุณเหยียน คุณอยากเปิดโต๊ะแถลงข่าวไหมครับ?” ชายที่วิ่งเข้าหาถามด้วยความเคารพ“ไม่จำเป็น” เสียงเรียบตอบอย่างไม่ใส่ใจเขาเห็นข่าวตั้งแต่เข้าแล้ว แต่ที่ไม่ลงมือทำอะไรก็เป็นเพราะเชื่อว่า สุดท้ายแล้วความจริงจะกลายเป็นตัวอธิบายทุกอย่างเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปเสียพลังงานและเสียเวลาทำความสะอาดเรื่องปั้นแต่งเช่นนี้“แต่…ปัญหาหานี้อาจะทำให้คุณทังลำบากใจก็ได้นะครับ” พลันห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบเวลาผ่านไป ชายหนุ่มก็หันกลับมามองภายในห้องอีกครั้ง พร้อมจ้องตาเลขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ช่วยร่างคำอธิบายให้ฉันที”“รับทราบครับ” ผู้ช่วยตอบรับ พลางเดินออกไปทันทีชายหนุ่มหันกลับไปมองท้องฟ้าสีครามสดใสด้านนอก ทว่าริมฝีปากบางเฉียบกลับเม้มแน่น รวมทั้งดวงตาคู่คมที่มองไปด้านหน้าราวใช้ความคิดเขาต้องชี้แจงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เธอตกที่นั่งลำบากได
ใจของเธอนั้นเป็นกังวลเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้น ทัง โรลชูวคลิกที่ข้อความเสียงที่เสี่ยวเซี่ยวส่งให้เธอ“ชูวชูว มีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น ทำไมแกไม่รับสายฉัน แกกำลังทำให้ฉันเครียดตายงั้นเหรอ?”เสียงของเสี่ยวเซี่ยวฟังดูวิตกกังวลและตื่นตระหนกมาก ทัง โรลชูวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วลึก ๆ“ชูวชูว คนอื่นว่าแกแอบพบกับ เหยียน ซู มีเรื่องโพสต์ทั่วอินเทอร์เน็ต พวกเขาอ้างว่าแกสองคนนัดพบในรถของเขา มีวิดีโอและรูปถ่ายด้วย มันเกิดอะไรขึ้น จริง ๆ แล้วมันเป็นคืออะไร?”"เรื่องชู้สาว? กับ เหยียน ซูงั้นเหรอ? นัดพบในรถของเขา?"ทัง โรลชูวตาโต ใบหน้าของเธอแสดงความตกใจออกมาอย่างชัดเจนมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้นใช่ไหม?เธอเพิ่งไปพบ เหยียน ชูและพวกเขาก็ถ่ายรูปด้วยกัน ปาปารัสซี่สร้างเรื่องขึ้นมางั้นเหรอ?ทัง โรลชูวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับเรื่องนี้ดีนี่คงเป็นสาเหตุที่ เซียวเหยาและโมเฟยเป็นกังวลมากทัง โรลชูวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทันทีที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็น ลู ชินจินยืนอยู่นอกห้องน้ำเธอหยุดนิ่งทันที ทั้งสองมองหน้ากันเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรทั้งห้องตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบพักใหญ่หลังจากนั้นไ
ลู ชินจินได้ยินคำพูดของ เซิน โมเฟย เขาจึงก้มศีรษะเก็บซ่อนความรู้สึกที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เอาใว้ในดวงตาเขาไม่ให้ใครมาเห็นเขาเข้าใจชูวชูว และรู้ว่าไม่มีอะไรระหว่างเธอกับเหยียน ชู แต่ทว่า เหยียน ชูได้พบกับเธอในตอนดึก และเธอก็เข้าไปในรถของชายคนนั้นเขาไม่รู้ว่าเธอไร้เดียงสา หรือแค่งี่เง่าหรือโง่เพราะคิดไม่ได้ทัง โรลชูวเดินไปและพูดอย่างระมัดระวัง "เซียวเหยา โมเฟย พวกนายก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ"เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ลู เซียวเหยาและ เซิน โมเฟยต่างก็หันศีรษะไปหาเธอเมื่อพวกเขาเห็นเธอ แต่ละคนก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันใบหน้าของ ลู เซียวเหยาไม่แสดงอารมณ์ออกมาเท่าไหร่ แต่สายตาของเขานั้นบอกเลยว่าเขาไม่พอใจสุด ๆเซิน โมเฟยยิ้มเล็กน้อย เขาถามด้วยความเป็นห่วง “พี่สะใภ้เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นรึยัง?”ทัง โรลชูวพยักหน้า "ดีขึ้น" ในขณะที่พูดนั้นสายของเธอไม่ได้มองไปที่พวกเขาเลย เขามองข้ามพวกเขาไปและมองไปยังที่ ลู ชินจินคนที่นั่งก้มหน้าอยู มีสายตาของเธอแสดงความรู้สึกที่สิ้นหวังออกมาอย่างชัดเจอจากนั้นเธอก็ถอนสายตาออกและมองไปที่ ลู เซียวเหยาและ เซิน โมเฟย ก่อนที่จะยิ้มเล็กน้อย “นายสองคนมาเพราะข่าววันน