สองคนต่างพูดพร้อมกัน ก่อนจะชะงักและหัวเราะออกมา“พี่ชิงยู๋ พูดก่อนเลยค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมรอยยิ้มชายหนุ่มเม้มปากละอาย “คุณลุงกับคุณป้าเป็นยังไงบ้าง?”“พวกท่านมากลับบ้านแล้วค่ะ แล้วก็สบายดีทั้งคู่”“ฉันขอไปเยี่ยมพวกท่านได้ไหม?” เซียงเจิ้งถามพร้อมนัยน์ตาคมที่วูบไหวเชิงเกรงกลัวว่าอีกจะปฏิเสธคำขอทว่าร่างบางยังคงส่งยิ้มกลับไปให้ “ได้สิคะ พ่อกับแม่ฉันคิดถึงพี่มากนะ”“จริงเหรอ?” พอได้ฟังแล้วก็โล่งใจ “งั้นฉันขอไปเยี่ยมท่านตอนนี้ได้ไหม?”อันยีพยักหน้าตอบ “ได้ค่ะ ยินดีต้อนรับเสมอนะ”เซียงเจิ้งยิ้มตอบ พลันหันไปมอง เซิน โมเฟยที่ยังอยู่ในรถอีกครั้ง ก่อนจะผละตัวเดินเข้าไปในเขตตัวบ้านซอง อันยีมองตามพี่ชายคนคุ้นเคยไปพักหนึ่ง แล้วค่อยหันเดินกลับไปยังรถคันหรูที่มีแฟนหนุ่มคนหล่อนั่งรออยู่กระจกรถด้านที่นั่งฝั่งคันขับค่อย ๆ เลื่อนลงช้า ๆ อันยีโน้มตัวลงไปใกล้คนรักพร้อมยกยิ้มอย่างพอใจ “เยี่ยม คุณคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีมากเลย”ตอนแรกเธอคิดว่าโมเฟยจะโวยวายหรือแสดงที่ทีไม่พอใจบ้าง แต่พอกระจกรถเลื่อนลง ใบหน้าหล่อก็ยังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงโมเฟยกันกลับมาจ้องตากลมสวย ริมฝีบางหยักกระตุกยิ้มเล็กน้อย “คุณเ
คำพูดของป้าซองทำเอา หลัว ชิงยู๋ชะงักไป แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ชายหนุ่มส่งยิ้มกลับไปให้ “ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ ป้าซอง”ป้าซองกระชับมือหลานชายและยิ้มตอบ “ป้าดีใจนะที่เธอกลับมาหาเรา”ลุงซองเองก็พูดเสริมเช่นกัน “ใช่ นี่มันก็ผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ลุงก็รอให้เธอกลับมาเยี่ยมหาเราบ้าง”“คุณลุงคุณป้า หลังจากนี้ผมจะมาหาบ่อย ๆ นะครับ”ขณะที่พูดชายหนุ่มก็แอบปรายตาไปยัง ซอง อันยีที่ยืนเงียบอยู่ไม่ไกล ส่วนหญิงสาวนั้นก็ได้แต่เลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อยป้าซองขอให้ชิงยู๋อยู่ทานมื้อค่ำด้วยกัน ทว่าตลอดเวลาที่ครอบครัวต่างสังสรรค์อยู่นั้น กลับแทบไม่ได้ยินสองหนุ่มสาวคุยกันเลยก็ว่าได้ มีเพียงแค่ถามคำตอบคำเท่านั้นทำให้บรรยากาศของมื้อค่ำในคืนนี้ดูอบอุ่นแต่ก็ปนความอึดอัดแปลก ๆ หลังจากนั้นคนเป็นแม่ก็เอ่ยปากบอกลูกสาวให้ลงไปส่งหลานชาย “พี่ชิงยู๋ ขับรถดี ๆ นะคะ” พอพูดจบ ร่างบางก็หมุนตัวเตรียมเดินกลับเข้าบ้าน “อันยี” เสียงทุ้มเรียกไว้เธอหันกลับมามองคนเรียกพร้อมเลิกคิ้วสงสัยร่างสูงตรงหน้าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “เซิน โมเฟยไม่เหมาะกับเธอหรอก”ริมฝีปากบางเม้มแน่นทันที ทว่าไม่ได้โต้
การแถลงข่าวเปิดกล้องประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่มันจะดีกว่านี้ถ้า กู โรลโรลไม่ปรากฏตัวออกมาเดิมทีผู้กำกับเฟิงเฟิงสัญญากับเธอ ว่าจะให้เธอเป็นตัวละครรับเชิญที่สำคัญมาก ๆ และเธอได้ออกมาแค่บางฉากเท่านั้นมันจึงไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องมาในงานแถลงข่าวนอกจากนี้ ทัง โรลชูวก็ไม่ได้เชิญเธอมาแต่ กู โรลโรลที่หน้าด้านหน้าทนก็ยังมาอยู่ตามที่คาดเอาไว้ สื่อต่างไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะรายงานข่าวของกู โรลโรล ที่กำลังจะกลับมาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ขณะที่เธอจ้องกู โรลโรล ที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างโจ่งแจ้ง ทัง โรลชูวก็รู้สึกหมดหนทางในเวลาต่อมาก็คงมีการพูดจาประชดประชันบริษัทข่าวบันเทิงไทม์ในโลกออนไลน์ พวกเขาคงคิดว่าทางบริษัทบ้าไปแล้วแน่ ๆ ที่ยอมให้กู โรลโรล กลับมามีบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันหมายถึงหายนะสำหรับการทำงานร่วมกันกับบริษัทสื่อขนาดใหญ่อย่าง ธันเดอร์โบลท์ เอนเตอร์เทรนเมนต์ กรุ๊ป“พี่โรลชูว ฉันกำลังดูความคิดเห็นในโลกออกไลน์อยู่ คนที่แสดงความคิดเห็นไม่ได้ไปทางลบเท่าไหร่นัก พวกเขายังคงตั้งตารอชมภาพยนตร์”เสี่ยวซูเดินมาข้าง ๆ ทัง โรลชูว พร้อมกับโทรศัพท์ในมือของเขา เพื่อยืนยันว่าเขาดูอยู่ทัง
แม้แต่ในความฝัน เซิน เฉียนก็ไม่เคยคิดเลยว่าตัวประกอบอย่างเธอ จะได้มาแสดงเป็นตัวหลักแบบนี้ มันเหมือนกับความฝันที่เป็นจริงตลอดงานแถลงข่าว ใจเธอก็อยู่ไม่นิ่งแล้ว พอกลับมาที่ห้องพัก เธอทรุดตัวลงบนโซฟา ผู้คนที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจกำลังสงสัยว่าเธอไปวิ่งร้อยเมตรมา“พี่คะ ขอน้ำหนึ่งแก้วค่ะ” เธอยกมือขึ้นเพื่อขอแก้วน้ำโดยไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในห้อง เธอพูดเหมือนกับกำลังพูดกับผู้ช่วยสักพักก็มีคนยื่นแก้วน้ำให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเบา ๆ แล้วลุกขึ้นนั่ง เมื่อเธอกำลังจะดื่ม เธอก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มจากหางตาของเธอเธอเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจและรีบหันไปมอง และอุทานด้วยความตกใจออกมา “พี่โรลชูว ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่?”ทัง โรลชูว ยิ้ม "เจอกันอีกแล้ว"เซิน เฉียนมองแก้วในมือของเธอและยิ้มออกไปอย่างเขินอาย “พี่โรลชูว ขอโทษที่ใช้พี่นะคะ”"ไม่เป็นไร" ทัง โรลชูวมองเธออย่างอ่อนโยน “ดื่มน้ำก่อน แล้วค่อยคุยกัน”“ค่ะ” เซิน เฉียนตอบตกลง จากนั้นเธอก็รีบดื่มน้ำในแก้วจนหมดเมื่อเห็นว่าเธอรีบดื่มน้ำจนหมด ทัง โรลชูวก็ยิ้มออกไปอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นเธอก็หยิบสคริปต์หนา ๆ ออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ขอ
ที่อยู่อาศัยตั้งอยู่ท่ามกลางบนเนินเขาอันเงียบสงบ มีทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นก่อนถึงคฤหาสน์ ซึ่งมีทัศนียภาพงดงามตระการตารถหรูสีดำจอดอยู่หน้าวิลล่า ตาของ ทัง โรลชูวมองไปที่วิลล่าสไตล์ยุโรปอันสวยงามตัวอาคารเป็นสีขาวและมีหลังคาเป็นสีแดง แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องหน้าต่างบานใหญ่สไตล์ฝรั่งเศส ทำให้มันสะท้อนแสงเป็นประกายระยิบระยับทัง โรลชูวเหล่มองที่รัดเข็มขัดนิรภัยของเธอแน่น เธอรู้สึกประหม่ามาก หัวใจของเธอเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งตามคำกล่าวที่ว่า แม้แต่ลูกสะใภ้ที่น่าเกลียดก็ต้องมีคู่ชีวิต แต่ถ้าต้องเจอผู้อาวุโสที่ไม่ชอบเธอ เธอก็อยากจะยอมแพ้เสียมากกว่าลู ชินจินปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วหันไปดูท่าทางประหม่าของเธอ เธอดูราวกับว่าเธอกำลังจะออกไปทำสงคราม มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นี่คุณ ถ้าคุณกังวลขนาดนี้ งั้นเราไปจากที่นี่กันเถอะ”"ไม่" ทัง โรลชูวสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปมองเขา “ถ้าฉันหนีไปตอนนี้เพียงเพราะว่าฉันกลัว พ่อของคุณจะต้องดูถูกฉันมากขึ้นไปอีกแน่”ลู ชินจินขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณไม่ต้องสนใจความคิดเห็นของเขาหรอก”ทัง โรลชูวยิ้ม “ฉันรู้ แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของคุณนี่”เป็นเพราะพ่อข
ตามที่เธอเดาเอาไว้ พ่อชินจินไม่ชอบเธอเป็นอย่างมากเมื่อ ลู ชินจินดึงเธอให้นั่งลง ชายชราก็พูดอย่างเย็นชาว่า "ชินจิน ทำไมแกถึงพาคนนอกมาด้วย?"ทัง โรลชูวหันไปมอง ลู ชินจิน เธอรู้สึกเสียใจ เสียใจจนไม่กล้าแม้แต่จะยิ้มออกมา“คนนอก?” ลู ชินจินหันไปมองพ่อของเขาอย่างเย็นชา พร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันบนริมฝีปากของเขา “อย่าทำเป็นลืมไปหน่อยเลยว่า ตอนที่แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ พ่อเป็นคนพาคนนอกกลับมาที่บ้าน อย่างไร้ยางอาย”เขากวาดตามองไปที่หลิน เสวียจี ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน มันทำให้ใบหน้าของ หลิน เสวียจีซีดเผือก เขาพูดต่อ "อีกอย่าง ชูวชูว เป็นภรรยาของผม แบบถูกต้องตามกฎหมาย เธอไม่ใช่คนนอก"ลู ติงแบงจ้องเขาด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกใด ๆ มันไม่เหมือนกับสายตาที่พ่อจะมอบให้ลูกชายเลยลู ชินจินมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างกล้าหาญ ท่าทางที่สง่างามของเขาไม่ได้ดูด้อยกว่าพ่อของเขาเลยแม้แต่น้อยทัง โรลชูวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขากำลังเหงื่อแตก เธอสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีความเยือกเย็นที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของชินจิน เขาคงเกลียดชังพ่อของตัวเองเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับที่เธอรู้สึกต่อพ่อของเธอเอง ดังนั้น...
หลิน เสวียจี รู้ว่าเธอรู้ทันว่าเธอไปแอบสืบมาแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกอับอายเลย แต่เธอกลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “เราได้สั่งให้คนไปสืบเรื่องของคุณแล้วจริง ๆ เพราะคุณแต่งงานกับชินจิน เราจึงต้องการทำความเข้าใจเรื่องของภรรยาของเขา”"หึ" ลู ชินจินหัวเราะเยาะและมองไปที่ ลู ติงแบง และ หลิน เสวียจี ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “อย่าบอกนะว่าการสืบที่พวกคุณตามสืบภรรยาของผม เพราะเป็นห่วงผมน่ะ”ลู ติงแบงจ้องเขม็งเขา ใบหน้าของเขากำลังตึงเครียด และไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่ หลิน เสวียจียังคงยิ้ม เธออธิบาย "ชินจิน ครอบครัวอย่างเราน่ะ มีผู้หญิงมากมายที่พยายามจะเอาชนะใจเธอ..."เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ ลู ชินจินก็พูดแสร้งขึ้นไปทันที “หมายถึงตัวเองเหรอป้าหลิน?”หลิน เสวียจีตกใจและเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอค่อนข้างเกร็ง “ชินจิน เธอ...”ลู ชินจินยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ผมพูดอะไรผิดไปเหรอครับ? ก็คุณพยายามเข้าหาพ่อผม แล้วก็ไล่แม่ผมไปนี่ครับ? ให้ความสำคัญเมียน้อยมากว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง”ใบหน้าของ หลิน เสวียจีซีดลง เธอหันไปมองทางติงแบงอย่างไม่พอใจสามีของเธอเหลือบมองเธอแ
ในการเผชิญหน้าระหว่างพ่อและลูกชาย ไม่มีฝ่ายใดเต็มใจที่จะยอมแพ้ บรรยากาศตึงเครียดราวกับอยู่ในสนามรบในท้ายที่สุด ลู ชินจินก็ดึง ทัง โรลชูวให้เดินออกไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาแสดงท่าทางที่แน่วแน่ของเขาให้ ลู ติงแบงได้เห็นแม้ว่าเขาจะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ แต่ ลู ติงแบงก็ยังโกรธเคืองความอวดดีของลู ชินจิน“อาจี ดูเขาสิ! เย่อหยิ่งและไม่ให้เกียรติผมเลย ผมจะยอมยกทุกอย่างไปให้เขาได้ยังไง?”เมื่อเธอได้ยินเขาพูดว่าเขาตั้งใจจะทิ้งทุกอย่างไว้ให้กับลู ชินจิน ความอาฆาตพยาบาทก็แวบผ่านดวงตาของหลิน เสวียจี แต่เธอก็รีบเก็บซ่อนมันเอาไว้อย่างดี จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปและลูบหน้าอกของ ลู ติงแบง เบา ๆ ปลอบโยนเขาอย่างอ่อนโยน “คุณไม่สามารถบังคับเด็กอย่างชินจินได้หรอกค่ะ ยิ่งคุณทำอย่างนั้น เขาก็จะยิ่งต่อต้านคุณมากขึ้น เราต้องคุยกับเขาดี ๆ”“พูดดี ๆ กับเขายังไง” น้ำเสียงของ ลู ติงแบงยังคงฟังดูรุนแรงมากหลิน เสวียจีคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็พูดว่า "ถ้ามันไม่ได้ผล ฉันสามารถไปคุยกับ ทัง โรลชูวได้"เมื่อได้ยินแบบนั้น ลู ติงแบงก็จ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานาน ในที่สุด เขาพยักหน้า พูดด้