ทัง โรลชูวถามสิ่งที่พวกเขาชอบก่อนที่จะสั่งอาหารชู หยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “พี่สะใภ้ช่างมีน้ำใจจริง ๆ”ทัง โรลชูวมองเขาและพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "นั่นคือสิ่งที่ฉันควรทำ พวกเธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของชินจิน ฉันอยากให้พวกเธอคอยอยู่ข้างเขานี่นา"เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เซิน มูก็เลิกคิ้วขึ้น “พี่กำลังพยายามเอาชนะใจพวกเราอยู่ใช่ไหม พี่สะใภ้?”“ถูกต้อง” ทัง โรลชูวยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นเธอก็แสร้งทำเป็นว่าร้ายต่อลู ชินจิน “ชินจิน อย่าทำให้ฉันโกรธนะ ไม่งั้นพวกเขาจะเกลียดคุณแน่”ลู ชินจินเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความอ่อนโยน เขาพูดเบา ๆ ว่า “อย่ากังวลเลยคุณผู้หญิง ไม่มีวันนั้นหรอก”ทัง โรลชูว กัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ รอยยิ้มหวานทบนหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของเธอในเวลานี้ จู่ ๆ ก็เกิดเสียงร้องไห้ขึ้นมาจากด้านข้างเธอ “ไม่นะ ฉันว่าฉันตาบอด!”ทัง โรลชูวรีบหันไปมองตามทิศทางของเสียงนั้น เธอเห็น หลิง เหยาเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าเขา เธอถามอย่างกังวลเล็กน้อย "อาเหยา เป็นอะไรไหม?"“เขาตาบอดเพราะความรักที่พี่มีต่อชินจิน” เซิน มูตอบแทน หลิง เหยาทัง โรลชูวรู้
“ใช่ ฉันล้อเล่น” เซิน มูเห็นด้วย ขณะที่เขาหัวเราะออกมาอย่างเสียงดังบรรยากาศภายในห้องส่วนตัวนั้นเต็มไปด้วยความสนุกและผ่อนคลาย ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองทัง โรลชูวอารมณ์ดี เธอเลยดื่มมากไปหน่อย เธอเมื่อหน้าแดง เธอเริ่มเมาแล้วเวียนหัว ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า เธอดูเย้ายวนยิ่งกว่าเดิม“ไปเถอะพี่สะใภ้ ดื่มกับผมอีกหน่อยได้ไหม”หลิง เหยาขยับตัวเข้าไปใกล้ ทัง โรลชูวด้วยมืออีกข้างที่ถือแก้วไวน์ ในเวลานี้ น้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้นข้างหูของเขา “อาเหยา นิสัยเดิมของนายกลับมาอีกแล้วเหรอ?”เมื่อหลิงเหยาได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้น ๆ ด้วยความตื่นตระหนก เขาหันไปหาชายผู้คนนั้นทันที และยิ้มอย่างประจบสอพลอ “พี่ครับ ผมมีความสุขจนลืมตัวไป”ภายใต้สายตาที่แหลมคมของเขา ก็นุ่มนวลขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็สายตาของเขาก็กลับไปเป็นปกติเมื่อเห็นเช่นนั้น เซิน มูก็ยิ้มและพูดแก้ตัวให้ หลิง เหยา “ชินจิน ถ้าเธอจะเมาคืนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ พวกเราไม่ถือ ถ้ากลับบ้านไม่ไหวก็นอนค้างมันที่นี้เลย ดีไหมล่ะ”ลู ชินจินหันไปมอง ทัง โรลชูวที่กำลังเมาอยู่ ราวกับว่าเธอสังเกตเห็นสายตาของเขา เธอหันกลับมาและยิ้มให้เขา พร้อ
อันที่จริง ทัง โรลชูวไม่ได้เมามาก หลังจากดื่มน้ำผึ้งที่ ลู ชินจินชงให้เธอแล้ว เธอก็มีสติขึ้นเธอมองดูรอบ ๆ ห้องของเธอ และเห็นเพียงว่ามีแสงเพียงโคมไฟดวงเดียวที่ส่องอยู่บนผนัง แม้จะมืดมิด แต่เธอก็ยังบอกได้ว่าห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์อเมริกันเธอตกใจกับเสียงน้ำไหลและหันไปทางนั้นห้องน้ำกั้นด้วยกระจกโปร่งแสง แม้ว่าห้องจะสว่างไสว แต่แสงจากในห้องน้ำทำให้เธอมองเห็นร่างสูงและเรียวของชินจิน ได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกใสแม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันมานานแล้วและสนิทสนมกันมาก แต่เธอก็ละสายตาจากเขาและเดินไปที่หน้าต่างสไตลฝรั่งเศสเธอมองเห็นครึ่งหนึ่งของเมืองจิงผ่านหน้าต่างสไตลฝรั่งเศสเหล่านั้น แสงไฟมากมายที่ส่องมาที่เมืองนั้นสวยงามในตอนกลางคืน แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่หรูหราของเมืองจิงเธอยกมือขึ้นวางเบา ๆ ลงบนกระจกที่เย็นเฉียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขนี่คือ ที่ที่ชินจินเติบโตขึ้นมาความรู้สึกลึก ๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองด้วยกว่าเขาเล็กน้อยเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอปลอบใจตัวเอง “เอาล่ะ เมืองปักกิ่ง ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ แม้ว่าจะไม่ได้พัฒนาเท่าเมืองจิง แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่พัฒนาแล้วใ
"อันยี นั้นเธอคือ..." เสี่ยวเซียวมีคำตอบในใจของเธออยู่แล้ว แต่เธอก็ยังอยากถาม ซอง อันยีให้แน่ใจคราวนี้ ซอง อันยีตอบว่า “ใช่ อย่างที่แกคิดนั้นแหละ คู่หมั้นของโมเฟย”"จริงด้วย ฉันคิดใว้ไม่มีผิด!"เสี่ยวเซียวจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ ยิ้มแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ “แกคิดว่าเธอมาที่นี่เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของผู้ชายของแกรึป่าว”"น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"ซอง อันยีเดินไปและหยุดตรงหน้าซู เหวินจิง ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบ “คุณซู คุณมีอะไรให้ฉัน ในเมื่อคุณมาหาฉันถึงที่นี่?”ซู เหวินจิงเหลือบมองเสี่ยวเซียวซึ่งอยู่ข้างหลัง ซอง อันยีก่อนที่จะพูดว่า "ฉันอยากจะคุยกับโมเฟย และคุณ"“ฉันเชื่อว่า ที่โมเฟยบอกคุณวันนั้นชัดเจนเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เราคุยกันอีก” ซอง อันยีไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอรูม่านตาของ ซู เหวินจิงค่อย ๆ หรี่ลง ขณะที่เธอถามอีกครั้ง “คุณซอง ไม่อยากคุยเรื่องนั้นจริง ๆ เหรอ?”"ไม่อยากคุย" หยิง เสี่ยวเซียวตอบแทนเธอซู เหวินจิงเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความหงุดหงิด “คุณเป็นใคร ทำไมคุณถึงหยาบคาย ฉันกำลังคุยกับคุณอยู่หรือเปล่า”น้ำเสียงของเธอสื่อถึงทัศนคติ
อีกด้านหนึ่ง หยิง เสี่ยวเซียวโกรธก่อนที่ ซอง อันยีจะแสดงอารมณ์ของเธอ เธอยิ้มเมื่อเห็นจำนวนเงินที่เขียนไว้ “ครอบครัวเซินใจดีมากนะ ที่ใช้เงินฟาดหัวเธอถึงล้านเหรียญ”ต่อหน้า ซู เหวินจิง เธอฉีกเช็คออกจากกัน"คุณกำลังทำอะไร?" ซู เหวินจิงตะโกนออกมาหยิง เสี่ยวเซียวโยนเช็คฉีกขาดใส่หน้าของ ซู เหวินจิง “กลับไปบอกตระกูลเซินนะว่า เงินไม่มีความหมาย! บอกไปว่าตระกูลเซิน และเธอจะไม่มีวันแยกอันยีกับโมเฟยได้”"เธอ!" ซู เหวินจิงจ้องที่เธอด้วยความโกรธ ความโกรธของเธอพุ่งออกมาจากดวงตาของเธอราวกับว่าเธอกำลังจะฉีกเสี่ยวเซียวเป็นชิ้น ๆ“ฉัน? ฉันแล้วจะทำไม?” หยิง เสี่ยวเซียวยิ้มเยาะ ขณะที่คำพูดของเธอรุนแรงขึ้น “คุณคิดว่า โมเฟยจะแต่งงานกับคุณเพียงเพราะคุณมีสัญญาแต่งงานกับเขาหรอ อย่าโง่! เขาไม่รักคุณ! เขารักเพื่อนของฉัน อันยี ยอมแพ้เถอะก่อนที่คุณจะดูแย่ไปกว่านี้"หลังจากจี้จุดที่เจ็บของ ซู เหวินจิงอีกครั้ง หยิง เสี่ยวเซียวก็ลาก ซอง อันยีที่กำลังตกใจออกไป ทิ้ง ซู เหวินจิงไว้ที่นั่นด้วยใบหน้าเธอที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ“คุณผู้หญิง เป็นอะไรไหมครับ?”นอกจากพวกเขาแล้ว บอดี้การ์ดของเธอถามอย่างระมัดระวังด้วยควา
“คุณปู่เซินเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ สิ่งที่เขาสัญญาไว้ เขาจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเขาทำอะไรผิด”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยิง เสี่ยวเซียวก็ไม่มีความสุข “ซอง อันยี เขาใช้เงินของเขาดูถูกแกนะ ทำไมแกยังพูดแทนเขาอยู่”"ที่จริงแล้ว..." ซอง อันยีคิดอยู่ซักพัก “ฉันเชื่อว่าที่ ซู เหวินจิงทำ อาจไม่ได้รับคำสั่งจากปู่เซิน”“ไม่ได้รับคำสั่งจากเขา แกหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นทำด้วยตัวเองเหรอ?”ซอง อันยีกางมือของเธอออก "อาจจะ"คำตอบที่ไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้ หยิง เสี่ยวเซียวกลอกตา “ซอง อันยีโปรดอย่าไร้เดียงสาอีกนะ ไม่ว่ามันจะเป็นความคิดของผู้หญิง หรือความคิดของปู่เซิน แกต้องจำไว้ว่าแกไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเซิน”เสี่ยวเซียวไม่ผิด เธอไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเซินจริง ๆ และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตซู เหวินจิงเตือนเธอว่าถ้าเธอไม่รับเช็ค และทิ้งโมเฟยไว้ พ่อแม่ของเธอจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซอง อันยีรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่า ซู เหวินจิงแค่ขู่หรือไม่ หรือถ้าเธอตั้งใจจะทำร้ายพ่อแม่ของเธอจริง ๆ...ซู เหวินจิงกลับไปที่ครอบครัวเซิน ด้วยความโกรธและเห็นว
"แล้วเธอฉีกเช็คเหรอ?" ลู เซียวเหยาวางถ้วยกาแฟของเขาลงบนโต๊ะ ขณะที่จ้อง หยิง เสี่ยวเซียวที่นั่งตรงข้ามเขาด้วยความประหลาดใจหยิง เสี่ยวเซียวพยักหน้า “แน่นอน ฉันจะเก็บไว้ทำไมล่ะ?”ลู เซียวเหยาลูบจมูกของตัวเองเล็กน้อย “น่าเสียดาย นั่นล้านดอลลาร์เลยนะ”“น่าเสียดาย?”หยิง เสี่ยวเซียวเลิกคิ้ว และถามว่า "ลู เซียวเหยาทำไมนายเสียดายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์?"“ในเมื่อเธอเต็มใจเอาให้ มันก็ไม่ควรปฏิเสธ เราจะปฏิเสธเงินฟรีได้ยังไง” ลู เซียวเหยาคิดว่าการรับเช็คมาแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปจากโมเฟย ใครจะกล้าปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลนี้กันล่ะ?“ลู เซียวเหยา!” หยิง เสี่ยวเซียวโยนหมอนข้างไปที่เขา แและก็บ่นไปว่า "อันยีเป็นผู้หญิงที่มีอุดมการณ์"ลู เซียวเหยาจับหมอนข้างที่เธอโยนมาได้อย่างง่ายดาย และยิ้มออกมา “ฉันแค่พูดเล่นเอง ไม่เห็นต้องอาละวาดเลย”หยิง เสี่ยวเซียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหรี่ตาลง “ลู เซียวเหยาถ้าพ่อของฉันขอให้นายไปจากฉันแลกกับเงินล้านเหรียญ นายคงไม่ไปหรอกใช่ไหม?”“ฉันก็เป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน” ลู เซียวเหยานั่งตัวตรง และจ้องที่เธอด้วยท่าทางเคร่งขรึมหยิง เสี่ยวเซียวกลอกตา "นายควรเป็น
ลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอกำลังทำลายบรรยากาศ เขาประทับใจนะที่เธอคิดได้ไปไกลขนาดนั้นหยิง เสี่ยวเซียวรู้ว่าตัวเองกำลังไร้สาระ แต่เธอไม่สามารถห้ามตัวเองได้ เธอต้องการเหตุผล “ก็ทำไมจู่ ๆ นายถึงชมฉันล่ะ? ที่ผ่านมานายเอาแต่ว่าให้ฉันนี่นา?”ในอดีตเขาเคยเรียกเธอว่ายัยแม่มดลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ แต่เขาก็ยังอธิบายต่อไปว่า “ก็ตอนนั้นเธอเป็นแฟนของฉันรึยังล่ะ? ก็ไม่ มันเลยเป็นเรื่องปกติที่ตอนนั้นเราจะหยอกล้อกัน เพราะเราไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอเป็นแฟนของฉันแล้ว มันก็ต้องเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะชมเธอน่ะสิ"เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงใจของเขา หยิง เสี่ยวเซียวรู้สึกว่าเธอคิดมากเกินไป มุมปากของเธอกระตุกด้วยความเขินอาย ขณะที่เธอตอบกลับไปว่า “อย่างนี้นี่เอง ฉันคงเข้าใจนายผิดไป”“จะพูดแค่นี้เองเหรอ” ลู เซียวเหยาเลิกคิ้ว ขณะที่มองเธอด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย“จะเอาอะไรอีกล่ะ” “นายอยากให้ฉันขอโทษเหรอ?”ลู เซียวเหยากอดเธอ และก้มหน้าลงไปจูบเธอเมื่อริมฝีปากของพวกเขากำลังจะประกบกัน เสียงกริ่งประตูก็ทำให้พวกเขาตกใจ"ใครมา?" หยิง เสี่ยวเซียวขมวดคิ้ว ขณะที่เธอมองไปยังประตูลู