อันที่จริง ทัง โรลชูวไม่ได้เมามาก หลังจากดื่มน้ำผึ้งที่ ลู ชินจินชงให้เธอแล้ว เธอก็มีสติขึ้นเธอมองดูรอบ ๆ ห้องของเธอ และเห็นเพียงว่ามีแสงเพียงโคมไฟดวงเดียวที่ส่องอยู่บนผนัง แม้จะมืดมิด แต่เธอก็ยังบอกได้ว่าห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราในสไตล์อเมริกันเธอตกใจกับเสียงน้ำไหลและหันไปทางนั้นห้องน้ำกั้นด้วยกระจกโปร่งแสง แม้ว่าห้องจะสว่างไสว แต่แสงจากในห้องน้ำทำให้เธอมองเห็นร่างสูงและเรียวของชินจิน ได้อย่างชัดเจนผ่านกระจกใสแม้ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันมานานแล้วและสนิทสนมกันมาก แต่เธอก็ละสายตาจากเขาและเดินไปที่หน้าต่างสไตลฝรั่งเศสเธอมองเห็นครึ่งหนึ่งของเมืองจิงผ่านหน้าต่างสไตลฝรั่งเศสเหล่านั้น แสงไฟมากมายที่ส่องมาที่เมืองนั้นสวยงามในตอนกลางคืน แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติที่หรูหราของเมืองจิงเธอยกมือขึ้นวางเบา ๆ ลงบนกระจกที่เย็นเฉียบ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขนี่คือ ที่ที่ชินจินเติบโตขึ้นมาความรู้สึกลึก ๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองด้วยกว่าเขาเล็กน้อยเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอปลอบใจตัวเอง “เอาล่ะ เมืองปักกิ่ง ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ แม้ว่าจะไม่ได้พัฒนาเท่าเมืองจิง แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่พัฒนาแล้วใ
"อันยี นั้นเธอคือ..." เสี่ยวเซียวมีคำตอบในใจของเธออยู่แล้ว แต่เธอก็ยังอยากถาม ซอง อันยีให้แน่ใจคราวนี้ ซอง อันยีตอบว่า “ใช่ อย่างที่แกคิดนั้นแหละ คู่หมั้นของโมเฟย”"จริงด้วย ฉันคิดใว้ไม่มีผิด!"เสี่ยวเซียวจ้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ ยิ้มแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ “แกคิดว่าเธอมาที่นี่เพื่อประกาศความเป็นเจ้าของผู้ชายของแกรึป่าว”"น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ"ซอง อันยีเดินไปและหยุดตรงหน้าซู เหวินจิง ถามด้วยน้ำเสียงที่สงบ “คุณซู คุณมีอะไรให้ฉัน ในเมื่อคุณมาหาฉันถึงที่นี่?”ซู เหวินจิงเหลือบมองเสี่ยวเซียวซึ่งอยู่ข้างหลัง ซอง อันยีก่อนที่จะพูดว่า "ฉันอยากจะคุยกับโมเฟย และคุณ"“ฉันเชื่อว่า ที่โมเฟยบอกคุณวันนั้นชัดเจนเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เราคุยกันอีก” ซอง อันยีไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับเธอรูม่านตาของ ซู เหวินจิงค่อย ๆ หรี่ลง ขณะที่เธอถามอีกครั้ง “คุณซอง ไม่อยากคุยเรื่องนั้นจริง ๆ เหรอ?”"ไม่อยากคุย" หยิง เสี่ยวเซียวตอบแทนเธอซู เหวินจิงเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความหงุดหงิด “คุณเป็นใคร ทำไมคุณถึงหยาบคาย ฉันกำลังคุยกับคุณอยู่หรือเปล่า”น้ำเสียงของเธอสื่อถึงทัศนคติ
อีกด้านหนึ่ง หยิง เสี่ยวเซียวโกรธก่อนที่ ซอง อันยีจะแสดงอารมณ์ของเธอ เธอยิ้มเมื่อเห็นจำนวนเงินที่เขียนไว้ “ครอบครัวเซินใจดีมากนะ ที่ใช้เงินฟาดหัวเธอถึงล้านเหรียญ”ต่อหน้า ซู เหวินจิง เธอฉีกเช็คออกจากกัน"คุณกำลังทำอะไร?" ซู เหวินจิงตะโกนออกมาหยิง เสี่ยวเซียวโยนเช็คฉีกขาดใส่หน้าของ ซู เหวินจิง “กลับไปบอกตระกูลเซินนะว่า เงินไม่มีความหมาย! บอกไปว่าตระกูลเซิน และเธอจะไม่มีวันแยกอันยีกับโมเฟยได้”"เธอ!" ซู เหวินจิงจ้องที่เธอด้วยความโกรธ ความโกรธของเธอพุ่งออกมาจากดวงตาของเธอราวกับว่าเธอกำลังจะฉีกเสี่ยวเซียวเป็นชิ้น ๆ“ฉัน? ฉันแล้วจะทำไม?” หยิง เสี่ยวเซียวยิ้มเยาะ ขณะที่คำพูดของเธอรุนแรงขึ้น “คุณคิดว่า โมเฟยจะแต่งงานกับคุณเพียงเพราะคุณมีสัญญาแต่งงานกับเขาหรอ อย่าโง่! เขาไม่รักคุณ! เขารักเพื่อนของฉัน อันยี ยอมแพ้เถอะก่อนที่คุณจะดูแย่ไปกว่านี้"หลังจากจี้จุดที่เจ็บของ ซู เหวินจิงอีกครั้ง หยิง เสี่ยวเซียวก็ลาก ซอง อันยีที่กำลังตกใจออกไป ทิ้ง ซู เหวินจิงไว้ที่นั่นด้วยใบหน้าเธอที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ“คุณผู้หญิง เป็นอะไรไหมครับ?”นอกจากพวกเขาแล้ว บอดี้การ์ดของเธอถามอย่างระมัดระวังด้วยควา
“คุณปู่เซินเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ สิ่งที่เขาสัญญาไว้ เขาจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันไม่คิดว่าเขาทำอะไรผิด”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยิง เสี่ยวเซียวก็ไม่มีความสุข “ซอง อันยี เขาใช้เงินของเขาดูถูกแกนะ ทำไมแกยังพูดแทนเขาอยู่”"ที่จริงแล้ว..." ซอง อันยีคิดอยู่ซักพัก “ฉันเชื่อว่าที่ ซู เหวินจิงทำ อาจไม่ได้รับคำสั่งจากปู่เซิน”“ไม่ได้รับคำสั่งจากเขา แกหมายความว่าผู้หญิงคนนั้นทำด้วยตัวเองเหรอ?”ซอง อันยีกางมือของเธอออก "อาจจะ"คำตอบที่ไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้ หยิง เสี่ยวเซียวกลอกตา “ซอง อันยีโปรดอย่าไร้เดียงสาอีกนะ ไม่ว่ามันจะเป็นความคิดของผู้หญิง หรือความคิดของปู่เซิน แกต้องจำไว้ว่าแกไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเซิน”เสี่ยวเซียวไม่ผิด เธอไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเซินจริง ๆ และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตซู เหวินจิงเตือนเธอว่าถ้าเธอไม่รับเช็ค และทิ้งโมเฟยไว้ พ่อแม่ของเธอจะมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซอง อันยีรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่า ซู เหวินจิงแค่ขู่หรือไม่ หรือถ้าเธอตั้งใจจะทำร้ายพ่อแม่ของเธอจริง ๆ...ซู เหวินจิงกลับไปที่ครอบครัวเซิน ด้วยความโกรธและเห็นว
"แล้วเธอฉีกเช็คเหรอ?" ลู เซียวเหยาวางถ้วยกาแฟของเขาลงบนโต๊ะ ขณะที่จ้อง หยิง เสี่ยวเซียวที่นั่งตรงข้ามเขาด้วยความประหลาดใจหยิง เสี่ยวเซียวพยักหน้า “แน่นอน ฉันจะเก็บไว้ทำไมล่ะ?”ลู เซียวเหยาลูบจมูกของตัวเองเล็กน้อย “น่าเสียดาย นั่นล้านดอลลาร์เลยนะ”“น่าเสียดาย?”หยิง เสี่ยวเซียวเลิกคิ้ว และถามว่า "ลู เซียวเหยาทำไมนายเสียดายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์?"“ในเมื่อเธอเต็มใจเอาให้ มันก็ไม่ควรปฏิเสธ เราจะปฏิเสธเงินฟรีได้ยังไง” ลู เซียวเหยาคิดว่าการรับเช็คมาแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปจากโมเฟย ใครจะกล้าปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลนี้กันล่ะ?“ลู เซียวเหยา!” หยิง เสี่ยวเซียวโยนหมอนข้างไปที่เขา แและก็บ่นไปว่า "อันยีเป็นผู้หญิงที่มีอุดมการณ์"ลู เซียวเหยาจับหมอนข้างที่เธอโยนมาได้อย่างง่ายดาย และยิ้มออกมา “ฉันแค่พูดเล่นเอง ไม่เห็นต้องอาละวาดเลย”หยิง เสี่ยวเซียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหรี่ตาลง “ลู เซียวเหยาถ้าพ่อของฉันขอให้นายไปจากฉันแลกกับเงินล้านเหรียญ นายคงไม่ไปหรอกใช่ไหม?”“ฉันก็เป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน” ลู เซียวเหยานั่งตัวตรง และจ้องที่เธอด้วยท่าทางเคร่งขรึมหยิง เสี่ยวเซียวกลอกตา "นายควรเป็น
ลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอกำลังทำลายบรรยากาศ เขาประทับใจนะที่เธอคิดได้ไปไกลขนาดนั้นหยิง เสี่ยวเซียวรู้ว่าตัวเองกำลังไร้สาระ แต่เธอไม่สามารถห้ามตัวเองได้ เธอต้องการเหตุผล “ก็ทำไมจู่ ๆ นายถึงชมฉันล่ะ? ที่ผ่านมานายเอาแต่ว่าให้ฉันนี่นา?”ในอดีตเขาเคยเรียกเธอว่ายัยแม่มดลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ แต่เขาก็ยังอธิบายต่อไปว่า “ก็ตอนนั้นเธอเป็นแฟนของฉันรึยังล่ะ? ก็ไม่ มันเลยเป็นเรื่องปกติที่ตอนนั้นเราจะหยอกล้อกัน เพราะเราไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอเป็นแฟนของฉันแล้ว มันก็ต้องเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะชมเธอน่ะสิ"เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงใจของเขา หยิง เสี่ยวเซียวรู้สึกว่าเธอคิดมากเกินไป มุมปากของเธอกระตุกด้วยความเขินอาย ขณะที่เธอตอบกลับไปว่า “อย่างนี้นี่เอง ฉันคงเข้าใจนายผิดไป”“จะพูดแค่นี้เองเหรอ” ลู เซียวเหยาเลิกคิ้ว ขณะที่มองเธอด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย“จะเอาอะไรอีกล่ะ” “นายอยากให้ฉันขอโทษเหรอ?”ลู เซียวเหยากอดเธอ และก้มหน้าลงไปจูบเธอเมื่อริมฝีปากของพวกเขากำลังจะประกบกัน เสียงกริ่งประตูก็ทำให้พวกเขาตกใจ"ใครมา?" หยิง เสี่ยวเซียวขมวดคิ้ว ขณะที่เธอมองไปยังประตูลู
"พี่เสี่ยวเซียวคะ" ซู ซินเล่ยเรียกเธออย่างแผ่วเบาหยิง เสี่ยวเซียวยิ้มเยาะ "เธอยังคิดว่าฉันเป็นพี่สาวของเธออยู่อีกเหรอ?"เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเธอ ใบหน้าของ ซู ซินเล่ยก็ซีดเซียว เธอก้มหน้าลง และกล่าวขอโทษ “หนูขอโทษค่ะ พี่เสี่ยวเซียว”“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ แค่อยู่ห่างจากเซียวเหยาก็พอ”สำหรับหยิง เสี่ยวเซียว เธอไม่สนใจว่า ซู ซินเล่ยเคยส่งรูปถ่ายเหล่านั้นมาก่อนหรือไม่ เธอสนใจเพียงว่าเธอคนนี้เข้าหาเซียวเหยาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ในฐานะที่เป็นศัตรูกันแล้ว เธอต้องทำลายเธอให้สิ้นซากไม่ให้เหลือแม้แต่อะไรเลย โดยไม่มีแม้แต่เมตตาดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปจับแขนของลู เซียวเหยา และพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเธอ “ฉันเป็นแฟนของเซียวเหยา เพราะงั้นฉันเลยไม่เคยเห็นค่าของผู้หญิงที่ต้องการมายุ่งกับเขา ซินเล่ยฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจนะว่า ฉันหมายถึงอะไร”ซู ซินเล่ยกำมือของเธอแน่น ขณะที่เธอก้มหน้าลงเพื่อตอบว่า "เข้าใจแล้ว"“งั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องเชิญเธอเข้ามาข้างในนะ”เมื่อได้ยินดังนั้น ซู ซินเล่ยก็ถอยออกไปนอกประตู และในวินาทีถัดมา ประตูก็ถูกปิดดัง ๆ ต่อหน้าเธอซู ซินเล่ยเงยหน้าขึ้น ขณะที่เธอจ
ทัง โรลชูวประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้รับสาย เธอไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ แต่เธอจำได้ว่าตระกูลลูเคยสืบประวัติเธอมาก่อน เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยมีวิธีติดที่จะต่อหาเธอเมื่อเธอรับสาย เสียงของ หลิน เสวียจีก็มาจากปลายอีกด้าน ด้วยเสียงที่สงบและเยือกเย็น เธอพูดว่า "คุณทัง ฉันเอง แม่ของชินจิน"หลังจากแนะนำตัวแล้ว ทัง โรลชูวก็เลิกคิ้วขึ้น และถามออกไปอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ คุณโทรหาฉันทำไมเหรอคะ?”“เธอว่างอยู่ไหม คุณทัง ฉันต้องการคุยกับเธอ”"คุย? ฉันคิดว่ามันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ตอนนี้ค่ะ"“เราจะคุยกันได้ยังไงในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ในขณะที่ฉันอยู่ที่กรุงเทพ”"ฉันอยู่กรุงเทพ"ทัง โรลชูวพูดไม่ออกตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะสามารถหนีที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่มีปัญหามา เธอต้องจัดการกับมันมาตลอดหลังจากยืนยันเวลาและสถานที่กับ หลิน เสวียจีแล้ว ทัง โรลชูวก็ขอหลี่ น่า เพื่อลางาน ก่อนขับรถไปยังสถานที่นัดหมายเมื่อเธอเข้าไปในร้านกาแฟ ทัง โรลชูวก็เห็น หลิน เสวียจีกำลังนั่งรอเธอที่ริมหน้าต่างเธอเดินเข้าไปและเรียกอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ”หลิน เสวียจี