เธอว่าแผนเดินเข้ามาหาเราตรง ๆ ทว่ารอยยิ้มหวานบนใบหน้าของเธอนั่นดีเป็นมิตรราวกับไม่ใช่คนร้ายกาจแต่อย่างใด“ซู เหวินจิง ฉันคิดว่าเราไม่ได้สนิทกันจนต้องเดินเข้ามาทักทายกันหรอกนะ” หยิง เสี่ยวเซียวค่อนแคะ ด้วยสายตาไม่พอใจความอับอายฉายวาบบนใบหน้าสวยของหล่อน ก่อนที่ ซู เหวินจิงจะยิ้มเอียงอาย “เราก็ไม่ได้สนิทกันจริง ๆ นั่นแหละ”ตอนที่เห็น ซู เหวินจิงเดินอยู่กับเซิน โมเฟย จิตใจของซอง อันยีสั่นไหวด้วยความกลัว แต่เพราะไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วง เธอจึงทำทีนิ่งสงบราวกับไม่รู้สึกอะไรมือบางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ทั้งยังไม่มองไปทางหญิงสาวผู้มาใหม่แต่เพื่อนสนิทอย่าง ทัง โรลชูวย่อมอ่านความคิดของเพื่อนตัวเองออก อันยีกำลังเจ็บปวด แต่แสร้งทำเป็นไหวมุมปากของโรลชูวกระตุกยิ้ม พลางแกล้งถามซู เหวินจิง “คุณซู เซิน โมเฟยกลับไปแล้วเหรอคะ? แล้วเขาไปไหนต่อเหรอ?”“ใช่ค่ะ เขากลับไปแล้ว” เหวินจิงยิ้มตอบ “ฉันขอให้เขาออกมาเดินซื้อของด้วยกัน แต่ผู้ชายตัวโตอย่างเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ เลยขอกลับบ้านไปก่อน”ซู เหวินจิงพูดไปตอบไปพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงอยู่บนหน้า ทำให้เธอดูอ่อนหวาน“อ๋อ แสดงว่าเขากลับไปแล้วสินะ?” ทัง
“ชูวชูว…”โรลชูวหันกลับไปหาหยิง เสี่ยวเซียว ที่เรียกเธอเมื่อครู่ เพื่อนรักเอนตัวเข้ามากระซิบใกล้ “ฉันคิดว่ายัยนี่โกหก หล่อนต้องวางแผนอะไรอยู่แน่ ๆ”คิ้งเรียวเลิกขึ้นข้างหนึ่ง แล้วเบนสายตากลับไปยังเหวินจิงที่ยังทำหน้าตาจริงจังยืนยันคำพูดของตนริมฝีปากบางเม้มแน่น พลางเหลือบมองอันยีอีกครั้ง พลันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวไม่นานโรลชูวก็หันกลับไปมอง ซู เหวินจิงที่ยังคงใบหน้ายิ้มไว้แบบเดิม พร้อมริมฝีปากที่ยกยิ้มเล็กน้อย “คุณซู นี่คือสิ่งที่คุณอยากบอกเราทั้งหมดใช่ไหมคะ?”เหวินจิงนั่งตัวตรง “ใช่ค่ะ”โรลยิ้มยิ้มตอบแล้วเอ่ยอย่างสุภาพ “พอดีว่าเราสามคนมีเรื่องที่ต้องปรึกษากันนิด จะเป็นไปได้ไหมคะ ที่คุณพอจะให้เวลาส่วนตัวกับเราได้คุยกันแค่สามคน?” โรลชูวกำลังเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายกลาย ๆ ซึ่งคนถูกไล่ก็ยิ้มอ่อน “ได้สิค่ะ เชิญคุณสามคนคุยกันต่อเลยค่ะ ไว้ครั้งหน้าค่อยหาโอกาสทาคุยกันใหม่นะคะ”พูดจบร่างบางของเธอก็โค้งตัวลงให้สามสาว และหมุนตัวเดินออกไปทันที เมื่อออกจากร้านกาแฟมาได้สักพัก ใบหน้าสวยที่เคยยิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ คล้อยหลังร่างเพรียวของซู เหวินจิง, ทัง โรลชูวก็หันมามอ
ไม่กี่วินาทีต่อมา ผลของการค้นหาเกี่ยวกับข่าวของหนิง เฉียวเฉียว ก็โผล่ขึ้นเต็มหน้าจอสี่เหลี่ยมโรลชูวกดเข้าไปอ่านหัวข้อข่าวและเนื้อหาด้านในอย่างละเอียด สรุปที่จำความได้ก็มีเพียงดาราสาวหายตัวไปขณะเดินทางกลับเมืองเป่ยหนิงเท่านั้น ยังไม่มีความคืบหน้าอันใดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ“พี่โรลชูว พี่คิดว่าเธอจะหายไปแบบไม่มีสาเหตุเหรอพี่?” เสี่ยวซูที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยถามใบหน้าสวยส่ายปฏิเสธ ร่างบางเอนกายพิงเก้าอี้หนังขบกัดเล็บนิ้วโป้งอย่างใช้ความคิด ราวกลับว่าลึก ๆ แล้ว โรลชูวจะมีคำตอบของเรื่องนี้อยู่ในใจ “พี่โรลชูว…” เด็กน้อยเรียกชื่อเธออีกครั้ง เมื่อเห็นผู้เป็นพี่สาวจมอยู่ในความคิดนานเกินไปโรลชูวสะดุ้งตกใจหันไปยิ้มให้คนเรียก “มีอะไรเหรอ?”ตาเรียวของเด็กชายลอกแลกซ้ายขวา ก่อนจะขยับเข้าไปกระซิบเสียงเบา “พี่โรลชูว หรือว่ามีใครลักพาตัวหนิง เฉียวเฉียวไป?”หญิงสาวกระพริบตาปริบ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”เสี่ยวซูนิ่งคิดไปพักหนึ่ง พลันเอ่ย “ก็ถ้าไม่ใช่การลักพาตัว เธอจะหายไปเฉย ๆ แบบนั้นได้ยังไงละครับ?”“หึ หึ อาจจะเป็นสิ่งลี้ลับก็เป็นได้นะ” โรลชูวตอบติดตลก“สิ่งลี้ลับเหรอ?” เสี่ยวซูขมวดคิ้ว “ยังงั้น
“แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีส่วนผิดหรอกนะ”นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ จี ยินเฟงจะวางสาย และโรลชูวเองก็กดวางสายเช่นกัน เพราะไม่ต้องการต่อความยาวอะไรอีกความจริงแล้ว ตอนที่ได้ยินว่า หนิง เฉียวเฉียวหายตัวไป ความคิดแรกที่แวบเข้ามาให้หัวก็คือเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับ กู โรลโรลเป็นแน่ และตอนนี้เธอก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆ และมันหมายความว่า กู โรลโรลลักพาตัวหนิง เฉียวเฉียว แล้วโยนความผิดทั้งหมดให้เธอ เพื่อให้ จี ยินเฟงกับตระกูลของเขาเพ่งเล็งมาที่เธอด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวสินะ กู โรลโรลแต่ดูเหมือนว่า กู โรลโรลจะคำนวณพลาดไปนิด ทัง โรลชูวไม่ใช่คนโง่ คิดว่าเธอจะมองละครปาหี่นี่ไม่ออกเหรอ?ถ้าให้พูดตรง ๆ การหายตัวไปของหนิง เฉียวเฉียว แทบจะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของโรลชูวเลยสักนิด แต่พอมารู้ว่าตัวบงการเป็นกู โรลโรล จะไม่ให้ยุ่งคงไม่ได้เสียแล้วโรลชูวถอยหายใจเหนื่อยหน่าย ว่าง ๆ คงต้องไปบอกหลวงพ่อที่วัดพรมน้ำมนต์ไล่ผีออกให้บ้างแล้วล่ะ…พอตกเย็น ในระหว่างที่ ทัง โรลชูวกำลังทานข้าวเย็นกับลู ชินจิน ป้าวูก็วิ่งพุ่งเข้ามาในห้องทานข้าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“นายน้อย นาย
ซู เหมิงเลิกคิ้วสงสัยนิดหน่อยพลันเอ่ย “เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน”ไม่นานกลุ่มนายตำรวจนับสิบก็รีบกุลีกุจอออกไปจากที่พักของสองสามีภรรยาทันควัน ห้องหรูกว้างกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้งราวกับเรื่องก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นโรลชูวเริ่มนึกถึงข้อความของพ่อชินจินที่นายตำรวจพูดไว้อีกครั้ง คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากับอย่างใช้ความคิด จนในที่สุดก็เอ่ยถาม “ชินจิน เป็นไปได้ไหมว่า พ่อของคุณจะมีเอี่ยวกับเรื่องการหายตัวไปของหนิง เฉียวเฉียว?”ลู ชินจินหันกลับไปมองคนรักด้วยสายตาเรียบนิ่ง “มันไม่เกี่ยวกับเขา” ไม่เกี่ยวเหรอ? โรลชูวขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ถ้าไม่เกี่ยว ทำไมหัวหน้าชุดสืบสวนเมื่อครู่ถึงเป็นคนของพ่อคุณล่ะ?“เขาแค่ฉวยโอกาสนี้เตือนผมเท่านี้” เสียงทุ่มเอ่ยต่อเตือนเหรอ?พริบตา ทัง โรลชูวก็เข้าใจได้ทันที “หรือว่า ท่านกำลังวางแผนกำจัดฉันทางอ้อมใช่ไหม?”ชินจินพยักหน้าตอบ “ใช่ ไม่ว่าตัวการลักพาตัวหนิง เฉียวเฉียว จะเป็นใคร เขาจะพยายามโยงเรื่องทั้งหมดมาที่คุณ และปล่อยให้คนบริสุทธิ์อย่างคุณต้องดิ้นรนกับปัญหาที่เกิดขึ้น”ร่างบางชะงักไปทันที “ท่านหลอกใช้ตำรวจด้วยเหรอ?”พอได้ยินคำถาม ลู ช
เมื่อตะวันตกดินบ่งบอกเวลาเลิกงาน ทัง โรลชูวก็ได้รับข้อความจากเบอร์แปลกด้านในเขียนเพียงที่อยู่ของสถานที่แห่งหนึ่งเท่านั้นส่วนตัวคิดว่าคงมีคนส่งผิด มือเรียวจึงกดลบโดยไม่ใส่ใจทว่าไม่นาน ก็มีข้อความใหม่เข้ามาอีกครั้งนี้ผู้ส่งยอมเปิดเผยข้อมูลของตนออกมาให้เธอรู้ “ทัง โรลชูว ฉันกู โรลโรล ฉันต้องการคุยกับเธอ ฉันส่งที่อยู่ไปให้แล้ว”อะไรนะ กู โรลโรล?คิ้วเรียวพันกันวุ่น พร้อมลางสังหรณ์ที่บอกว่าหากจู่ ๆ กู โรลโรลต้องการคุยกับเธอขึ้นมา นั่นย่อมเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอนเธอจึงตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ว่าง”พอโรลชูวกดส่งกลับไปอย่างนั้น ดาราสาวก็ไม่ได้ส่งข้อความอื่นมารบกวนเธออีกหลังจากนั้น ทัง โรลชูวก็ตัดสินใจขับรถกลับบ้าน แต่ขณะที่รถหรูเคลื่อนตัวไปอย่างราบรื่น กู โรลโรลก็ส่งข้อความมาอีกครั้งมือบางละจากพวกมาลัยข้างหนึ่งมาเปิดอ่านข้อความ พลางเหลือบมองถนนด้านหน้าไปด้วย “ทีมแพทย์ที่อเมริกาพัฒนาตัวยาสำหรับรักษาอาการของพ่อได้แล้ว ถ้าเธออยากได้ ก็มาหาฉันสิ”โรลชูวไม่เชื่อในสิ่งที่อ่าน หากแต่ความหวังเพียงน้อยนิดในใจลึก ๆ ก็ไม่เคยดับสนิทได้เลย พ่อของเธออยู่ในภาวะโคม่ามานานมากแล้ว แม้แต่โรงพยาบาลที่พ
ส่วนตัวเขาคิดว่า ควรจะหยุดเธอก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้หลี่ วูนิ่งคิดพักหนึ่ง ก่อนเอ่ย “คุณโรลโรล ผมรู้ว่าคุณเกลียดหนิง เฉียวเฉียว และอยากฆ่าเธอมาก แต่ถ้าเรื่องนี้บานปลายจนถึงขั้นอาชญากรรม คุณจะถูกจับนะครับ นึกถึงคุณพ่อของคุณบ้าง คุณเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านนะครับ” ฟังจบกู โรลโรลก็หรี่ตามองไม่ชอบใจ “หลี่ วู พ่อฉันสั่งให้นายคอยดูแลฉัน ไม่ใช่มาสอนฉัน ฉันไม่ต้องการความเห็นของนายในสิ่งที่ฉันตัดสินใจแล้ว”“คุณโรลโรล…”หลี่ วูต้องการจะเอ่ยต่อ ทว่าเสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะเสียก่อนเขาเห็น กู โรลโรลกดรับสายพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายที่แผ่ออกมา “ดูเหมือนว่าปลาใหญ่จะติดเบ็ดเข้าซะแล้วสิ”…ทัง โรลชูวขับรถตามที่อยู่ของกู โรลโรลมา จนมาถึงคฤหาสน์หลังเก่าที่อยู่ชานเมืองร่างบางยืนสำรวจหน้าคฤหาสน์และบริเวณโดยรอบอย่างขบคิด หากไม่มีแสงไฟสาดส่องออกมา เธอคงคิดว่านี่เป็นคฤหาสน์ร้างที่ถูกทิ้งไว้แน่ ๆ เธอโทรบอก กู โรลโรลว่าตัวเองมาถึงแล้วไม่นานประตูบานหนาก็ถูกเปิดออกจากด้านใน กู โรลโรลเดินออกมาด้วยท่าทีนิ่งเฉย“ทัง โรลชูว เธอมาจริง ๆ ด้วย?” พลันท่าทีนั้นก็เปลี่ยนเป็นตกใจอย่างรวดเร็ว
ชิบหายแล้ว!ใจดวงน้อยของโรลชูวสั่นคลอน ดูท่าแล้วครั้งนี้กลายเป็นเธอสินะที่โดนหลอก“เธอมาถึงนี่ทั้งที จะให้ปล่อยไปง่าย ๆ ก็กะไรอยู่นะ?” รอยยิ้มร้ายกาจปรากฎบนใบหน้าของกู โรลโรล สองมือของหล่อนปรบมือสองครั้งเชิงเรียกพลันเสียงฝีเท้ามากมายก็พุ่งเข้ามาหาทัง โรลชูว ร่างเล็กหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นชายชุดดำสามสี่คนยืนขวางทางหนีอยู่กะขังไม่ให้หนีเลยสินะโรลชูวสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสะกดความวิตกกังวลและเรียกสติ ใบหน้าสวยหันไปยิ้มให้ดาราสาวอีกครั้ง“กู โรลโรล คิดว่าไม่มีใครรู้เหรอ ว่าฉันมาที่นี่?”“รู้หรือไม่รู้ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”กู โรลโรลแสยะยิ้ม พลันสั่งการลูกน้อง “เอาตัวมันเข้าไป”พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ พร้อมชายชุดดำที่กำลังพาตัวเหยื่อของตนเข้าไปด้านในโรลชูวเหลือบมองกลุ่มชายฉกรรจ์อยู่ครู่หนึ่ง แขนเรียวยื่นออกไปให้คนพวกนั้นจับกุมโดยไม่ขัดขืนก่อนมาที่นี่ ทัง โรลชูวบอกที่อยู่ของคฤหาสน์ให้ลู ชินจินไว้แล้ว และถ้าตามนิสัยของชินจิน ตอนนี้แฟนหนุ่มของเธอคงกำลังเร่งรีบตามมาเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยกังวลมากนักหากกู โรลโรลจะทำอะไรตัวเองทว่าเธอกลัว ว่าสิ่งที่คิดมันจะไม่ได้