ชิบหายแล้ว!ใจดวงน้อยของโรลชูวสั่นคลอน ดูท่าแล้วครั้งนี้กลายเป็นเธอสินะที่โดนหลอก“เธอมาถึงนี่ทั้งที จะให้ปล่อยไปง่าย ๆ ก็กะไรอยู่นะ?” รอยยิ้มร้ายกาจปรากฎบนใบหน้าของกู โรลโรล สองมือของหล่อนปรบมือสองครั้งเชิงเรียกพลันเสียงฝีเท้ามากมายก็พุ่งเข้ามาหาทัง โรลชูว ร่างเล็กหันกลับไปมอง ก่อนจะเห็นชายชุดดำสามสี่คนยืนขวางทางหนีอยู่กะขังไม่ให้หนีเลยสินะโรลชูวสูดหายใจเข้าลึกเพื่อสะกดความวิตกกังวลและเรียกสติ ใบหน้าสวยหันไปยิ้มให้ดาราสาวอีกครั้ง“กู โรลโรล คิดว่าไม่มีใครรู้เหรอ ว่าฉันมาที่นี่?”“รู้หรือไม่รู้ ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”กู โรลโรลแสยะยิ้ม พลันสั่งการลูกน้อง “เอาตัวมันเข้าไป”พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ พร้อมชายชุดดำที่กำลังพาตัวเหยื่อของตนเข้าไปด้านในโรลชูวเหลือบมองกลุ่มชายฉกรรจ์อยู่ครู่หนึ่ง แขนเรียวยื่นออกไปให้คนพวกนั้นจับกุมโดยไม่ขัดขืนก่อนมาที่นี่ ทัง โรลชูวบอกที่อยู่ของคฤหาสน์ให้ลู ชินจินไว้แล้ว และถ้าตามนิสัยของชินจิน ตอนนี้แฟนหนุ่มของเธอคงกำลังเร่งรีบตามมาเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยกังวลมากนักหากกู โรลโรลจะทำอะไรตัวเองทว่าเธอกลัว ว่าสิ่งที่คิดมันจะไม่ได้
โรลชูวหัวเราะหึ “แล้วยังไง เธอจะทำแบบนั้นกับฉันเหรอ?”กู โรลโรลคงเรียกเธอมาที่นี่เพื่อแก้แค้นเป็นแน่“เธอกลัวหรือไง?” โรลโรลเอ่ยถามทัง โรลชูวยิ้มตอบ “ก็ต้องกลัวสิ”แต่เห็นสภาพน่าเวทนาของหนิง เฉียวเฉียว ทั้งร่างก็สั่นกลัวความเจ็บปวดขึ้นมา พร้อมความรู้สึกกังวลกู โรลโรลปล่อยมือจากหนิง เฉียวเฉียว แล้วเดินไปหาทัง โรลชูวแทนเมื่อสองร่างประจัน ริมฝีปากสวยก็เผยรอยยิ้มร้ายกาจ “อันที่จริง เธอไม่จำเป็นต้องกลัวหรอกนะ ฉันไม่ทำกับเธอเหมือนหนิง เฉียวเฉียว หรอก เพราะยังไงเธอก็เป็นน้องสาวของฉัน” กู โรลโรลพูดพลางยกมือลูบไล้แก้มของทัง โรลชูว แผ่วเบา ทว่าคนถูกลูบกลับหันหน้าไปอีกด้านเพื่อเมินสัมผัสนั่นรอยยิ้มร้ายกดลึกกว่าเดิม “ถ้าเธอช่วยฉันฆ่าหนิง เฉียวเฉียว ฉันจะปล่อยเธอไป”ฆ่าหนิง เฉียวเฉียว อย่างนั้นเหรอ?ทัง โรลชูวเบิกตากว้าง ราวกับไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะบังคับให้เธอทำอะไรแบบนั้นเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยตอบ “เธอพูดผิดคนแล้วล่ะ ฉันไม่ฟังคำสั่งของเธอหรอก”“โอ้?” กู โรลโรลเลิกคิ้ว “งั้นถ้าไม่ฆ่าหล่อน เธอก็จะเป็นแบบนั้น เธอกลัวไหมล่ะ?”นี่มันขู่กันชัด ๆ โรลชูวบีบมือตัวเองแน่นพลันยิ้มตอ
ขณะที่ กู โรลโรลจับและพยายามที่จะจิ้มคมมีดลงในตัวของ หนิง เฉียวเฉียว หล่อนงอข้อศอกและกระทุ้งไปที่ท้องของ กู โรลโรล ผู้มาทีหลังงอตัวด้วยความเจ็บปวดและปล่อยมือของหล่อนจากมือของทัง โรลชูวทันใดนั้นเอง ทัง โรลชูวสะบัดมือออกและหันหลังไป ชี้ไปที่มีดที่ กู โรลโรลถืออยู่ “กูโรล โรล เธอยังมีเศษเสี้ยวของความเป็นคนหลงเหลืออยู่หรือเปล่า?” หล่อนตะโกน“ฮ่าฮ่าฮ่า…” กู โรลโรลเงยหน้าขึ้นและหัวเราะขณะที่หล่อนจ้องไปที่ ทัง โรลชูวราวกับว่าหล่อนกำลังมองดูคนโง่ แววตาของหล่อนไม่เหมือนกับคนธรรมดาอีกต่อไป “ความเป็นคนงั้นเหรอ? อะไรคือความเป็นคน? ฉันไม่รู้จัก! ทำไมแกไม่บอกฉันสักหน่อยล่ะ?”ขณะที่หล่อนพูด หล่อนเดินเข้ามาหาทัง โรวชูวทัง โรลชูวถอยหลัง ขณะที่เธอมองไปที่ท่าทีที่บ้าคลั่งของ กู โรลโรล มือของเธอสั่นขณะที่ถือมีด ดังนั้น เธอยกมืออีกข้างและถือด้ามจับอย่างแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เธอพยายามที่จะคงความใจเย็นต่อกู โรลโรล ขณะที่ตะโกนว่า “กู โรลโรล อย่าเข้ามานะ! คมมีดนั้นมืดบอด อย่าบังคับให้ฉันต้องทำร้ายเธอนะ”แต่แล้ว กู โรลโรลก็ไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ หล่อนชี้ไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างเย่อหยิ่งและตะโกนว่า “เข้าม
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เขารีบเข้ามา และเห็นร่างบางขดตัวในมุมห้อง ใจของเขาเจ็บปวด และทั่วร่างของเขากรีดร้องด้วยความเสียใจเขาเดินเข้าไปและกระซิบว่า “ชูวชูว”หลังจากที่ได้ยินเสียงของเขา ทัง โรวชูวตัวสั่นและเงยหน้าขึ้นในทันที ทันทีที่เธอเห็นเขา น้ำตาที่เธอทนกลั้นเอาไว้มาตลอดได้พร่างพรูออกมาเธอกระโจนโอบกอดเขาและร้องไห้ “ชินจิน คุณอยู่นี่ ในที่สุดคุณก็อยู่ที่นี่แล้ว!”ลู ชินจินกอดเธอแน่นด้วยแขนของเขา ขณะที่ลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยนและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ใช่ ผมอยู่นี่แล้ว”หนิง เฉียวเฉียวถูกพาส่งโรงพยาบาล และขณะที่เธอปลอดภัย ใบหน้าของเธอกลับพังยับเยินในขณะเดียวกัน กู โรลโรลถูกจับกุมโนตำรวจในข้อหาลักพาตัว ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา และสิ่งที่รอเธออยู่คือค้อนแห่งความยุติธรรมทัง โรวชูวที่ครั้งหนึ่งได้หนีจากความตายเพราะการเน้นไปที่การป้องกันก่อน เธอถูกทำให้แน่ใจว่ามีบอดี้การ์ดคอยดูแลเธอไปทุกที่เหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้หยิง เสี่ยวเซียว ล้อเธอ บอกว่ามันปลอดภัยกว่าจริง ๆ ถ้าอยู่กับเธอหลังจากประสบการณ์ของเธอ ทัง โรลชูวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กู โรลโรลที่อยากจะหวนคืนสู่วงการบันเทิงแต่แรกด้วยความฝั
เซิน โมเฟยช่วยซอง อันยี ออกจากโรงพยาบาล และรอบยิ้มที่แสนรื่นเริงแผ่ไปทั่วใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาภายใต้แสงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ หมอได้บอกพวกเขาตัวชี้วัดทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเด็กนั้นปกติดี แต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ยังคงต้องการการดูแลเอาใจใส่เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นเซิน โมเฟย รู้ว่าความรื่นเริงของการเป็นพอคงจะถูกแทนที่ด้วยความกังวลเขาคิดถึงการให้การดูแลอันยีอย่างดีที่สุดและป้องกันเธอจากความหักโหม ดังนั้นเขาอยากจะพาเธอไปและไม่ปล่อยให้เธอเดินอย่างไรก็ตาม อันยีปฏิเสธออกไปด้วยความเขินอาย เธอบอกเขาไม่ให้กังวลเกินไป และการเดินนั่นไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ กับเด็กเซิน โมเฟยรู้ว่าเขากำลังทำตัวปกป้องมากเกินไป แต่เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะช่วยอันยีโดยการพาเธอออกจากโรงพยาบาลอย่างระมัดระวังซอง อันยีรู้สึกช่วยไม่ได้ และเธอคงพอจินตนาการถึงความกังวลที่แสนเวอร์วังไปอีกหลายเดือนข้างหน้าของเขาได้ช่วงเวลาที่พวกเขาขึ้นรถ เซิน โมเฟยช่วยเธอรัดเข็มขัดก่อนที่เขาจะจูบริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยนและพูดว่า “อันยี กลับบ้านและเอาทะเบียนบ้านของเรากันเถอะ ไปจดทะเบียนสมรสกัน”ซอง อันยีถอยไปครู่หนึ่ง “เราไม่รีบไปหน่อยเหรอ?”
ขณะที่เขาพูด เขายื่นมือมาและตบไปที่ไหล่ของเธอ “เหวินจิง พี่เชื่อว่าเธอทำได้”หลังจากที่เขากล่าวนั้น เขาเดินผ่านเธอไปและลงไปยังชั้นล่างโดยไม่หยุดฝีเท้าโดยเร็วของเขาบ่งบอกให้กับเธอว่าเขาอารมณ์ดีมากแค่ไหนเป็นเพราะว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนที่รักงั้นเหรอ?ซู เหวินจิงกำหมัดแน่นเล็กของเธอจมลงไปในฝ่ามือโดยที่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยซอง อันยีตั้งครรภ์...หญิงที่ได้ฉุดพี่สามของเธอไปได้ตั้งครรภ์เธอหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาออกมาจากตาของเธอ สำหรับพวกเขาแล้วการพูดจาถากถาง เมื่อรู้ถึงการมีตัวตนของเธอ พวกเขาจะรู้สึกได้จริง ๆ ว่าเด็กกำพร้าคนหนึ่งได้ถูกรังแกอยู่แบบนั้นงั้นเหรอ?เธอคงไม่ปล่อยพวกเขามีทางแน่เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะหันหลังละวิ่งลงไปชั้นล่างปู่เฉินที่โกรธหลานชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เข้ามาและจากไปอย่างกะทันหัน ช่วงเวลาที่เขาเห็นซู เหวินจิง ลงมาที่ชั้นล่าง เขาถามในทันทีว่า “เหวินจิง ไอ้เหลือขอนั่นรีบไปทำอะไร?”ซู เหวินจิงก้มหัวลง ขณะที่เดินตรงไปหาเข้าโดยไม่พูดอะไรปู่เฉินขมวดคิ้ว “เหวินจิง ทำไมเธอถึงไม่พูด?”ในตอนนั้น ซู เหวินจิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขาทั้งน้ำต
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง ลุงซองก็พูดขึ้นในท้ายที่สุด“โมเฟย อันยียังคงเด็กนัก”เซิน โมเฟยเข้าใจในทันทีกับคำพูดของลุงซองว่าหมายว่าอะไร ลุงซองไม่เต็มใจที่จะมอบลูกสาวของเขาไปดังนั้น เขาจึงตบหน้าอกตัวเองเพื่อให้เขาวางใจ “คุณลุงครับ คุณวางใจกับผมได้ว่าผมจะดูแลอันยีเป็นอย่างดีไปตลอดชีวิตของเรา”“ทุกคนรู้ว่าควรพูดวิ่งที่ดีกันอย่างไร” ลุงซองมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ฮัน อี้เฉินได้พูดแบบนั้นมาก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยังทำร้ายอันยี การไว้วางใจตั้งมากมายไม่มีค่าอะไรเลย”เซิน โมเฟยพูดไม่ออกลุงซองถอนหายใจและพูดต่อว่า “เวลายังคงดำเนินต่อไป ฉันยังจำได้ย้อนกลับไปตอนที่อันยีเกิดมา เธอตัวเล็กกะจ้อยร่อยและตอนนี้ เธอกำลังจะเป็นแม่คนหนึ่ง การเป็นพ่อคนหนึ่ง ฉันจึงไม่เต็มใจที่จะปล่อยเธอไป”น้ำเสียงของลุงซองเต็มไปด้วยความกล้ำกลืน และรักในตัวลูกสาวของเขาเซิน โมเฟยขยับตัว และพูดพลางกระซิบว่า “คุณลุงครับ ผมจะรักอันยีเท่าที่คุณรักเธอ และผมจะไม่ปล่อยให้เธอถูกทำร้าย”ท่าทีที่จริงใจของเขาทำให้ลุงซองหัวเราะ “โมเฟย ลุงเชื่อว่าเธอทำได้อย่างที่พูด เพราะงั้น…”เขาหยุดไปชั่วครู่ “ความปรารถนาที
เธอมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่เขา ขณะที่เขาฟังเสียงในสาย แต่เขาไม่พูดสักคำ เธอไม่รู้เลยว่ามันถูกพูดว่าอะไรจากปลายสาย แต่ท่าทีจากสีหน้าของเขาดูหวาดกลัว อัตราการเต้นของหัวใจของเธอสูงขึ้นอย่างช้า ๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเซิน โมเฟยวางสายและลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาหาซอง อันยีและพูดว่า “ปู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล”ซอง อันยีผงะ “มันเกิดขึ้นได้ไงคะ?”“เขาเล่าว่า ปู่หมดสติไปจากความโกรธหลังจากที่เขาได้ยินว่าผมจะแต่งงาน”“อะไรนะ? เป็นไปได้ไง?” ซอง อันยีเริ่มกังวล ถ้าคนแก่หมดสติด้วยความโกรธเพราะพวกเขาและเกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอคงอยู่อย่างไม่สงบไปชั่วชีวิตเซิน โมเฟยใจลอยในตอนนี้ เขาต้องการที่จะแต่งงาน ดังนั้นเขาจึงใส่ใจกับความรู้สึกของตระกูลของเขา แต่ก่อนหน้านี้ พี่ใหญ่ด่าเขาทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน เขายังกล่าวอีกว่าสถานการณ์ของปู่ไม่ค่อยสู้ดีนักนี่คือบทลงโทษของพระเจ้าต่อการกระทำโดยเจตนาของเขางั้นหรือ?“ฉันจะไปกับคุณที่โรงพยาบาลด้วย” ซอง อันยีเห็นถึงตราบาปของเขา และพูดขณะที่เธอจับมือเขาอย่างอ่อนโยนเซิน โมเฟยมองไปที่เธอ ขณะที่เม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ “อันยี ผมขอโทษ ผมวางแผนแต่แรกที่จะ