อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่เขารีบเข้ามา และเห็นร่างบางขดตัวในมุมห้อง ใจของเขาเจ็บปวด และทั่วร่างของเขากรีดร้องด้วยความเสียใจเขาเดินเข้าไปและกระซิบว่า “ชูวชูว”หลังจากที่ได้ยินเสียงของเขา ทัง โรวชูวตัวสั่นและเงยหน้าขึ้นในทันที ทันทีที่เธอเห็นเขา น้ำตาที่เธอทนกลั้นเอาไว้มาตลอดได้พร่างพรูออกมาเธอกระโจนโอบกอดเขาและร้องไห้ “ชินจิน คุณอยู่นี่ ในที่สุดคุณก็อยู่ที่นี่แล้ว!”ลู ชินจินกอดเธอแน่นด้วยแขนของเขา ขณะที่ลูบหลังของเธออย่างอ่อนโยนและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ใช่ ผมอยู่นี่แล้ว”หนิง เฉียวเฉียวถูกพาส่งโรงพยาบาล และขณะที่เธอปลอดภัย ใบหน้าของเธอกลับพังยับเยินในขณะเดียวกัน กู โรลโรลถูกจับกุมโนตำรวจในข้อหาลักพาตัว ทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา และสิ่งที่รอเธออยู่คือค้อนแห่งความยุติธรรมทัง โรวชูวที่ครั้งหนึ่งได้หนีจากความตายเพราะการเน้นไปที่การป้องกันก่อน เธอถูกทำให้แน่ใจว่ามีบอดี้การ์ดคอยดูแลเธอไปทุกที่เหตุการณ์นี้เป็นเหตุให้หยิง เสี่ยวเซียว ล้อเธอ บอกว่ามันปลอดภัยกว่าจริง ๆ ถ้าอยู่กับเธอหลังจากประสบการณ์ของเธอ ทัง โรลชูวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กู โรลโรลที่อยากจะหวนคืนสู่วงการบันเทิงแต่แรกด้วยความฝั
เซิน โมเฟยช่วยซอง อันยี ออกจากโรงพยาบาล และรอบยิ้มที่แสนรื่นเริงแผ่ไปทั่วใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาภายใต้แสงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ หมอได้บอกพวกเขาตัวชี้วัดทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าเด็กนั้นปกติดี แต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ยังคงต้องการการดูแลเอาใจใส่เมื่อเขาได้ยินแบบนั้นเซิน โมเฟย รู้ว่าความรื่นเริงของการเป็นพอคงจะถูกแทนที่ด้วยความกังวลเขาคิดถึงการให้การดูแลอันยีอย่างดีที่สุดและป้องกันเธอจากความหักโหม ดังนั้นเขาอยากจะพาเธอไปและไม่ปล่อยให้เธอเดินอย่างไรก็ตาม อันยีปฏิเสธออกไปด้วยความเขินอาย เธอบอกเขาไม่ให้กังวลเกินไป และการเดินนั่นไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ กับเด็กเซิน โมเฟยรู้ว่าเขากำลังทำตัวปกป้องมากเกินไป แต่เขาก็ยังคงยืนกรานที่จะช่วยอันยีโดยการพาเธอออกจากโรงพยาบาลอย่างระมัดระวังซอง อันยีรู้สึกช่วยไม่ได้ และเธอคงพอจินตนาการถึงความกังวลที่แสนเวอร์วังไปอีกหลายเดือนข้างหน้าของเขาได้ช่วงเวลาที่พวกเขาขึ้นรถ เซิน โมเฟยช่วยเธอรัดเข็มขัดก่อนที่เขาจะจูบริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยนและพูดว่า “อันยี กลับบ้านและเอาทะเบียนบ้านของเรากันเถอะ ไปจดทะเบียนสมรสกัน”ซอง อันยีถอยไปครู่หนึ่ง “เราไม่รีบไปหน่อยเหรอ?”
ขณะที่เขาพูด เขายื่นมือมาและตบไปที่ไหล่ของเธอ “เหวินจิง พี่เชื่อว่าเธอทำได้”หลังจากที่เขากล่าวนั้น เขาเดินผ่านเธอไปและลงไปยังชั้นล่างโดยไม่หยุดฝีเท้าโดยเร็วของเขาบ่งบอกให้กับเธอว่าเขาอารมณ์ดีมากแค่ไหนเป็นเพราะว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนที่รักงั้นเหรอ?ซู เหวินจิงกำหมัดแน่นเล็กของเธอจมลงไปในฝ่ามือโดยที่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆ เลยซอง อันยีตั้งครรภ์...หญิงที่ได้ฉุดพี่สามของเธอไปได้ตั้งครรภ์เธอหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาออกมาจากตาของเธอ สำหรับพวกเขาแล้วการพูดจาถากถาง เมื่อรู้ถึงการมีตัวตนของเธอ พวกเขาจะรู้สึกได้จริง ๆ ว่าเด็กกำพร้าคนหนึ่งได้ถูกรังแกอยู่แบบนั้นงั้นเหรอ?เธอคงไม่ปล่อยพวกเขามีทางแน่เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะหันหลังละวิ่งลงไปชั้นล่างปู่เฉินที่โกรธหลานชายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เข้ามาและจากไปอย่างกะทันหัน ช่วงเวลาที่เขาเห็นซู เหวินจิง ลงมาที่ชั้นล่าง เขาถามในทันทีว่า “เหวินจิง ไอ้เหลือขอนั่นรีบไปทำอะไร?”ซู เหวินจิงก้มหัวลง ขณะที่เดินตรงไปหาเข้าโดยไม่พูดอะไรปู่เฉินขมวดคิ้ว “เหวินจิง ทำไมเธอถึงไม่พูด?”ในตอนนั้น ซู เหวินจิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขาทั้งน้ำต
หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง ลุงซองก็พูดขึ้นในท้ายที่สุด“โมเฟย อันยียังคงเด็กนัก”เซิน โมเฟยเข้าใจในทันทีกับคำพูดของลุงซองว่าหมายว่าอะไร ลุงซองไม่เต็มใจที่จะมอบลูกสาวของเขาไปดังนั้น เขาจึงตบหน้าอกตัวเองเพื่อให้เขาวางใจ “คุณลุงครับ คุณวางใจกับผมได้ว่าผมจะดูแลอันยีเป็นอย่างดีไปตลอดชีวิตของเรา”“ทุกคนรู้ว่าควรพูดวิ่งที่ดีกันอย่างไร” ลุงซองมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “ฮัน อี้เฉินได้พูดแบบนั้นมาก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยังทำร้ายอันยี การไว้วางใจตั้งมากมายไม่มีค่าอะไรเลย”เซิน โมเฟยพูดไม่ออกลุงซองถอนหายใจและพูดต่อว่า “เวลายังคงดำเนินต่อไป ฉันยังจำได้ย้อนกลับไปตอนที่อันยีเกิดมา เธอตัวเล็กกะจ้อยร่อยและตอนนี้ เธอกำลังจะเป็นแม่คนหนึ่ง การเป็นพ่อคนหนึ่ง ฉันจึงไม่เต็มใจที่จะปล่อยเธอไป”น้ำเสียงของลุงซองเต็มไปด้วยความกล้ำกลืน และรักในตัวลูกสาวของเขาเซิน โมเฟยขยับตัว และพูดพลางกระซิบว่า “คุณลุงครับ ผมจะรักอันยีเท่าที่คุณรักเธอ และผมจะไม่ปล่อยให้เธอถูกทำร้าย”ท่าทีที่จริงใจของเขาทำให้ลุงซองหัวเราะ “โมเฟย ลุงเชื่อว่าเธอทำได้อย่างที่พูด เพราะงั้น…”เขาหยุดไปชั่วครู่ “ความปรารถนาที
เธอมองอย่างเงียบ ๆ ไปที่เขา ขณะที่เขาฟังเสียงในสาย แต่เขาไม่พูดสักคำ เธอไม่รู้เลยว่ามันถูกพูดว่าอะไรจากปลายสาย แต่ท่าทีจากสีหน้าของเขาดูหวาดกลัว อัตราการเต้นของหัวใจของเธอสูงขึ้นอย่างช้า ๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเซิน โมเฟยวางสายและลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะหันมาหาซอง อันยีและพูดว่า “ปู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล”ซอง อันยีผงะ “มันเกิดขึ้นได้ไงคะ?”“เขาเล่าว่า ปู่หมดสติไปจากความโกรธหลังจากที่เขาได้ยินว่าผมจะแต่งงาน”“อะไรนะ? เป็นไปได้ไง?” ซอง อันยีเริ่มกังวล ถ้าคนแก่หมดสติด้วยความโกรธเพราะพวกเขาและเกิดอะไรขึ้นกับเขา เธอคงอยู่อย่างไม่สงบไปชั่วชีวิตเซิน โมเฟยใจลอยในตอนนี้ เขาต้องการที่จะแต่งงาน ดังนั้นเขาจึงใส่ใจกับความรู้สึกของตระกูลของเขา แต่ก่อนหน้านี้ พี่ใหญ่ด่าเขาทางโทรศัพท์เป็นเวลานาน เขายังกล่าวอีกว่าสถานการณ์ของปู่ไม่ค่อยสู้ดีนักนี่คือบทลงโทษของพระเจ้าต่อการกระทำโดยเจตนาของเขางั้นหรือ?“ฉันจะไปกับคุณที่โรงพยาบาลด้วย” ซอง อันยีเห็นถึงตราบาปของเขา และพูดขณะที่เธอจับมือเขาอย่างอ่อนโยนเซิน โมเฟยมองไปที่เธอ ขณะที่เม้มริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ “อันยี ผมขอโทษ ผมวางแผนแต่แรกที่จะ
ทัง โรลชูวพร้อมกับหยิง เสี่ยวเซียวรีบมายังโรงพยาบาลและได้เห็น ซอง อันยีกำลังนั่งอยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วย เธอทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปหาในทันที“อันยี…” ทัง โรลชูวกระซิบเมื่อซอง อันยีได้ยินเสียงเรียก เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่านั่นคือพวกหล่อน เธอพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “พวกเธอสองคนก็มา”หยิง เสี่ยวเซียวที่เห็นแววตาของเธอแดงก่ำขมวดคิ้ว “แกกำลังร้องไห้งั้นเหรอ?”มุมปากของอันยีบูดบึ้ง แต่ก็ยังไม่พูดอะไรทัง โรลชูวเงยหน้ามองไปที่ประตูห้องผู้ป่วยที่ปิดอยู่และขมวดคิ้ว จากนั้นเธอหันกลับมามองที่ซอง อันยี “อันยี ทำไมตาแก่ถึงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหันกันล่ะ?”“โมเฟยกับฉันจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”“จดทะเบียนสมรสกันแล้วงั้นเหรอ?!” หยิง เสี่ยวเซียวอุทาน ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาลและเธอค่อย ๆ ลดเสียงลงขณะที่ถามว่า “ทำไมถึงกะทันหันนักล่ะ?”จากนั้นเธอหันไปมองที่ท้องของซอง อันยี “เพราะว่าเธอท้อง ถึงทำให้เธอเร่งรีบในเรื่องนี้ใช่ไหม?”ซอง อันยีตอบกลับว่า “อ่าฮะ” “แต่พูดตามตรงนะ มันไม่ได้เร่งรีบนะ โมเฟยได้บอกเรื่องนี้ก่อนหน้าแล้ว แต่เราก็แค่ยื้อมันไว้”“เพราะงั้นตาแก่ถึงโกรธมาก
หยิง เสี่ยวเซียวกังวล “เอาเป็นว่าเราไปแอบฟังพวกเขากันไหม?”“แอบฟังงั้นเหรอ?” ทัง โรลชูวกัดริมฝีปากและรู้สึกกังวล “ไม่ดีหรอกมั้ง?”“ไม่เห็นเป็นไรซะหน่อย ถ้าเธอกล้าจะพูดอะไรออกมา ทำไมเธอจะต้องกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินด้วยล่ะ?” หยิง เสี่ยวเซียวกล่าวอย่างไม่สนใจมากเท่าไหร่ทัง โรลชูวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “ก็ได้ งั้นเธอไปละกัน ฉันจะดูต้นทางที่นี่ให้”หยิง เสี่ยวเซียวพูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งคู่ได้ไปแอบฟังซอง อันยี และซ่ง ชิงเฟย…ซอง อันยีตามซ่ง ชิงเฟยไปที่บันใดในตอนแรก ซ่ง ชิงเฟยมองเธออย่างเงียบ ๆ แววตาของเธอมืดมนและซ่อนเร้น ไม่ปล่อยให้ใครได้เห็นว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อีกทั้งในขณะเดียวกัน เธอได้แผ่ออร่ากดดันจนทำให้อีกคนหายใจไม่ออกด้วยที่อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ซอง อันยีจึงไม่กล้าเปิดปากพูดด้วยเช่นกัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบหลังจากครู่หนึ่ง ซ่ง ชิงเฟยค่อย ๆ อ้าปากพูดช้า ๆ ว่า “คุณซอง เธอคบกับโมเฟยมานานแค่ไหนแล้ว?”“เกือบครึ่งปีแล้วค่ะ”“เธอท้องในตอนที่คบกันไม่ถึงครึ่งปีเนี่ยนะ? มันไม่เร็วไปหน่อยรึ?”ซอง อันยีหุบริมฝีปากแน่น ขณะที่เธ
“ทิ้งโมเฟยไป และเธอก็คลอดเด็กออกมาได้ เมื่อถึงเวลา พาเด็กคนนั้นกลับมาที่ตระกูลเซิน แล้วเราจะทำเพื่อเธอ”นั่นเป็นตัวเลือกเดียวที่ซ่ง ชิงเฟย และตระกูลเซินให้กับเธอ“และถ้าฉันไม่ทำล่ะ?” ซอง อันยีถามซ่ง ชิงเฟยยิ้ม “งั้นตระกูลเซิน คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่”การต่อกรกับตระกูลเซิน เหมือนกับการทุบก้อนหินด้วยไข่ เธอและครอบครัวคงเป็นฝ่ายเดียวที่ลำบากดังนั้นทำไมเธอถึงเลือกทางที่ตัวเองพ่ายแพ้กันล่ะ?ซอง อันยีสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันจะไม่มอบลูกของฉันให้กับตระกูลเซินแน่ ฉันจะเลี้ยงเขาด้วยตัวของฉันเอง”“คุณซอง เธอคิดว่าเธอจะมอบชีวิตที่ดีให้กับลูกได้งั้นเหรอ?” ซ่ง ชิงเฟยกอดอก และมองไปที่เธออย่างสงบ“ไม่ แต่ฉันคือแม่ของลูกฉัน เด็กจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่”“ไม่ต้องห่วง เหวินจิงจะเป็นแม่ของเด็กเอง และเธอจะดูแลเด็กเหมือนเป็นลูกของตัวเอง”ดูเหมือนว่าพวกเขาได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว และเธอไม่มีตัวเลือกอีกต่อไปซอง อันยีพูดอย่างประชดประชันว่า “พวกคุณคงแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิดไว้สินะ”หลังจากนั้น ท่าทีของเธอแข็งกร้าวขณะที่น้ำเสียงของเธอแน่วแน่ “แม่ของเด็กคนนี้คือ ฉันคนนี้เท่านั้น”ซ่ง ชิ