ทัง โรลชูวพร้อมกับหยิง เสี่ยวเซียวรีบมายังโรงพยาบาลและได้เห็น ซอง อันยีกำลังนั่งอยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วย เธอทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปหาในทันที“อันยี…” ทัง โรลชูวกระซิบเมื่อซอง อันยีได้ยินเสียงเรียก เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่านั่นคือพวกหล่อน เธอพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “พวกเธอสองคนก็มา”หยิง เสี่ยวเซียวที่เห็นแววตาของเธอแดงก่ำขมวดคิ้ว “แกกำลังร้องไห้งั้นเหรอ?”มุมปากของอันยีบูดบึ้ง แต่ก็ยังไม่พูดอะไรทัง โรลชูวเงยหน้ามองไปที่ประตูห้องผู้ป่วยที่ปิดอยู่และขมวดคิ้ว จากนั้นเธอหันกลับมามองที่ซอง อันยี “อันยี ทำไมตาแก่ถึงถูกส่งเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหันกันล่ะ?”“โมเฟยกับฉันจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”“จดทะเบียนสมรสกันแล้วงั้นเหรอ?!” หยิง เสี่ยวเซียวอุทาน ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาลและเธอค่อย ๆ ลดเสียงลงขณะที่ถามว่า “ทำไมถึงกะทันหันนักล่ะ?”จากนั้นเธอหันไปมองที่ท้องของซอง อันยี “เพราะว่าเธอท้อง ถึงทำให้เธอเร่งรีบในเรื่องนี้ใช่ไหม?”ซอง อันยีตอบกลับว่า “อ่าฮะ” “แต่พูดตามตรงนะ มันไม่ได้เร่งรีบนะ โมเฟยได้บอกเรื่องนี้ก่อนหน้าแล้ว แต่เราก็แค่ยื้อมันไว้”“เพราะงั้นตาแก่ถึงโกรธมาก
หยิง เสี่ยวเซียวกังวล “เอาเป็นว่าเราไปแอบฟังพวกเขากันไหม?”“แอบฟังงั้นเหรอ?” ทัง โรลชูวกัดริมฝีปากและรู้สึกกังวล “ไม่ดีหรอกมั้ง?”“ไม่เห็นเป็นไรซะหน่อย ถ้าเธอกล้าจะพูดอะไรออกมา ทำไมเธอจะต้องกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินด้วยล่ะ?” หยิง เสี่ยวเซียวกล่าวอย่างไม่สนใจมากเท่าไหร่ทัง โรลชูวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า “ก็ได้ งั้นเธอไปละกัน ฉันจะดูต้นทางที่นี่ให้”หยิง เสี่ยวเซียวพูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งคู่ได้ไปแอบฟังซอง อันยี และซ่ง ชิงเฟย…ซอง อันยีตามซ่ง ชิงเฟยไปที่บันใดในตอนแรก ซ่ง ชิงเฟยมองเธออย่างเงียบ ๆ แววตาของเธอมืดมนและซ่อนเร้น ไม่ปล่อยให้ใครได้เห็นว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ อีกทั้งในขณะเดียวกัน เธอได้แผ่ออร่ากดดันจนทำให้อีกคนหายใจไม่ออกด้วยที่อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ซอง อันยีจึงไม่กล้าเปิดปากพูดด้วยเช่นกัน และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบหลังจากครู่หนึ่ง ซ่ง ชิงเฟยค่อย ๆ อ้าปากพูดช้า ๆ ว่า “คุณซอง เธอคบกับโมเฟยมานานแค่ไหนแล้ว?”“เกือบครึ่งปีแล้วค่ะ”“เธอท้องในตอนที่คบกันไม่ถึงครึ่งปีเนี่ยนะ? มันไม่เร็วไปหน่อยรึ?”ซอง อันยีหุบริมฝีปากแน่น ขณะที่เธ
“ทิ้งโมเฟยไป และเธอก็คลอดเด็กออกมาได้ เมื่อถึงเวลา พาเด็กคนนั้นกลับมาที่ตระกูลเซิน แล้วเราจะทำเพื่อเธอ”นั่นเป็นตัวเลือกเดียวที่ซ่ง ชิงเฟย และตระกูลเซินให้กับเธอ“และถ้าฉันไม่ทำล่ะ?” ซอง อันยีถามซ่ง ชิงเฟยยิ้ม “งั้นตระกูลเซิน คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้แน่”การต่อกรกับตระกูลเซิน เหมือนกับการทุบก้อนหินด้วยไข่ เธอและครอบครัวคงเป็นฝ่ายเดียวที่ลำบากดังนั้นทำไมเธอถึงเลือกทางที่ตัวเองพ่ายแพ้กันล่ะ?ซอง อันยีสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันจะไม่มอบลูกของฉันให้กับตระกูลเซินแน่ ฉันจะเลี้ยงเขาด้วยตัวของฉันเอง”“คุณซอง เธอคิดว่าเธอจะมอบชีวิตที่ดีให้กับลูกได้งั้นเหรอ?” ซ่ง ชิงเฟยกอดอก และมองไปที่เธออย่างสงบ“ไม่ แต่ฉันคือแม่ของลูกฉัน เด็กจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่”“ไม่ต้องห่วง เหวินจิงจะเป็นแม่ของเด็กเอง และเธอจะดูแลเด็กเหมือนเป็นลูกของตัวเอง”ดูเหมือนว่าพวกเขาได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้แล้ว และเธอไม่มีตัวเลือกอีกต่อไปซอง อันยีพูดอย่างประชดประชันว่า “พวกคุณคงแน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิดไว้สินะ”หลังจากนั้น ท่าทีของเธอแข็งกร้าวขณะที่น้ำเสียงของเธอแน่วแน่ “แม่ของเด็กคนนี้คือ ฉันคนนี้เท่านั้น”ซ่ง ชิ
หยิง เสี่ยวเซียวจ้องเธอด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด ก่อนที่จะหันไปหาซองอันยี “อันยี อย่าไปฟังเธอ เธอกับโมเฟย มีลูกแล้วนะ แล้วไงล่ะ ถ้าเขาต้องทิ้งทุกอย่างจากตระกูลเซินของเขาเพื่อเธองั้นเหรอ? อย่าลืมว่าท่านประธานลูยังอยู่ใกล้ ๆ เขาจะปล่อยให้เธอกลายเป็นฝ่ายผิดได้ยังไง?”ขณะที่เธอเอ่ยถึง “ประธานลู” มีประกายแสงในแววตาของซ่ง ชิงเฟย และเธอจ้องไปยังพวกเขาอย่างลึกซึ้งหยิง เสี่ยวเซียวกลัวว่า ซอง อันยีจะเชื่อฟังตระกูลเซินโดยไม่ไตร่ตรองให้มากพอและทำท่าทีส่งสายตาไปยัง ทัง โรลชูวในทันที “ชูวชูว ฉันพูดถูกไหม? เราทั้งคู่จะไม่ปล่อยให้อันยีต้องเป็นฝ่ายผิดใช่ไหม?”ทัง โรลชูวยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะพูดอย่างอ่อนโยนว่า “อันยี เสี่ยวเซียวพูดถูกนะ ชินจินจะช่วยโมเฟยเอง อีกอย่างทำอย่างกับเธอไม่รู้ความสามารถของโมเฟย เลย เธอไม่เชื่อเขาแล้วงั้นเหรอ?”ชินจินงั้นเหรอ? ซ่ง ชิงเฟยเลิกคิ้วขึ้น ขณะที่มองไปยัง ทัง โรลชูวอย่างสอดรู้สอดเห็น เธอเรียกชื่อลูกพี่ลูกน้อง ชินจินตรง ๆ ได้อย่างไร? เธอกับเขามีความสัมพันธ์อะไรกัน?คำพูดของทัง โรลชูว ค่อย ๆ ทำให้ความคิดที่ว้าวุ่นของซอง อันยีสงบลง และเธอยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ไ
“ชินจิน” ทัง โรลชูวเดินเข้ามาหาลู ชินจิน และมองไปที่เขา “คุยกันเสร็จแล้วเหรอคะ?”ลู ชินจินมองไปที่ หยิง เสี่ยวเซียว และ ซอง อันยีก่อนที่เขาพยักหน้า “ใช่ เราคุยกันเสร็จแล้วครับ”“แล้วโมเฟยล่ะคะ?” เธอมองดูห้องผู้ป่วยด้านหลังเขา และขมวดคิ้วเล็ก ๆ ของตัวเอง“ปู่ยังคุยกับเขาอยู่” ลู เซียวเหยาตอบกลับ อีกด้านหนึ่ง เขามองไปที่ซอง อันยี และมีร่องรอยของความเห็นใจปรากฎขึ้นในแววตาของเขา “หลาย ๆ อย่างไม่ดีเอามาก เตรียมใจไว้นะ”“คุณหมายความว่าไงที่ว่าหลาย ๆ อย่างไม่ดีเอามาก?”หยิง เสี่ยวเซียวหยิกอย่างไม่พอใจไปที่แขนของเขา และความเจ็บปวดทำให้เขาร้องออกมาพร้อมกับรีบอธิบายว่า “หมอบอกว่าอาการของปู่ไม่สู้ดีนัก และเวลาของปู่อาจจะหมดลงเร็ว ๆ นี้”“พูดจริงเหรอ?” หยิง เสี่ยวเซียวถามไม่มีใครในหมู่พวกเขาคิดเลยว่าหลายสิ่งจะร้ายแรงขนาดนี้ทัง โรลชูวมองไปที่อันยี ที่เงียบอยู่อย่างกังวลและถามว่า “ปู่พูดอะไรบ้างไหม?”“เรื่องนั้น…” ลู เซียวเหยาชำเลืองมองไปที่ซอง อันยี ก่อนจะพูดบางอย่างอย่างลังเลว่า “ความปรารถนาของปู่คือ…”หยิง เสี่ยวเซียวที่เห็นความลังเลของเขา รู้สึกโกรธ “พูดออกมาสิ จะอ้ำอึ้งไปเพื่ออะไร?”
หลังจากที่ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของเขา จมูกของเธอเริ่มเจ็บแสบ เธอเงียบปากเอาไว้ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มซึ่งทำให้หน้าของเธอน่าเกลียดกว่าตอนน้ำตาไหล “ฉันอยู่นี่ค่ะ”“บอสครับ พี่ ผมจะพาอันยีกลับบ้านก่อน” เซิน โมเฟยหันหน้าเข้าหาลู ชินจิน เมื่อรู้ว่าพวกเขาจะพูดคุยกันแล้ว ทัง โรลชูวพยักหน้าและพูดว่า “งั้นกลับบ้านก่อนเถอะ เราก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”เซิน โมเฟยประคองซอง อันยี ด้วยแขนและพาเธอไปที่ลิฟท์“โมเฟย!” ทัง โรลชูวตะโกนหาเขาอย่างกะทันหันเซิน โมเฟย และ ซอง อันยีหยุดและหันหลังกลับ ได้ยินแค่ที่เธอพูดเสริมว่า “โมเฟยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำไว้นะว่าเธอยังมีพวกเราอยู่นะ”โมเฟยอ้าปากอย่างช้า ๆ และยิ้มโง่ ๆ ออกมา แววตาของเขาเป็นประกายด้วยความขอบคุณ หลังจากนั้นเขาจับมือของอันยีและเดินต่อไปข้างหน้า ขณะที่ยิ้มจาง ๆ ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาในท้ายที่สุดคำพูดของพี่สะใภ้ของเขาเป็นเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิที่แสนอบอุ่นที่พัดผ่านหัวใจที่มืดมนของเขา ขณะที่ความมืดมิดหายไปอย่างรวดเร็ว เขารู้แล้วว่าตอนนี้เขาต้องทำอะไร…เมื่อเห็นว่าโมเฟยและอันยีเดินเข้าไปในลิฟท์ ทัง โรลชูว เงียบก่อนที่จะมองไปที่
ปู่เซินดูแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอคิดว่าเขาคงเป็นคนที่เข้มงวด และไม่คาดคิดว่าเขาจะดูอบอุ่นตลอดจนใจดีอีกด้วยทัง โรลชูวไม่เข้าใจว่าคนที่อบอุ่นคนหนึ่งถึงกลายเป็นคนใจร้ายมากได้อย่างไร?เธอเดินเข้าไปและทักทายเขา “คุณปู่”เมื่อได้ยินแบบนั้น ปู่เซินยิ้มกว้าง “สาวน้อย เข้ามาสิ มาให้ปู่มองหนูหน่อยสิ”ทัง โรลชูวเดินเข้าไปอย่างเชื่อฟังและให้ชายแก่พินิจดูรูปลักษณ์ภายนอกของเธออย่างละเอียด ยิ่งเขามองไปที่เธอมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกชื่นใจมากเท่านั้นเขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ลู ชินจิน “ชินจิน สาวน้อยคนนี้มีใบหน้าที่งดงาม และเธอเหมาะกับเธอมาก ๆ”ในอดีต เขากังวลอยู่เสมอว่าหลานชายที่เยือกเย็นของเขาคนนี้คงจะกลายเป็นคนที่เกลียดชังการแต่งงาน ในตอนนี้ดูเหมือนคนแห่งโชคชะตายังไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้นลู ชินจินเดินเข้าไปจับมือของทัง โรลชูว พร้อมกับยิ้มและหยอกปู่เซินว่า “ปู่ไปเรียนเรื่องโหงวเฮ้งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ชายแก่ตอบกลับด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง “ปู่ไม่รู้เรื่องโหงวเฮ้งหรอก แต่หลังจากที่อยู่มาหลายปีแล้ว ปู่รู้วิธีมองคนไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น…”เขาขมวดคิ้วและครุ่นคิด “แฟนของเจ้าโมเฟยนั่
“ไม่ว่าเธอจะดีหรือไม่ ฉันเห็นได้ด้วยตัวฉันเอง ฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาบอกหรอก” ในตอนนี้ปู่เซินโกรธเล็กน้อยทัง โรลชูวไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย “คุณปู่ คนเราจำเป็นต้องรู้จักกันก่อน ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าคนไหนดีหรือเลว ปู่รู้ได้ไงว่าเธอดีหรือไม่ดีเพียงของมอง?”“ชินจิน เอาตัวเธอออกไปจากตรงนี้ซะ!” ความสุขในครั้งแรกของปู่เซินที่ได้เห็นทัง โรลชูว ได้หายไปหมด ณ จุดนั้นลู ชินจินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดปกป้องทัง โรลชูวว่า “ปู่ ที่ชูวชูวพูดไม่ผิดซะหน่อย โมเฟยไม่ใช่เด็กแล้วนะ และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกชีวิตของตัวเอง เพราะงั้นผมหวังว่าปู่จะคิดเรื่องนี้ได้นะ”ขณะที่พูด เขาหันไปหาทัง โรลชูว และพูดว่า “ชูวชูวกลับกันเถอะ”ทัง โรลชูวรู้ว่าชายแก่เป็นคนดื้อด้าน และเธออาจจะไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้อย่างทันที“คุณปู่งั้นเราจะกลับไปก่อนนะคะ” ทัง โรลชูวคำนับปู่เซินที่ใบหน้าได้เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม อย่างสุภาพก่อนที่เธอจะเดินออกจากประตูไปพร้อมกับลู ชินจินหลังจากที่พวกเขาออกไป ซู เหวินจิงที่เอาแต่เงียบอยู่ตลอดเวลาก็พูดว่า “คุณปู่คะ อย่าโกรธไปเลย พี่ใหญ่ชินจินกับภรรยาของเขาคงไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้นหรอก”“ตั้งใจอ