ทุกอย่างที่แมรี่พูดทำให้หัวใจของทิฟฟานี่สลายแทนแอเรียน “แอริ แมรี่พูดถูก ไม่ต้องรีบเพื่อไปดูลูกหรอก ยังไงเธอก็จะไม่สามารถแตะต้องตัวเขาได้ เอาเป็นว่า ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธออยากกินอะไรดีล่ะ? ฉันจะให้แจ็คสันทำมันให้เธอ เธอต้องกินเยอะ ๆ เพื่อที่จะได้กำลังกลับมา แบบนั้นเธอจะได้ดีเร็วขึ้นด้วย หรือเธออยากจะโทรหามาร์คเพื่อให้เขามาดีไหม? เธอต้องผ่านทุกข์ยากลำบากเพื่อที่จะให้กำเนิดลูกของเขา เธอควรให้เขาได้เห็นสภาพที่เปราะบางและอ่อนแอของเธอ ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่รู้สึกแย่ไปด้วยกับเธอ”แอเรียนรู้สึกมีพลังมากขึ้น ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของแมรี่และทิฟฟานี่ เธอจึงค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและก้าวไปสองสามก้าว ความเจ็บปวดทำให้เธอกลัวที่จะหายใจแรงเกินไป เธอไม่เคยคิดว่าการลุกจากเตียงครั้งแรกหลังการผ่าตัดจะเจ็บขนาดนี้ เวลาผ่านไปนานก่อนที่เธอจะอ้าปากค้าง “มะ-ไม่ต้อง… ปะ-ไปรบกวนแจ็คสัน มะ-แมรี่… โทร… มาร์ค บะ-บอกเขาว่า… มานี่…” แน่นอนว่าเขาต้องมา มีปัญหาบางอย่างระหว่างพวกเขาที่ยังคงไม่ได้แก้ เธอรู้จักเขาดีพอที่จะรู้ว่าเขากำลังหลีกเลี่ยงเธอแมรี่พยักหน้า ขณะที่เธอรอแอเรียนเข้าห้องน้ำเสร็จเธอก็โทรหามาร์ค “นายท่าน
ในตอนจบแอเรียนก็ถึงกับต้องหลั่งน้ำตา “ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณย่าฉันถึงให้อภัยคุณหลังจากที่คุณบอกเขาเรื่องเครื่องบินตกนั้น? ความคับแค้นใจที่คุณฆ่าลูกชายของเขาจะถูกลบออกง่าย ๆ อย่างนั้นได้ยังไง? ฉันยังไม่สามารถละทิ้งความเกลียดชังที่มีต่อคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้จะอยู่กับคุณมานานหลายปีแล้วก็ตาม… คุณย่าบอกว่าคุณย่ารู้ทุกอย่างที่ฉันรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้นและรู้บางอย่างที่ฉันไม่รู้ด้วย อะไรเหรอที่ฉันไม่รู้? คุณยังปฏิเสธที่จะซื่อสัตย์กับฉันแม้ในตอนนี้เหรอ?”มาร์คตัวแข็งตามสัญชาตญาณ เขายกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้เธอ “ฉันเลือกที่จะซื่อสัตย์กับคุณย่าเพราะฉันต้องการชี้แจงให้กระจ่าง บางทีคุณย่าอาจจะเกลียดฉัน แต่คุณย่ารู้ดีด้วยว่าฉันจะเป็นแหล่งที่พึ่งพาของเธอไปตลอดชีวิต ตอนนั้นเธอกำลังตั้งครรภ์ คุณย่าจึงต้องการให้เราอยู่อย่างสงบสุขเหมือนครอบครัว คุณย่าบอกว่าคนตายไม่มีวันกลับมา แต่คนที่อยู่ต้องดำเนินชีวิตต่อไป คุณย่าไม่สามารถเกลียดฉันได้ และฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณย่ามาก ฉันไม่อยากอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกต่อไป มาแสร้งทำเป็นว่าเธอรู้มานานแล้ว โอเคไหม?“ตอนที่ฉันไล่ป้าและลุงเธอไป ในตอนนั้นฉัน
ทิฟฟานี่สงบสติอารมณ์และก้มลงหยิบกระเป๋าถือตัวเอง “เอ่อ… ไม่เป็นไร… ฉันสบายดี อืม… ฉันสัญญากับแจ็คสันไว้แล้วว่าจะไปกินข้าวเย็นกับเขา ฉันไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” จากนั้นเธอก็หันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็วราวกับว่าเธอกลัวอะไรบางอย่าง อีธาน นานมาแล้วตั้งแต่ที่เธอได้ยินชื่อนั้นครั้งสุดท้าย เธอยังคงบอบช้ำ ครั้งหนึ่งเธอเคยรักและเกลียดผู้ชายคนนี้อย่างสุดซึ้ง ผู้ชายคนนี้ได้ผลักเธอลงนรกเอง… เขากลับมาแล้วเหรอ?แอเรียนและมาร์คมองหน้ากันพลางรู้สึกหนักใจ พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันในหัวข้อนั้นต่อ แมรี่ไม่รู้ถึงสถานการณ์ เธอจึงดึงของแปลก ๆ ออกจากถุงพลาสติกในมือ “แอริ คุณหมอบอกว่าคุณต้องรีบปั๊มนมโดยเร็วที่สุด ตอนนี้หน้าอกของคุณบวมขึ้นหรือยัง?”แอเรียนเหลือบมองมาร์คแล้วใบหน้าของเธอก็เริ่มร้อนขึ้น “ปะ-เปล่า… ปกติดี… ฉันไม่คิดว่าฉันต้องทำอย่างนั้นในตอนนี้หรอกนะ… ลูกไม่ได้อยู่กับฉันอยู่แล้ว ฉันป้อนเขาไม่ได้อยู่ดี”"คุณอายเหรอ?" แมรี่ถามด้วยรอยยิ้ม “ฉันเฝ้าดูคุณเติบโตและฉันก็เลี้ยงคุณมาด้วย นายท่านก็เป็นสามีของคุณ มีอะไรให้ต้องอายด้วยเหรอ? มาเถอะ แรก ๆ จะเจ็บแต่คุณต้องทน ในอนาคตมันจะเจ็บทุกครั้งที่คุณให้นม
จากนั้น ดูเหมือนว่าจะมีใครเปิดประตูด้วยกุญแจ ทิฟฟานี่ได้ยินเสียงของธัญญ่าและแจ็คสันก่อนที่เธอจะถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนของใครบางคน เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นเมื่อเธอตื่นขึ้นอีกครั้ง เธอก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเดียวกับแอเรียน อย่างไรก็ตาม แอเรียนอยู่ในแผนกนรีเวชวิทยาในขณะที่เธอถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลเนื่องจากมีไข้แจ็คสันและธัญญ่าคอยดูแลเธออยู่ในวอร์ด แจ็คสันเริ่มจู้จี้เธอเมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว “เช้านี้คุณยังสบายดีอยู่เลย คุณมีไข้ได้อย่างไร? คุณไม่ฉลาดพออยู่แล้ว คุณจะกลายเป็นคนโง่เขลาอย่างสมบูรณ์ถ้าผมได้สังเกตเร็วกว่านี้”“ฉันไม่ได้อยากจะให้มันเป็นอย่างนี้ซะหน่อย” เธอแย้งอย่างอ่อนแรง “เช้านี้ฉันยังสบายดีอยู่เลย ฉันไม่รู้ว่าฉันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง… แย่ชะมัด”ธัญญ่าก้าวมาพูดว่า “หนูดีใจที่คุณไม่ได้เป็นอะไร งั้นหนูจะกลับก่อนนะ” เธออาจไม่แสดงออก แต่ลึก ๆ แล้วเธอรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอวางแผนว่าจะรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านของเอริก จากนั้นเธอจะชักชวนให้เขาไปซื้อของกับเธอในตอนบ่าย โชคไม่ดีที่แจ็คสันโทรมาขอให้เธอกลับมาบ้านและเปิดประตูให้เขาโดยทำลายแผนของเธออย่างสิ้นเ
ทิฟฟานี่ถึงกับพูดไม่ออกแจ็คสันอารมณ์บึ้งตึงตลอดทางกลับบ้าน เพียงเพราะว่าทิฟฟานี่นั้นปฏิเสธที่จะทิ้งช่อดอกไม้นั่นไป เธอให้เหตุผลว่าเพราะเธอนั้นได้ติดค้างความช่วยเหลือจากอเลฮานโดรและไม่อยากให้ใครต้องเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเองนั้นก็ไม่ยอมที่จะเอามันไปทิ้งแทนเธอเช่นกัน เขาจึงไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงโยนช่อดอกไม้ไปไว้หลังรถอย่างห้วน ๆเมื่อทิฟฟานี่มาถึงชั้นแรกของคอนโด ทิฟฟานี่เองก็พยายามกลั้นความโกรธไว้ในขณะที่กำลังปลอบเขาด้วย “โอเค ฉันถึงบ้านแล้ว ฉันจะเข้าไปก่อนนะ ขอบคุณสำหรับวันนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทน”อารมณ์และท่าทางของแจ็คสันแผ่วลงเล็กน้อย “พักผ่อนให้เพียงพอเมื่อถึงบ้านด้วยนะ ให้ผมเอาดอกไปนี่ไปแล้วกัน บ้านผมทั้งจืดชืดและว่างเปล่า เอาพวกมันไปตกแต่งให้มีชีวิตชีวาก็คงจะดี”ทิฟฟานี่แทบจะพูดไม่ออก “ได้… ได้สิ ขอแค่คุณไม่โยนมันทิ้งก็พอ มันคงจะน่าเสียดายมาก เอาไปไว้ตกแต่งที่บ้านแหละดีแล้ว”เมื่อทิฟฟานี่เข้ามาถึงห้องของเธอ เธอก็เห็นธัญญ่ากำลังนั่งดูทีวีและกินผลไม้ที่ซัมเมอร์ซื้อมาให้ ทิฟฟานี่ไม่ได้อยากยุ่งย่ามอะไรกับเธอเพราะเรื่องนี้ “ขอบ
"ใช่แล้ว" แจ็คสันพูดจากอีกฝั่งของสาย "ดึกขนาดนี้แล้ว แถมคุณยังไม่ได้ทานอะไร กว่าผมจะทำอาหารให้คุณเสร็จมันก็จะไม่ทันเอา ผมก็เลยสั่งอาหารมาให้ตอนผมกลับมาถึงบ้าน ได้รับอาหารแล้วหรือยัง? ทานให้เสร็จแล้วก็ไปนอนนะ”เธอรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนิ่มขึ้นมา เธอแปลกใจมากในความเป็นห่วงเป็นใยของเขา "ขอบคุณนะ... งั้นฉันจะไปทานอาหารก่อนนะ"เธอจำได้ว่าธัญญ่ากำลังทำราเมนให้เธอหลังจากที่เธอวางสายไปแล้ว เธอรีบตะโกนบอกว่า "ธัญ ไม่ต้องทำอาหารแล้วนะ แจ็คสันสั่งอาหารมาให้แล้ว แถมดูจะเยอะซะด้วย เธอทานข้าวรึยัง? มาทานด้วยกันไหม?"ธัญญ่าจึงปิดไฟที่เตา บะหมี่ที่กำลังจะสุกจากน้ำที่เดือดปุด ๆ ค่อย ๆ แผ่วลง "หนูกินแล้ว คุณทานให้อร่อยเลย"เมื่อเธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น เธอไม่แม้แต่จะมองทิฟฟานี่ด้วยซ้ำ ทิฟฟานี่จึงรู้สึกผิดมาก "ธัญ มากินด้วยกันสิ ฉันไม่รู้ว่าแจ็คสันจะสั่งอาหารมาให้ ขอโทษนะ..."ธัญญ่าหันกลับมาพร้อมกับการฝืนยิ้มเล็ก ๆ บนหน้าเธอ "หนูไม่หิวน่ะ คุณทานเถอะ"เช้าวันต่อมา ทิฟฟานี่เห็นบะหมี่ที่เกือบสุกแช่อยู่ในหม้อจากเมื่อวานเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเพื่อทำอาหารเช้า ตอนนี้บะหมี่เละแทบเป็นโจ๊ก ถึงแม้ปกติแล้วเธอจะเป็นคนท
ธัญญ่าก้มหน้าอย่างเขินอาย “พอได้แล้ว…”ทิฟฟานี่รู้แจ้งเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ “ก็ได้ ๆ ฉันเข้าใจ นี่ถือว่าเป็นข่าวดีเลย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันสามารถทำได้เพื่อที่เธอสองคนจะได้คบกัน เราควรจะเก็บคนดี ๆ ไว้ในครอบครัวเสมอ ใครมาก่อนก็จะได้ก่อน เดี๋ยวฉันชวนเขาให้” ทั้งกลุ่มตกลงที่จะไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้า ธัญญ่าเองก็ตั้งใจแต่งตัวสวยอย่างมีความสุข เอริกเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง… และเขาไม่ได้มาคนเดียว เขาพาผู้หญิงคนหนึ่งมาด้วยผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเอริกดูเหมาะสมกับเขามาก เธอแพรวพราว สวยงามและช่างเปล่งประกายอย่างยิ่ง… ใบหน้าของธัญญ่าถอดสีและเธอก็ไม่แน่ใจว่าเธอควรจะตอบสนองอย่างไร ทิฟฟานี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเอริกมีแฟนแล้ว เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนมากเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกไปของธัญญ่า “เอริก อะไรกันเนี่ย? คนนี้คือใครเหรอ? ไม่คิดจะแนะนำเธอหน่อยเหรอ?”เอริกโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้นด้วยความมั่นใจ “แฟนผมเอง วิกกี้ นาดาลิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้เจอพวกคุณทุกคน พวกเราคุยกันมาครึ่งปี แล้วก็เริ่มคบกันเมื่อเธอกลับมาที่รัฐ เราวางแผนจะย้ายไปอยู่ด้วยกันด้วย” วิกกี้ไม่ได้แต่งตัวหรูหรามากนัก เธอ
ทิฟฟานี่เริ่มจะปวดหัว เธอมีความอดทนทางด้านอรามณ์ที่ต่ำอย่างเหลือเชื่ออยู่แล้ว เธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี เมื่อเธอไม่เหลือทาง เธอจึงหันไปขอความเชื่อเหลือจากเอริก “เอ่อ… เอริก แฟนคุณเพิ่งจะกลับมาที่ประเทศ คุณควรใช้เวลาอยู่กับเธอมากขึ้นนะ เลิกเป็นผู้ชายไร้ความรู้สึกขนาดนั้นได้แล้ว” วิกกี้กลับไปหาเอริกอย่างมีความสุขก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรก่อนที่เธอจะกอดแขนเขาข้างหนึ่งและซบไหล่เขาด้วยท่าทางที่ควรจะน่ารัก “ริคกี้ของฉันเป็น “ผู้ชายที่ไร้ความรู้สึก” เฉพาะกับผู้หญิงคนอื่น แต่เขาเอาใจใส่ฉันมาก! คุณจะซื้อของขวัญให้ลูกของเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ไปกันเถอะ รสนิยมของริคกี้ไม่ดีเท่าฉันหรอก ฉันจะเลือกให้เขาเอง!” เมื่อพวกเขาไปถึงที่ชั้นสองของห้างสรรพสินค้า ธัญญ่าก็อดไม่ได้ที่จะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ทิฟฟานี่จึงวิ่งตามธัญญ่าไปด้วยความเร่งรีบ ธัญญ่าเพียงแต่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างมือด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า ทิฟฟานี่จึงขอโทษอย่างระมัดระวัง “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเอริกมีแฟนแล้ว ถึงว่าทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเธอสองคนทั้ง ๆ ที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน การที่เขามีแฟนแล้วทำให้ทุกอย่างกระจ่างมาก… ไม่เป็นไรนะ ยัง