สามีของโซอี้มองดูมาร์คอย่างระแวดระวังและรวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดว่า “นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของฉันนะ แต่ป้าของเธอไม่ควรมีส่วนแบ่งในคฤหาสน์วินน์หน่อยเหรอ? มันคงจะดูไม่เหมาะสมหากเธอจะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวเลยถูกไหม? นอกจากนี้ เธอมีทุกอย่างที่เธอต้องการแล้ว เธอสามารถครองเมืองหลวงได้ครึ่งหนึ่งเพียงแค่เธอสะบัดมือของเธอ แต่สำหรับเรามันต่างกัน พวกเราจน ป้าเธอก็ใช้ชื่อวินน์ด้วย เธอไม่ควรจะโหดร้ายเกินไปนะ”แอเรียนรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น เธออุ้มแอริสโตเติลไปนั่งบนโซฟา ก่อนที่เธอจะใช้ดวงตาที่แสนสวยของเธอจ้องไปที่ครอบครัวสามคนนั้นอย่างสงบ “คุณพูดถูก ฉันมีทุกสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว อย่างไรก็ตาม คฤหาสน์วินน์มีความพิเศษสำหรับฉันมากจนประเมินค่าไม่ได้ จริงอยู่ว่าคุณป้าก็ใช้ชื่อวินน์ แต่คุณย่าทิ้งคฤหาสน์นั้นไว้ให้ฉัน ฉันจะแบ่งมันกับพวกคุณได้อย่างไร? บางที… คุณควรจะขออนุญาตจากคุณย่าก่อนดีไหม?”หน้าของโซอี้ถอดสีด้วยความตกใจ “ไม่ ไม่ ไม่ เราไม่ต้องการมัน! คุณย่าทิ้งมันไว้ให้เธอ เราจะไม่เอามันไปจากเธอแน่นอน!”“คุณทำให้ฉันประหลาดใจจริง ๆ” แอเรียนพูดพร้อมกับเย้ยหยัน “คุณสามารถนึกถึงผลประโยชน์ทั้ง ๆ ท
แฮร์ริสเริ่มไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ "ทำไม? เราดูแลหญิงชราคนนั้นมาเสมอ แต่สุดท้ายเขาได้ให้อะไรเราไหม? เธอเห็นสีหน้าของแอเรียนหรือเปล่า? หล่อนปฏิเสธที่จะนับญาติกับเราเพียงเพราะเรายากจน พวกเทรมอนต์มีเงินมากเกินพอแต่พวกเขาก็ยังคงจะเก็บคฤหาสน์วินน์ไว้ ใครจะไปรู้ว่าหล่อนคิดอะไร? หล่อนเป็นผู้หญิง หล่อนแต่งงานแล้ว ดังนั้นฉันเดาว่าเราคงจะต้องเปลี่ยนชื่อของคฤหาสน์วินน์ในอนาคตแล้วแหละ คฤหาสน์นั้นควรเป็นของฮาร์วีย์ เธอมอบคฤหาสน์วินน์ให้กับฆาตกรของพ่อตัวเอง ช่างเป็นความคิดที่แปลกเสียจริง!”ฮาร์วีย์รู้สึกรังเกียจพ่อแม่ตัวเองอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ “หยุดพูดสักทีได้ไหม? ทุกอย่างของตระกูลวินน์ควรจะเป็นของเขาอยู่ดี ลองทิ้งความจริงที่ว่าเราดูแลคุณยายมานานหลายปีไปสิ ถ้าผมจำไม่ผิด พ่อก็ขอเงินจากพี่เขยมาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยก็สองสามแสน? แม่กับผมไม่เคยเห็นแม้แต่เซ็นต์เดียวเลย พวกเขาใจดีกับเรามามากแล้ว เลิกโลภได้แล้ว”โซอี้ที่ไม่รู้เรื่องนี้จึงตกใจมาก "ลูกพูดว่าอะไรนะ? จริงเหรอ? มาร์คให้เงินนายมาเท่าไหร่?”สามีของเธอลูบจมูกพลางรู้สึกผิด “ตอนนั้นเราจะหย่ากันไม่ใช่เหรอ? เพราะอย่างนั้
เมื่อเฮนรี่เดินเข้าไปในบ้าน เขาไม่ได้มาคนเดียวเพราะคนที่เดินตามหลังเขามาติด ๆ นั้นคือ เฮเลน เธอไม่ได้วางแผนว่าจะมาเซอร์ไพรส์แต่อย่างใด เธอเพียงแต่บังเอิญเจอกับเฮนรี่ที่รั้วบ้าน แอเรียนที่อุ้มสมอร์อยู่ในอ้อมอกเข้ามาทักทายเธอ “ที่รัก ทักทายคุณยายหน่อยสิ”สายตาที่เฮเลนมองสมอร์นั้นเต็มไปด้วยความรัก ทว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะเข้าไปกอดหรืออุ้มเขาเลย คงจะเป็นเพราะเธอกลัวว่าแอเรียนอาจจะไม่พอใจกับสิ่งนั้น “น่ารักจังเลย! เขาหน้าเหมือนลูกแต่มีสีหน้าของมาร์ค” แอเรียนยิ้ม “เชิญนั่งก่อนสิ ในที่สุดก็มีเวลาว่างแล้วเหรอคะ?”เฮเลนนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นและพึมพำขอบคุณแมรี่ผู้นำน้ำดื่มใส่แก้วมาให้เธอ “แม่กำลังจะไปทำธุระและผ่านมาทางนี้พอดี แม่คิดว่าตอนนี้ลูกน่าจะอยู่บ้าน แม่ก็เลยแวะมาเยี่ยมหาสักหน่อย”“ผ่านมาทางนี้พอดี?” ไม่มีทางที่คฤหาสน์เทรมอนต์จะเป็น "ทางผ่าน" ของเส้นทางการเดินทางใคร ๆ เพราะที่ตั้งของมันไม่ได้อยู่ใกล้ทางด่วนหรือถนนที่พลุกพล่าน มันเป็นเพียงขอแก้ตัวของเฮเลน แต่แอเรียนเลือกที่จะมองข้ามมัน “แล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ? ที่บริษัทของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เฮเลนชะงักชั่วครู่ก่อนที่จะ
แอเรียนพยายามหยิบจี้คืนจากสมอร์ ทว่ามือของเขากำหมัดแน่นอย่างดื้อรั้นโดยไม่ยอมปล่อยไม่ว่าเธอจะพยายามงัดมันมากแค่ไหนก็ตาม ด้วยความกลัวว่าเธออาจจะทำให้เขาเจ็บโดยไม่ตั้งใจได้ แอเรียนจึงยอมแพ้และยอมจำนน "ก็ได้ เราจะไม่ได้มันกลับมาจนกว่าเขาจะเบื่อมัน โอ้ นั่นทำให้ฉันนึกถึง... เอ่อ เรื่องที่ว่า แอรี่เป็นอย่างไรบ้าง?”หากเธอมีทางเลือก แอเรียนจะไม่มีวันพูดถึงแอรี่เด็ดขาด แต่ ณ ตอนนี้เธอหมดเรื่องที่จะคุยกับเฮเลนโดยสิ้นเชิง เธอไม่อาจจะปล่อยให้ “ช่วงสนทนา” ที่เหลือของทั้งคู่กลายเป็นการจัองตากันไปมาได้ใช่ไหมล่ะ?เฮเลนเองก็ไม่นึกว่าแอเรียนจะพูดถึงแอรี่ขึ้นมาด้วยตัวเอง หลังจากที่เธอหายตะลึง เธอจึงตอบว่า “ก็ดีนะ ตอนนี้เธอกำลังเรียนอยู่ที่ต่างปกระเทศ แม่โล่งอกที่เธอดูเหมือนจะกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเมื่อก่อน คือ แม่หาครอบครัวอุปถัมภ์ที่แม่ได้สร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดด้วยให้เธอเพื่อที่แม่จะได้เฝ้าติดตามทุกการเคลื่อนไหวและทุกสถานการณ์ของแอรี่จากที่นี่ จริง ๆ แล้วแค่แอรี่กลับไปตั้งใจเรียนและเลิกคิดที่จะทำลายชีวิตตัวเอง คนเป็นแม่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องหมดหวังในตัวลูกสาวของตัวเองแล้ว ลูกว่าไหม? แต่แน
มุมปากของมาร์คขยับเป็นร้อยยิ้ม แต่แววตาของเขากลับไม่ได้ยิ้มด้วยเลย มันเป็นเพียงการสวมร้อยยิ้มปลอม ๆ“คุณไม่ได้จะบอกให้ผมไปตามหาที่ดินที่คุณสมมุติขึ้นมานั้นเองใช่ไหม?” เขากล่าวขึ้น “ทุกคนที่สมองยังใช้งานได้ต่างสามารถฝันถึง ‘ทางออก’ ที่ง่ายขนาดนี้ได้! เหตุผลที่ผมเรียกพวกคุณมาประชุมก็เพราะว่าผมต้องการผลลัพธ์และความคืบหน้าจริง ๆ แต่คุณกลับ… ถามผมราวกับว่าคุณกำลังขออนุญาต ถามจริง? คุณพิจารณาเองสักนิดไม่เป็นเลยเหรอ?! ก็ได้ เยี่ยมเลย งั้นผมเดาว่าผมควรจะเริ่มนับถอยหลังรอวันที่บริษัทของผมพังทลายได้เลย” ผู้บริหารหนุ่มรีบเก็บแฟ้มเอกสารของตัวเองทันทีราวกับว่าเขากำลังจะออกจากห้อง “ครับ ครับ! ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ ผมสัญญาว่าคราวหน้าผมจะทำให้คุณภูมิใจ!”มาร์คนวดหน้าผากตัวเอง “พระเจ้าช่วย พวกคุณก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะ ทำไมถึงไม่ลงมือทำงานทันทีที่คิดว่าตัวเองมีวิธีแก้ปัญหาดี ๆ บ้างเลย? ทำไมต้องรอให้ผมอนุมัติก่อนด้วย หื้มม? เลิกขออนุญาตผมทุกเรื่องได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ สมองคุณจะฝ่อเอานะถ้าจะไม่ใช้มันเลยน่ะ คุณรู้ไหมว่าผมอยากได้ยินว่าอะไร? ผมอยากได้ยินว่า ‘คุณเทรมอนต์ครับ ผมเจอที
เจตต์ส่ายหัว “บ้า ไม่ต้องหรอก ที่นี่ก็น่าอยู่ดีออก เห็นไหม? มีตั้งสองห้องนอนแหนะ ห้องหนึ่งของเธอ ห้องหนึ่งของฉัน ฉันจะได้มาค้างที่นี่ตอนที่สะดวกได้ด้วย” เขากล่าว “และเธอไม่จำเป็นต้องออกไปทำงานเลย งานฉันเลี้ยงเราสองคนได้สบาย อย่างน้อยก็ก่อนที่เด็กนั้นจะคลอด แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เราสองคนอาจจะไม่ได้มีอนาคตร่วมกัน แต่เด็กนั้นเป็นลูกฉันเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่ากังวลเกินไปและทำตามที่ฉันบอกก็พอ นี่ ถ้ามองข้ามเรื่องที่เราไม่ได้คบกันจริง ๆ ฉันว่าเราดูเหมือนสามีภรรยากันจริง ๆ นะ” ธัญญ่ารู้สึกกระเทือนในหน้าอกราวกับว่ากำแพงที่ปิดล้อมหัวใจเธอได้พังทลายลง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพิจารณาเจตต์อย่างรอบคอบ… และพบว่าความปรารถนาของเธอที่มีต่อแจ็คสันลดลงเธอหวังเพียงเสี้ยววินาทีว่าข้อตกลงระหว่างเธอกับเจตต์นั้นเกิดขึ้นด้วยความยินยอมโดยสุจริตและเที่ยงแท้ เธอต้องการมีครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรจริงเลย พวกมันเป็นเพียงบทบาทที่พวกเขาต้องเล่นตามเพื่อความอยู่รอดความอึดอัดที่อัดแน่นในหน้าอกของเธอทำให้เธอหายใจลำบากขึ้นเล็กน้อย “ฉัน… อ้อ ผ้ากอซจะหมดแล้ว” เธอประกาศ “ฉันจะลงไปร้านขายยาข้างล่างแ
เจตต์ซุกบัตรนั้นไว้ในกระเป๋าของเขาอย่างลังเล “คุณก็รู้ว่าถ้าหากคุณทำอะไรมากเกินไป นายท่านจะสงสัยคุณเอาได้นะครับ”อเลฮานโดรยิ้ม “เรื่องนั้นมันน่าสงสัยตรงไหนเหรอ? หรือเขาสงสัยว่าฉันอาจจะไม่ใช่หลานชายสุดที่รัก อเลฮานโดร สมิธของเขาจริง ๆ? นั่นมันเป็นความสงสัยของนายท่านหรือของนายกันแน่? แล้วถ้าฉันบอกนายว่า ฉันไม่ใช่อเลฮานโดรล่ะ?”เจตต์ก้มศีรษะลงต่ำกว่าเดิม เสียงของเขาเอื่อยเฉื่อยจนแทบจะเหมือนหุนยนต์ตอนที่เขาตอบ “สำหรับผม คุณสมิธก็คือคุณสมิธวันยังค่ำ ความเป็นไปได้อื่นใดไม่สำคัญ แม้ว่าคุณจะทำสิ่งที่ตลกหรือน่าสงสัยอยู่ก็ตาม” อเลฮานโดรดูเหมือนจะอารมณ์ดี “ฮ่า เพราะแบบนี้ไงฉันถึงชอบนายและอยากให้นายอยู่ข้างฉัน นายรู้ไหม… ธัญญ่าอาจจะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่เธอค่อนข้างหน้าตาดีเลยนะ นายควรจะลองพิจารณาเธอดูดี ๆ” “คนอย่างผมจะไม่มีวันมีชีวิตที่ปลอดภัยและมั่นคง” เจตต์ตอบอย่างสงบ “สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการคือการต้องลากคนอื่นเข้ามาเสี่ยงกับผม ถ้าผมทำได้ ผมอยากจะคืนอิสรภาพให้เธอมากกว่า”อเลฮานโดรดูเหมือนจะตะลึงกับความตรงไปตรงมาของเขา “หึ แค่นั้นก็ทำให้นายมีมนุษยธรรมมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ทำงานให้กับครอบครัวนี
หัวใจของแอเรียนสั่นสะท้าน“ไม่ว่านายจะทำอะไร ห้ามกลับเข้าไปในโรงแรมเด็ดขาด หาที่ซ่อนแถว ๆ นั้นและอย่าให้พวกมันหานายเจอ ส่งที่อยู่มาให้ฉันด้วย ฉันจะพากำลังเสริมไปช่วย!” แอเรียนตอบขณะที่สั่นสะท้าน หลังจากที่วางสายเธอก็รีบไปที่ห้องนอนทันที มาร์คเพิ่งจะลงไปแช่น้ำแบบโป๊เปลื่อย เขายิ้มเมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ “จะทำอะไรเหรอ? ฉันว่าฉันพอจะมีแรงอยู่นะ ถ้าเธอต้องการมันขนาดนั้น…” ถึงจุดนี้เธอไม่อาจสนใจที่จะรู้สึกเขินอีกต่อไป “ไม่ใช่อย่างนั้น มีบางอย่างเกิดขึ้นกับฮาร์วีย์ ฉันคิดว่าพวกลักพาตัวน่าจะบุกไปที่โรงแรม มันต้องมีอะไรแน่ ๆ คุณจะต้องไปกับฉันและเรียกกำลังเสริมมาด้วย ฉันกลัวจริง ๆ นะคุณ! เรากำลังพยายามจะสืบว่าอีธานอยู่เบื่องหลังทั้งหมดนี้หรือเปล่าไม่ใช่เหรอ? เร็วเข้า ออกมาจากอ่างได้แล้ว!” รอยยิ้มของมาร์คจางหายไป เขาทำหน้าเคร่งขรึมและลุกออกจากอ่างอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะดึงเสื้อคลุมมาคลุมตัว “ไปเอาเสื้อผ้ามาให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรหาเฮนรี่”แอเรียนหันหลังกลับและเดินไปที่ห้องเสื้อผ้าก่อนที่จะสุ่มหยิบเสื้อผ้ามาหนึ่งชุด “คุณใส่เสื้อผ้าเลยเดี๋ยวฉันโทรหาเฮนรี่เอง บอดี้การ์ดต่างเตรียมพ