ไม่ถึงครึ่งเดือนต่อมา สภาพอากาศในเมืองหลวงก็ถึงจุดที่แผดเผาสูงสุดของปี อากาศในเมืองร้อนมากจนผู้คนล้วนแต่อยากจะอยู่ในบ้าน ไม่มีใครอยากออกไปไหนทั้งนั้นแอเรียนและแอริสโตเติลใกล้จะล้มป่วยจากความชื้นนี้ ภูมิต้านทานต่อความร้อนของแอริสโตเติลต่ำมากจนแอเรียนกลัวว่าเขาจะเป็นลมแดดถ้าเธอพาเขาออกจากบ้าน ทุกวันนี้เธอจึงไม่ค่อยได้พาเขาออกไปที่สวนและจะพาเขาเดินเล่นในตอนเย็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกเท่านั้น ไม่ว่าคฤหาสน์เทรมอนต์จะใหญ่แค่ไหน มันกลับดูเล็กลงมากในช่วงเวลาเช่นนี้ การที่ต้องอยู่แต่ข้างในบ้านทั้งวันนั้นค่อนข้างจะน่าเบื่อมากเลยทีเดียวพักหลัง ๆ นี้มาร์คยุ่งมากจนแอเรียนและแอริสโตเติลแทบจะไม่ได้เจอเขาเลย เขาจะออกไปทำงานก่อนที่แอเรียนจะตื่นและกลับมาบ้านเมื่อเธอเข้านอนไปแล้ว เธอเริ่มสงสัยว่าแอริสโตเติลจะลืมหน้าดาด๊าของเขาหรือไม่ ถ้าขืนยังเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็อยู่บ้านเดียวกันแต่กลับไม่เคยได้เห็นหน้ากันเลย และทารกก็มักจะมีความทรงจำที่ไม่ดี มันจึงจะไม่น่าแปลกใจเลยถ้าสมอร์จะลืมหน้ามาร์คณ ตึกเทรมอนต์ ทาวเวอร์ ในห้องทำงานของผู้บริหารสูงสุดสีหน้าของมาร์คเยือกเย็นที่สุด เขาเอนกา
แจ็คสันวางโทรศัพธ์ลงที่โต๊ะโดยไม่วางสาย “เราเพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะครับ แล้วทำไมวันนี้ผมถึงได้รับเกียรติในการมาเยี่ยมเยือนของคุณเหรอครับ? ช่วยบอกผมที” เขาตั้งใจเน้นย้ำไปที่การพบปะกันครั้งก่อนของพวกเขาเมื่อชายทั้งสองไปหาทิฟฟานี่ในเวาลาเดียวกัน ความโกรธแค้นระหว่างพวกเขายังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของแจ็คสัน เจตต์เข็นอเลฮานโดร ซึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นตามปกติ ไปข้างหน้า “คุณมีที่ดินดี ๆ อยู่ในมือ เสนอราคามาเลย ผมต้องการมัน"แจ็คสันหรี่ตาลง "โอ้? เห็นได้ชัดว่าแหล่งข้อมูลของคุณมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ผมแค่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะทำอย่างไรกับที่ดินผืนนั้นดี แต่ผมไม่ได้ลืมมันนะ ท้ายที่สุดมันก็มีค่ามาก แต่ตอนนี้คุณก็มีที่ดินมากมายแล้ว คุณจะซื้อเพิ่มอีกทำไม? คุณตั้งใจจะผูกขาดตลาดในเมืองหลวงเหรอ? แต่โชคร้ายหน่อยที่เพื่อนผมเพิ่งจะโทรมาและผมก็ตกลงว่าจะขายที่ดินนั้นให้เขาไปแล้วด้วย”“ผมจะให้สองเท่าของราคาที่เขาเสนอ คุณจะว่าไง?” อเลฮานโดรตอบทันที แจ็คสันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ผู้คนมักจะประเมินราคาที่ดินไว้สูง ๆ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับผู้ซื้อที่ดื้อรั้นขนาดนี้ ต่อให้ราคาที่ดินที่สูงขึ้น
มาร์คหยุดเดิน “เอ่อ ฉันทำให้เธอตื่นเหรอ? งั้นฉันจะไปอาบน้ำข้างล่างนะ”แอเรียนขยี้ตาที่พร่ามัวของเธอ “ไม่เป็นไร อาบน้ำที่นี่แหละ ตอนนี้ฉันง่วงมาก เดี๋ยวฉันก็นอนต่อแล้ว แต่ขอร้อง รีบอาบน้ำและเข้านอนเถอะ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปนักเลย”แม้ว่าเธอจะไม่มีปัญหาอะไร แต่มาร์คก็ยังคงพยายามอาบน้ำให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำ เขาก็เข้าไปนอนที่ที่ว่างถัดจากแอเรียนทั้งคู่แยกตัวออกจากสมอร์ผู้น่าสงสารที่มีเพียงหมอนข้างอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้นแอเรียนยังไม่ได้หลับลึก ดังนั้นเธอจึงโอบแขนของเธอรอบคอเขาและดึงตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาตามสัญชาตญาณก่อนที่จะเข้าที่ของเธอ “ถ้าคุณยังคงกลับบ้านจากที่ทำงานดึก ๆ แบบนี้อยู่ สมอร์จะลืมหน้าคุณในไม่ช้าก็เร็วนี้นะ” เธอแซว “คุณก็รู้ดีว่าความทรงจำของเด็ก ๆ แย่แค่ไหน เขานอนบนเตียงเดียวกับเรา แต่เขาไม่เคยได้เห็นหน้าคุณเลย... ถ้าเขาลงเอยด้วยการลืมว่าคุณเป็นพ่อของเขา นั่นจะเป็นเรื่องตลกแห่งศตวรรษเลยนะ! หาเวลามาอยู่กับเขาหน่อยได้ไหม?”มาร์คดมผมของเธอสองสามเส้นจนเขาเวียนหัวและมึนงง “อืม เข้าใจแล้ว… พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานสายและกลับบ้านเร็ว ราตรี
ทิฟฟานี่ลูบจมูกตัวเอง “เชื่อก็บ้าแล้ว อย่างกับคุณจะมีเวลาว่างขนาดนั้นงั้นแหละ”อเลฮานโดรจิบเบียร์ที่อยู่ต่อหน้าเขา “อย่างที่ผมบอก วันนี้ผมเพิ่งซื้อที่ดินแปลงหนึ่งมาจากแจ็คสัน ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเก็บความแค้นของเขาได้เก่งมากเพราะวิธีที่เขาปฏิบัติกับผมนั้นเหมือนกับที่เขาจะทำต่อคู่ปรับในเรื่องความรักเลย เขาขายที่ดินแปลงนั้นให้ผมในราคาสามเท่าของราคาตลาดด้วย”ทิฟฟานี่จัดโต๊ะด้วยสายตาที่หรี่ลงเล็กน้อย "อ๋อ งั้นเหรอ? ไม่รู้สิ ถ้าคุณคิดว่ามันแพงเกินไปคุณก็สามารถปฏิเสธข้อเสนอของเขาได้นิ หรือว่าคุณมีเงินในกระเป๋ามากเกินไปจนคุณเพียงอยากหาวิธีผลาญมัน?”การเห็นเธอแกล้งทำเป็นไม่สนใจทำให้อเลฮานโดรหัวเราะคิกคัก "ฮิฮิ เห็นได้ชัดว่าคุณใส่ใจเรื่องนี้มาก แล้วทำไมต้องแสร้งทำเป็นอย่างอื่นล่ะ หืม? ไม่เอาน่า คุณไม่จำเป็นต้องแสร้งอะไรเมื่อคุณอยู่กับผมทั้งนั้น เข้าใจไหม? เป็นตัวของตัวเองได้เลย ผมจะไม่โกหก ผมคิดว่ามันแพงมาก แต่ผมต้องการมัน ผมก็เลยต้องตอบตกลง” เขาอธิบายก่อนจะเสริมว่า “อ้อ อีกอย่าง เขากำลังจะมาที่สาขาที่คุณทำงานอยู่ตอนนี้ แค่จะเตือนคุณไว้ก่อน”ทันใดนั้นทิฟฟานี่ก็รู้สึกว่าบาร์บีคิวในปากขอ
เจตต์ยืนอยู่นอกห้องของทิฟฟานี่แทนที่จะเข้าไปข้างใน เขาได้เลือกจุดยื่นข้างประตูตั้งแต่ที่พวกเขาไปถึงที่ห้องของทิฟฟานี่ที่ชั้นบน ทิฟฟานี่คิดว่ามันแปลก แต่เธอก็ยังเข็นรถเข็นของอเลฮานโดรเข้าไปในห้องของเธออยู่ดี เขาเป็นแค่ผู้ชายที่ขาพิการจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป การต้องอยู่กับเขาตามลำพังจะเป็นอันตรายได้แค่ไหนเชียว?ทิฟฟานี่จึงคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากนักเนื่องจากเธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอจึงยังไม่ได้จัดของหลายอย่างให้เข้าที่จนห้องของเธอแอบรกเล็กน้อย “ฉันยังไม่มีเวลาจัดห้องเลย มันก็เลย… เอ่อ อย่างที่เห็นน่ะ” เธอยอมรับอย่างเขินอาย “เอ่อ เดี๋ยวฉันไปชงชาก่อนนะ”ทิฟฟานี่ไปที่โซนเครืองดื่มแล้วเริ่มชงชา แต่เห็นได้ชัดจากท่าทางที่เก้ ๆ กัง ๆ ของเธอว่าเธอไม่ชำนาญในเรื่องนี้เลย หลังจากที่เธอพลาดจนเกือบจะทำน้ำร้อนหกใส่ตัวเอง ทันใดนั้นก็มีมือมาปรากฏขึ้นข้าง ๆ เธอ “ขออนุญาตนะ”ทิฟฟานี่ชะงัก ทำไมเสียงของอเลฮานโดรจึงมาจากเหนือศีรษะของเธอ? เขานั่งรถเข็น ดังนั้นเสียงของเขาควรจะดังมาจากข้างล่างไม่ใช่เหรอ?เธอหันกลับไปข้างหลังแล้วหน้าผากของเธอก็ชนเข้ากับคางของเขาด้วยมือที่ปิดห
ทิฟฟานี่ผลักประตูห้องประชุมเข้าไปอย่างเงียบ ๆ และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ดึงดูดความสนใจมาที่ตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความสนใจของแจ็คสันที่พูดอยู่ก็ลอยมาที่ใบหน้าของเธอเกือบจะในทันทีที่เธอก้าวเข้าไป เขามองเธอประมาณสองวินาทีก่อนที่เขาจะละสายตาจากเธออย่างเฉยเมยในหัวของทิฟฟานี่สงสัยเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็คือ: แค่นั้นเหรอ? นั่น? คืออะไร?เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่สงบและเยือกเย็นเช่นนี้ เขาปล่อยเธอไปได้แล้วจริง ๆ หรืออะไร?เอมี่รีบเตือนเธอว่า “คุณเลน แม้ว่าคุณจะเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ แต่คุณมาสายไปยี่สิบนาทีนะ”การแสดงออกที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นบนสีหน้าของแจ็คสัน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นทิฟฟานี่เข้ามาในห้อง แต่เขาจำได้ว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามข้อตกลงของซัมเมอร์ เขาก็เลยไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม่สุดที่รักของเขาจะแต่งตั้งให้ทิฟฟานี่เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการอีกด้วยเขาควรจะดีใจที่เธอเป็นแค่ “ผู้ช่วย” ใช่ไหม?เขาแกล้งกระแอมก่อนจะพูดแทรก “นั่งก่อนสิครับคุณเลน เราจะได้กลับมาประชุมกันต่อ เราจะคุยกันเรื่องที่คุณมาสายในภายหลัง”ทิฟฟานี่เม้มปากแน่น เธอเลือกที่น
ทิฟฟานี่วางโน๊ตบุ๊คของเธอลงบนโต๊ะก่อนจะบ่นอย่างฉุนเฉียว “แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหนล่ะ?”แจ็คสันตอบโดยไม่มองเธอ “ก็ไปหยิบเก้าอี้มาเองสิ คุณมาเป็น 'ผู้ช่วยผู้อำนวยการ' ด้วยสมองนั้นได้อย่างไรเนี่ย?”การโต้กลับของเขาทำให้ทิฟฟานี่รู้สึกถูกล้อเลียนมากพอจนเธอต้องหัวเราะเยาะและวางมือบนสะโพกของเธอ “คุณรู้ไหมว่าฉันไม่ได้อยากจะเป็นผู้ช่วยสักหน่อย? ฉันมาที่นี่เพราะคิดว่าฉันจะได้เป็นหัวหน้าแผนก! แต่ยังไงก็เถอะ คุณก็รู้อยู่แล้วว่าฉันได้งานนี้เพราะเส้นสายของฉัน แล้วทำไมคุณยังต้องถามอีกล่ะไอน์สไตน์?”บางที อาจจะด้วยความกังวลเกี่ยวกับน้ำเสียงของทิฟฟานี่เล็กน้อย เอมี่จึงแทรกอย่างรวดเร็วโดยแสร้งทำเป็นไอ “เอ่อ คุณเลน? เธอควรไปเอาเก้าอี้แล้วย้ายมานั่งที่โต๊ะฉันก่อน”ทิฟฟานี่กระชากเก้าอี้ไปที่โต๊ะของเอมี่ก่อนจะนั่งลงและจ้องเขม็งไปที่แจ็คสัน “เก็บมือไว้กับตัวเองไม่ได้เลยหรือไง? อย่าแม้แต่คิดที่จะทำให้กระบองเพชรของฉันตายด้วยนิ้วที่เป็นพิษของคุณนะ!”แจ็คสันชักมือออกจากต้นที่เต็มไปด้วยหนามในทันทีและนั่งหลังตรงเพื่อให้ดูจริงจังมากขึ้น “โอ้ ผมจะไม่เสียเวลากังวลว่ามันจะตายหรอก มันเป็นสิ่งเล็กน้อยที่หดื้อรั้น เหม
แอเรียนซาบซึ้งมากแต่เธอยังคงไม่แสดงอาการใด ๆ “อืม ไม่เป็นไร คุณทำให้ฉันเหนื่อยได้มากกว่าที่สมอร์ที่ยังเป็นเด็กทารกจะสามารถทำได้อีก” เธอกล่าวเสียงสูง “กลับมาเร็ว ๆ นะ ถ้าทำได้”น่าเสียดายที่การเลือกคำของแอเรียนทำให้เกิดการตีความผิด สำหรับมาร์คความหมายของมันคือภรรยาของเขาไม่พอใจที่เขาละเลยเธอมาเป็นเวลาครึ่งเดือน ดังนั้น เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงเอนตัวไปข้างหูของเธอและรดมันด้วยลมหายใจของเขา “อืม นั่นอาจเป็นสิ่งที่ฉันจะทำคืนนี้ เราจะให้สมอร์ไปนอนในห้องของเขาเพื่อที่หม่ามี๊และดาด๊าจะได้มีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง เธอเตรียมตัวรอได้เลย”ใบหน้าของแอเรียนแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ "เดี๋ยวก่อน! ฉะ-ฉันไม่ได้จะสื่ออย่างนั้นซะหน่อย!”เขายิ้ม “โอ้ เธอจะสื่ออย่างนั้นแน่นอน อย่าทำมาเป็นซื่อเลยน่า”แอเรียนมองดูเขารีบเดินออกไปด้วยมุมริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อยนี่อาจเป็นความรู้สึกของการมีครอบครัวที่ปกติและมีความสุขใช่ไหม? มีเพียงพวกเขาสามคนที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษโดยไม่เคยต้องกลัวว่าคนใดคนหนึ่งจะหายไปจากชีวิตของอีกคนอย่างกะทันหัน ปราศจากความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งในทันใด มันคือทั้งหมดที่เธอเคยฝันถึงเมื่