มาร์คดึงโทรศัพท์ออกมาด้วยความรู้สึกที่อยากจะโทรหาแอเรียนนับครั้งไม่ถ้วน อย่างไรก็ตาม เขากลับกลัวว่าเธอจะปฏิเสธสายของเขาอีกครั้ง นั่นจะทำให้เขาอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องทนต่อไป เขาจะต้องหยุดตามใจเธอ และนั่นรวมถึงแอริสโตเติลด้วย พวกเขาทั้งคู่ต่างนิสัยเสียมากเกินไปทันใดนั้นก็มีคนผลักประตูเข้ามาในห้องทำงานเขาเบา ๆ หญิงสาวร่างสูงเพรียวและรูปงามในชุดทำงานที่มัดผมหางม้าแบบหลวม ๆ ก้าวเข้ามาในห้อง "คุณเทรมอนต์” เธอพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ผู้อำนวยการขอให้ฉันนำเอกสารเหล่านี้มาส่งให้คุณค่ะ ฉันไม่ได้เคาะประตูก่อนเพราะกลัวว่าจะรบกวนลูกของคุณ ฉันควรวางเอกสารเหล่านี้ไว้บนโต๊ะของคุณเลยไหมคะ?”มาร์คพยักหน้า “วางไว้ที่โต๊ะเลย” เขาตอบเบา ๆ “ผมจะดูให้เมื่อผมมีเวลา” ขณะที่เขาพูดเขาก็สังเกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นได้ถอดรองเท้าส้นสูงของเธอและถือมันไว้ในมือเมื่อตอนที่เข้ามา เธอไม่ได้ใช้รองเท้าแตะแบบที่ใช้แล้วทิ้งที่ถูกจัดเตรียมไว้หน้าห้องเขา “หน้าประตูมีตู้รองเท้าพร้อมกับรองเท้าแตะแบบที่ใช้แล้วทิ้งนะ”หญิงสาวยิ้ม “อ้อ ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ และฉันยังเป็นแค่เด็กฝึกงาน ฉัน
การประชุมใช้เวลาไม่นานนักเนื่องจากมาร์คไม่สามารถหยุดกังวลถึงแอริสโตเติลได้ การประชุมที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงจึงถูกเร่งให้สั้นลงจนเหลือเพียงหนึ่งชั่วโมงเพราะลูกชายของเขา เขาข้ามผ่านทุกเรื่องที่ไม่ได้สำคัญหรือเร่งด่วนนักเมื่อมาร์คกลับมาที่ห้องทำงานตัวเอง เขาก็พบว่าแอริสโตเติลหยุดร้องไห้ไปแล้ว ต้องขอบคุณความพยายามอย่างมากในการปลอบเขาของเจนิซ หนุ่มน้อยจึงกำลังจ้องมองเธอด้วยความว่างเปล่า เขาดูไม่มีความสุข แต่อย่างน้อยเขาก็หยุดร้อง มาร์คถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเธอแล้วพูดว่า “คุณเลี้ยงเด็กเก่งจริง ๆ ด้วย ไม่มีใครสามารถปลอบสมอร์ได้เลยยกเว้นแม่ของเขา”เจนิซเริ่มสงวนตัวมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขากลับมา เธอก้าวออกมายืนข้าง ๆ “สมอร์เหรอคะ? สมอร์น้อย? ช่างเป็นชื่อเล่นที่น่ารักมาก!”มาร์คมองลูกชายตัวเองแล้วยิ้ม “ใช่ แม่ของเขาตั้งชื่อให้เขาน่ะ เราเรียกเขาแบบนั้นจนติดปากไปแล้ว ชื่อจริงของเขาคือแอริสโตเติล เทรมอนต์”เจนิซจ้องมาร์คด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนในสำนักงานต่างบอกว่าเขาไม่ได้ยิ้มมาเป็นเวลานานแล้ว เธอไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะดูดีขึ้นไปอีกเมื่อเขายิ้ม มันทำให้เขาดูอ
ธัญญ่าไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใด เธอเพียงแต่สงสัยว่าทำไมคุณปู่และหลานชายถึงดูห่างเหินกันนัก “โอเคค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย คุณสองคนคุยกันไปก่อนนะคะ”ดอน สมิธจ้องเจตต์สักครู่ก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินกลับเข้าไปในห้องนอน “เข้าไปคุยข้างในเถอะ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่านายคงไม่ต้องการให้ภรรยาของนายรับรู้ทุกอย่างหรอก”เจตต์กัดฟันทนและตามเขาเข้าไปข้างในก่อนที่จะปิดประตูด้วยความระมัดระวัง “นายท่านครับ... คุณต้องการอะไรเหรอครับ? การแต่งงานของผมเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมไม่ได้ต้องการรบกวนคุณ มันไม่ใช่งานใหญ่อะไรด้วย…”จู่ ๆ ดอน สมิธก็โกรธจัด “ภรรยาของนายบอกฉันทุกอย่างที่เธอรู้แล้ว เธอคิดว่าฉันเป็นปู่ของนายจริง ๆ เธอจึงไม่ได้สงสัยอะไรเลย นายคิดที่จะเก็บเรื่องนี้จากฉันนานแค่ไหน? กล้าดียังไงถึงมาหักหลังฉัน! อย่าลืมนะว่านายคงไม่มาถึงจุดนี้ได้ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน!”เจตต์คุกเข่าลงและก้มศีรษะทันที ความตื่นตระหนกครอบครองเขาขณะที่เขาอ้อนวอน “ธัญญ่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้โปรดเมตตาและไว้ชีวิตเธอดัวยครับ เธอไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ!”ดอน สมิธนั่งลงที่ขอบเตียง “ฉันจะให้โอกาสนายครั้งนี้ครั้งเดียว บอกทุ
เจตต์ได้ยินเสียงข้าวของถูกทำลายจากฝั่งของอเลฮานโดร เห็นได้ชัดว่าอเลฮานโดรกำลังเดือดดาล “แค่จำสิ่งที่ฉันบอกนายเอาไว้ ฉันไม่ได้ใจกว้างเท่าไอ้แก่นั่น รู้นะว่าต้องทำยังไง!”หลังจากที่วางสาย เจตต์ก็เดินไปที่ประตูเพื่อเปลี่ยนรองเท้า เขามองธัญญาและพูดว่า “ฉันมีเรื่องงานด่วน ดังนั้นฉันอาจจะไม่ได้กลับมาบ้านสักสองสามวัน ดูแลตัวเองด้วยนะ ส่งข้อความหาฉันถ้าเธอต้องการอะไร ห้ามโทรหาฉันเด็ดขาด"ธัญญ่าดูผิดหวัง “แล้ว… ก๋วยเตี๋ยวล่ะคะ? คุณจะไม่กินมันก่อนเหรอ?”เขาส่ายหัว "ไม่มีเวลาแล้ว เธอกินเลย”...ที่เซาธ์ พาร์กหลังจากที่ทิฟฟานี่เลิกงาน เธอและแอเรียนก็พากันไปที่ร้านอาหารกลางแจ้งในบริเวณใกล้เคียง ผู้หญิงทั้งสองต่างอารมณ์ไม่ดี ทิฟฟานี่รำคาญแจ็คสัน ส่วนแอเรียนก็รำคาญมาร์ค ดังคำกล่าวที่ว่า 'ความทุกข์ย่อมมีเพื่อน'ทันใดนั้นทิฟฟานี่ก็ได้รับข้อความจากอเลฮานโดร “ช่วงสองสามวันนี้ระวังตัวให้มากขึ้นทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกด้วยนะ พยายามหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกคนเดียวด้วย” ด้วยความรู้สึกวิตก เธอจึงแสดงข้อความนั้นให้แอเรียนดู "มันหมายความว่าอะไร? ทำไมเขาถึงบอกให้ฉันระวังตัวและหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกคน
ทิฟฟานี่เป็นคนที่ค่อนข้างจะประมาทและไม่ระมัดระวัง เธอจึงไม่ได้สังเกตอะไรผิดปกติ "ก็ได้! ใครจะไปรู้ว่าแม้แต่คนอย่างเธอก็สามารถรู้สึกทุกข์ทรมานจากการปวดฉี่และลืมตัวได้เหมือนกัน ฉันคิดว่าเธอเป็นพวกนางฟ้าอมตะจากตำนานที่ปราศจากความต้องการและแรงกระตุ้นของมนุษย์เสียอีก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีความต้องการและแรงกระตุ้นของมนุษย์ได้เหมือนกัน…”แอเรียนไม่ได้ตอบเธอ หลังจากที่พวกเธอขึ้นไปถึงที่ชั้นบน แอเรียนก็ขอให้ทิฟฟานี่ไม่เปิดไฟ จากนั้นเธอก็เดินไปที่หน้าต่างที่มีวิวสวย ๆ และมองลงไปที่ถนนที่มีไฟถนนในละแวกนั้นเพื่อที่เธอจะได้มองเห็นผู้คนที่ชั้นล่างได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เธออยู่บนชั้นที่สูงเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้ชัดเจน ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ยังสามารถมองเห็นผู้ชายในชุดสีดำร่างสูงสองสามคน เธอรู้สึกกังวลใจอย่างอธิบายไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร พวกคนเหล่านั้นได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มา เธอสามารถบอกได้จากท่าทางของพวกเขา พวกเขาระมัดระวังอย่างมากเช่นกัน เธอรู้ทั้งหมดนี้เพราะว่าเหล่าบอดี้การ์ด ซึ่งเป็นทหารรับจ้างที่เกษียณอายุแล้วหรือบอดี้การ์ดมืออาชีพ ที่ทำงานให้ก
ทิฟฟานี่หดตัวราวกับลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม ความตื่นเต้นของเธอหายไปทันทีที่เธอได้ยินคำพูดของแอเรียน “ก็จริง เขามาคนเดียวแน่นอน ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งหรือเก่งกาจในการต่อสู้แค่ไหน เขาก็จะไม่สามารถเอาชนะผู้คนจำนวนมากนี้ได้อยู่ดี ช่างมันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ก็ค่อนข้างดึกแล้ว เพราะฉะนั้นนั้นฉันจะไปอาบน้ำก่อน ระหว่างนั้นเธอก็เฝ้าประตูไปก่อนนะ อย่าเปิดประตูให้ใครนอกจากแจ็คสัน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จฉันจะมาเฝ้าประตูเอง อย่าหลับก่อนล่ะ”แอเรียนพยักหน้า “ตกลง เธอไปอาบน้ำเถอะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น”...หลังจากที่รู้ว่าทิฟฟานี่กำลังตกอยู่ในอันตราย แจ็คสันก็เร่งความเร็วของรถเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จริง ๆ แล้วเขาจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่เขากลับใช้เวลาเพียงสี่สิบนาทีเพื่อที่จะไปถึงที่คอนโดมีเนียมของเธอ ถ้าไม่ติดว่ารถติดเขาอาจจะถึงเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ เมื่อเขาเข้าไปในละแวกนั้น เขาก็สำรวจบริเวณโดยรอบด้วยความระมัดระวัง ดูเหมือนว่าจะมีผู้ชายที่น่าสงสัยอยู่แถว ๆ นั้นจริง ๆ แต่เขาไม่ได้ก่อเหตุและแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัวขณะที่เดินไปที่ห้องของทิฟฟานี่เมื่อพวกเธอได้ยินเสียง
ทิฟฟานี่กลอกตาใส่เขา “คุณไม่ใช่เหรอที่คอยชี้ทางให้ฉันในขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่ในตอนนั้น? คุณโยนความผิดทั้งหมดมาที่ฉันได้ยังไง? ตอนนั้นคุณพูดเบามากจนฉันไม่ได้ยินคุณบอกว่าฉันจะชนประตูด้วยซ้ำ!”พวกเขาทะเลาะกันระหว่างทางออกไป แต่เมื่อพวกเขาออกไปถึงข้างนอก พวกเขาก็ต่างเงียบโดยปริยาย พวกเขายังคงรู้สึกว่าถูกจับตาดูอยู่ ความรู้สึกนั้นหายไปเมื่อพวกเขาเข้าไปในรถแล้วเท่านั้นทิฟฟานี่กำลังท้องและตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว ด้วยเหตุนี้แอเรียนจึงขอให้เธอไปพักผ่อนที่เบาะหลังขณะที่เธอจะนั่งเบาะหน้าเอง แจ็คสันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับมันเช่นกัน...เมื่อพวกคนที่กำลังซ่อนตัวอยู่แถวนั้นเห็นพวกเขาจากไป หัวหน้าของกลุ่มคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก “พวกเขาออกไปแล้วครับ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะออกจากเซาธ์ พาร์ก มีผู้ชายคนหนึ่งมารับเธอ แล้วก็มีผู้หญิงอีกคนอยู่กับเธอด้วย ให้ลงมือเลยไหมครับ?”เสียงของดอนดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของสาย “ผู้ชายและผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”หัวหน้าตอบว่า “ผู้ชายคนนั้นคือแจ็คสัน และเขาเป็นคู่หมั้นของทิฟฟานี่ ผู้หญิงคนนั้นคือ… หนึ่งในพวกเทรมอนต์ครับ”“พวกเทรมอนต์เหรอ….” ดอนเงียบไปค
คำพูดที่ชั่วร้ายของอเลฮานโดรไม่ได้ทำให้ดอนสะทกสะท้านแต่อย่างใด “ถ้าแกสามารถทำเช่นนั้นได้ก็เอาเลย ตราบใดที่แกแต่งงาน ฉันก็จะไม่ยุ่งเรื่องของแก อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าแกได้บรรลุความรับผิดชอบต่อครอบครัวเพียงเพราะว่าแกแต่งงานแล้วนะ อย่าให้พวกลาร์ครู้เรื่องของแกกับผู้หญิงคนอื่นเชียวล่ะ นายจะต้องเป็นคนดีและมีน้ำใจต่อหญิงสาวจากตระกูลลาร์คและต้องทำให้แน่ใจว่าเธอจะซื่อสัตย์กับแก ถ้าแกสามารถให้เหลนชายแก่ฉันได้ก็จะดีมาก เข้าใจไหม? ฉันขอเตือนแกนะว่าแกไม่จำเป็นต้องครอบครองใครเพียงเพราะแกชอบเธอหรอก อันที่จริงแล้ว ถ้าแกยังคงดื้อรั้นแบบนี้แกจะทำลายคนที่แกชอบเท่านั้น”อเลฮานโดรหลับตาลง “อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับผมเลย ผมให้คำมั่นสัญญากับคุณไปแล้ว ยังไม่พออีกเหรอ? ได้โปรดเรียกคนที่กำลังเฝ้าดูทิฟฟานี่อยู่กลับมาซะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ผมจะทำลายความฝันของคุณในการเป็นพันธมิตรกับพวกลาร์ค!”ดอนตกลง “ก็ได้ ฉันสัญญา ฉันจะไม่อยู่ที่นี่รบกวนแกต่อแล้ว ฉันจะกลับไปที่อายาเช่ภายในคืนนี้ แต่ฉันยังคงจะจับตาดูทุกย่างก้าวของแก อย่าพยายามเล่นกลใด ๆ ล่ะ ฉันจะให้เวลาแกสามวัน จากนั้นแกจะต้องกลับบ้านและแต่งงาน” หลังจา