พวกเขากำลังจะโต้กลับ แต่เมื่อเห็นแจ็คสันเดินออกมาจากวอร์ด พวกเขาจึงรีบจากไปด้วยความกลัว วิกกี้ลุกจากที่นั่ง “เธอหาเรื่องทะเลาะพอแล้วหรือยัง? ฉันจะกลับแล้วเหมือนกัน… ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะพบฉัน ฉันก็จะไม่เข้าไปพบเขา…”ความโกรธของแอเรียนเกือบจะลดลงเมื่อเธอตบคน ๆ นั้น เธอไม่ได้สาธยายกับมันนานเพราะตอนนี้วิกกี้ก็ไม่ได้ทำตัวน่ารังเกียจนัก “เอริกสัญญาว่าจะให้เงินเธอ 30,000 ดอลลาร์แทนความเมตตาที่เขามีต่อเธอไม่ว่าเธอจะเคยทำอะไรเขาไว้บ้างก็ตาม เอาหมายเลขบัญชีธนาคารของเธอมา ฉันจะโอนเงินให้เธอในภายหลัง”วิกกี้ส่ายหัว "ไม่จำเป็น สิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น”แอเรียนไม่ได้ยืนกราน “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอไม่ต้องการมัน ฉันก็จะเอามันไปบริจาค ปล่อยมันไปนั้นแหละดีแล้ว”ทิฟฟานี่กำลังตั้งครรภ์ มาร์คจึงขอให้แจ็คสันไปส่งเธอกลับบ้านก่อน แอเรียนก็ต้องดูแลสมอร์ ดังนั้นเธอจึงถูกส่งกลับบ้านพร้อมกับทิฟฟานี่ด้วย มาร์คอยู่ในโรงพยาบาลต่อคนเดียวเพราะเขายังมีสิ่งที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเอริกเมื่อต้องมองดูเพื่อนสนิทคนหนึ่ง ซึ่งในขณะนี้นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลโดยปราศจากลมหายใ
เจตต์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กางแขนออกและดึงธัญญ่าเข้ามากอด “ฉันไม่รู้วิธีปลอบใจคนอื่น ถ้าเธอเศร้าก็ร้องออกมาเถอะ”ธัญญ่าตกตะลึง ไม่นานเสียงสะอื้นเบา ๆ ก็เล็ดลอดออกมาจากลำคอของเธอ เธอตั้งใจว่าจะกลั้นมันเอาไว้แต่เธอกลับล้มเหลวไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม “ฉันขอโทษค่ะ… เขาตายแล้ว… ฉันเสียใจเหลือเกิน…”'เขา?' เจตต์ไม่รู้ว่าเธอหมายถึงใคร 'แจ็คสันเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เห็นได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย แต่เธอชอบแจ็คสันไม่ใช่เหรอ? นอกจากแจ็คสันแล้วใครจะทำให้เธอเสียใจได้ขนาดนี้อีก?’สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามเธอ พวกเขาอยู่ด้วยกันเพราะชะตากรรม พวกเขาสามารถปลอบโยนและให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้น แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะตกหลุมรักกันได้…หลังจากนั้นสองสามวัน พายุฝนฟ้าคะนองอีกลูกก็พัดเข้ามาที่เมืองหลวง ดูเหมือนว่าสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งก่อนหน้านี้เป็นเพียงลางก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ดูเหมือนฝนจะต้องการชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดที่ตกค้างอยู่ในเมืองพวกเขาจัดการงานศพของเอริกจนเกือบเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝังศพของเอริกไว้ข้าง ๆ คุณย่าของแอเรียนเนื่องจากทิฟฟานี่อ้าง
แอเรียนยื่นมือออกไปและกดรหัสผ่านของประตู "ได้สิ" จากนั้นประตูเหล็กก็ค่อย ๆ เปิดออก เจนิซขอบคุณเธอและรีบเข้าไปในบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่เจนิซมาที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับสถานที่นี้มากทีเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแอเรียนอยู่บ้านตลอดเวลาเธอคงจะสงสัยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจนิซมาที่นี่จริง ๆ หรือเปล่า…แอเรียนเดินเข้าไปในบ้านด้วยความเฉยเมย เจนิซขึ้นไปข้างบนแล้วแต่แอเรียนไม่ได้ไปจับตาดูพวกเขา เธอเพียงแต่แต่รอในห้องนั่งเล่นเงียบ ๆ ผ่านไปประมาณห้านาที เจนิซก็ลงมาที่ชั้นล่าง "คุณนายเทรมอนต์ ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”แอเรียนยิ้มจาง ๆ “เธอกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่ ดังนั้นฉันจะไม่ขอให้เธออยู่ต่อหรอก แต่เธอช่วยถามอะไรเดวี่แทนฉันได้ไหม? เขาว่างขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมเขาถึงขอให้เด็กฝึกงานอย่างเธอมาส่งเอกสารที่สำคัญ? เขากำลังรังแกพนักงานใหม่เหรอ?”การแสดงออกทางสีหน้าของเจนิซตกตะลึงเล็กน้อย เธอสามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในสิ่งที่แอเรียนพูดไม่มากก็น้อย “ไม่เป็นไรเลยค่ะ… ไม่มีกำไรใด ๆ หากไม่มีแรงงาน ดิฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยและดิฉันก็ไม่คิดว่าดิฉันกำลังถูกรังแกอยู่ค่ะ”คำตอบนั้นค่อนข้างน่าทึ่งและล
ในไม่ช้าทิฟฟานี่ก็เปลี่ยนวิธีที่เธอเรียกซัมเมอร์อย่างเชื่อฟัง “คุณแม่คะ ได้โปรดช่วยแอริเลือกให้หนูหน่อยค่ะ เร็ว ๆ เลยค่ะ! หนูมึนงงไปหมดแล้ว”ซัมเมอร์มองดูเครื่องประดับอยู่พักหนึ่ง เธอชี้ไปที่สร้อยคอที่ฝังเพชรไว้ตรงกลางชุดเครื่องประดับ ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรพวกเธอก็ได้ยินเสียงใส ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งข้าง ๆ พวกเธอ “เอาสร้อยเพชรนั่นมาให้ฉันดูหน่อย”ซัมเมอร์ไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้ในเหตุการณ์ที่มีคนมาชิงตัดหน้าเธอ “นี่สาวน้อย เรากำลังดูมันก่อน กรุณารอสักครู่นะ ถ้าเราไม่ต้องการมัน มันก็ยังไม่สายเกินไปที่เธอจะดูมัน”ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นทิฟฟานี่และตกตะลึง เธอเคยเห็นทิฟฟานี่ในรูปถ่ายที่อเลฮานโดรเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเขามาก่อนเพียงมองแวบเดียวแอเรียนก็ตระหนักว่าเธอคือเมลานี ภรรยาของอเลฮานโดร "คุณนายสมิธ เราต้องการสร้อยคอเส้นนี้ กรุณาดูเครื่องประดับอื่น ๆ ไปก่อนนะคะ”เมลานีพึงพอใจมากเมื่อถูกเรียกว่าคุณนายสมิธ เธอมองไปที่สร้อยคอเพชรนั้นและโบกมือเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณเอาไปเถอะค่ะ ท้ายที่สุดฉันก็มีของพวกนี้ตั้งมากมาย ฉันจะดูเครื่องประดับอื่น
หลังจากที่แจ็คสันได้รับข้อความนั้นเขาก็รีบไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว “แม่ครับ ทำไมแม่ถึงลากเธอมาที่นี่อีก? แม่ให้เธอทานอาหารแบบนี้ทุกวันได้อย่างไร? ถ้าสตรีมีครรภ์ทานอาหารมากเกินไปมันจะไม่ดีต่อเธอนะครับ”ซัมเมอร์พูดด้วยความรำคาญ “ลูกคิดว่าใครควรจะรู้ดีกว่ากัน? ลูกหรือแม่? แม่ให้ทิฟฟ์ทานแต่อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงเท่านั้น เธอจะไม่อ้วนขึ้นเพียงเพราะเรื่องนั้นหรอก เธอไม่ได้อ้วนง่ายขนาดนั้นเช่นกัน แม่แค่ต้องการที่จะอุ้มหลานชายอ้วน ๆ!”แจ็คสันหมดหนทาง “แล้วถ้าเราได้ลูกสาวล่ะครับ?”ซัมเมอร์ตกตะลึงเล็กน้อย "ลูกสาวเหรอ? ลูกสาวจะต่างอะไรจากลูกชาย? ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะเป็นสมาชิกของครอบครัวเวสต์ ลูกสาวก็ดีเหมือนกันนะ พวกเธอจะเชื่อฟังมากกว่าลูกชายด้วย แต่มันจะดีกว่าแน่นอนถ้าเธอจะมีทั้งลูกชายและลูกสาว”ภายในใจของทิฟฟานี่รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอได้ยินซัมเมอร์พูดทั้งวันว่าเธออยากอุ้มหลานชาย แต่แล้วถ้าทิฟฟานี่ได้ลูกสาวล่ะ? ทัศนคติของซัมเมอร์ก่อนและหลังคลอดจะมีความแตกต่างกันมากเช่นเดียวกับที่แสดงในทีวีหรือไม่? ทิฟฟานี่ไม่กล้าที่จะสาธยายเรื่องนั้นนานนัก เธอจับมือแจ็คสันและลุกขึ้นจากโซฟา “คุณ
“ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่แม่ท้องผมและทานอย่างตะกละตะกลามแล้วผมเกิดมาน้ำหนักเท่าไหร่นะ? แม่แน่ใจเหรอว่าผมได้รับสารอาหารทั้งหมดนั้น?” แจ็คสันถามพลางยิ้มซัมเมอร์ขดริมฝีปาก “ก็ลูกเป็นความผิดหวังไง ลูกไม่ได้ต้องการที่จะเป็นเด็กอ้วน แม่น้ำหนักขึ้นมากกว่า 24 กก. ตั้งแต่ที่เริ่มท้องจนถึงตอนที่คลอด แต่สุดท้ายลูกก็หนักเพียง 3.9 กก. และไม่ถึง 4.2 กก. ด้วยซ้ำ ความพยายามของแม่สูญเปล่าไปหมด ระหว่างที่ตั้งครรภ์แม่กลัวมากว่าจะประสบปัญหาใด ๆ หรือเปล่า”แจ็คสันตกตะลึง “คำที่ผมได้ยินจากแม่บ่อยที่สุดตั้งแต่ยังเด็กคือคำว่า 'ความผิดหวัง' และว่าผมคือผิดหวังของแม่ ผมสงสัยจริง ๆ ว่าผมผิดพลาดตรงไหนเหรอ? ผมเป็นเด็กที่เพื่อนบ้านของเราเอาไปเปรียบเทียบกับลูก ๆ ของพวกเขา แต่แม่ก็ยังเรียกผมว่าความผิดหวังอยู่ดี แม่ควรจะเรียนรู้จากความผิดพลาดของแม่นะครับ ปริมาณอาหารที่เพิ่มขึ้นไม่จำเป็นว่าจะต้องทำให้เด็กในครรภ์อ้วนขึ้นไปด้วยนะ หยุดบังคับให้ทิฟฟ์ทานอาหารเยอะ ๆ ได้แล้ว เธอมีร่างกายที่อ้วนง่ายอยู่แล้วและช่วงนี้เธอก็ดูค่อนข้างจะล่ำขึ้น…”ทิฟฟานี่แอบเหยียบเท้าของเขา ล่ำเหรอ? อย่าใช้คำนั้นอธิบายเธออีกเชียวนะ!ขาของแจ็คสั
แจ็คสันลูบท้องน้อย ๆ ของทิฟฟานี่ “มันเย็นเกินไปเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศและร้อนเมื่อไม่ได้เปิด นอนซะ พรุ่งนี้เช้าเราจะกลับบ้านกัน”ทิฟฟานี่ซุกหน้าอกเขา “ฉันนอนไม่หลับหรอก ฉันเพิ่งจะตื่นเองนะ ฉันซื้อเครื่องประดับทั้งหมดสำหรับงานแต่งแล้วและฉันก็เหนื่อยจากการเดินไป ๆ มา ๆ มาก คุณน่ะซ่อนตัวอยู่แต่ที่บ้านแทนที่จะมาด้วยกัน ฉันงอนแล้ว"เขาจุมพิตที่แก้มของเธอ “ผมไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านซะหน่อย ผมไปที่สำนักงานมา จริง ๆ นะ ผมจะผ่อนคลายได้ยังไงเเมื่อไม่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ? ผมทำไม่ได้หรอก”เธอยิ้มอย่างกะเร่อกะร่าแล้ววาดวงกลมรอบหน้าอกของเขาด้วยความเบื่อหน่าย ความซนของเธอกระตุ้นเอวของเขา “อย่าแตะต้องตัวผม ไม่อย่างนั้นผมจะทนไม่ไหวแล้วนะ นี่มันก็นานมามากแล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมควบคุมตัวเองนานขนาดนี้ได้ยังไง…”เธอจงใจแกล้งเขาต่อไป “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าสิ มันก็นานมามากแล้วจริง ๆ คุณคงจะทำลายสถิติตัวเองไปแล้ว สถิติในการละเว้นนับตั้งแต่ที่คุณเข้าวัยผู้ใหญ่ ฮา ๆ…”เขาอยากจะปีนขึ้นไปบนตัวเธอและทำทุกอย่างกับเธอจริง ๆ แต่เขากลัวว่าจู่ ๆ ซัมเมอร์จะมาเคาะประตูหรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะส่งเสียงดังมากเกิ
ทิฟฟานี่ตบขาของแจ็คสันพลางเลียนแบบนิสัยอย่างหนึ่งของเขา “ไปเถอะ”เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย ในสภาพนี้เขาก็ดูไม่ต่างอะไรจากของเล่น...เช้าวันรุ่งขึ้น แอเรียนพาแอริสโตเติลและมาร์คออกจากบ้าน ถึงเวลาฉีดยาของแอริสโตเติลแล้ว ระยะหลังนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ง่าย เมื่อคืนฝนก็ตกปรอย ๆ เธอจึงได้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวให้แอริสโตเติลอีกชั้นหนึ่งเพื่อคลุมแขนและขาอันขาวเนียนของเขา เขาดูกลม ๆ และอ้วนขึ้นและน่ารักขึ้นไปอีกหลังจากที่ขึ้นรถมาร์คก็ตรวจดูเวลาบนนาฬิกาแล้วพูดกับไบรอันซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะคนขับว่า “พาพวกเขาไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยไปส่งผมที่สำนักงาน บอกให้เฮนรี่ไปรับพวกเขาเมื่อพวกเขาเสร็จธุระแล้วด้วย”แอเรียนขมวดคิ้ว “คุณมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า? คุณจะไม่อยู่ที่โรงพยาบาลกับพวกเราหรอกเหรอ?”เขาพยักหน้า “อืม ฉันต้องไปประชุม"เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง เขาเคยพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งที่เกี่ยวกับแอริสโตเติล เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอไม่เคยรู้สึกถูกคุกคามเพราะเขามาก่อน แต่นับตั้งแต่ที่เจนิซปรากฏตัว แอเรียนก็เริ่มรู้สึกกังวลอย่างประหล