ทิฟฟานี่อิจฉาอย่างสุดซึ้ง “ฉันยังได้รับเงินเดือนทีละเดือนอยู่เลย แต่รายได้ต่อปีของเธอก็ 100,000 ดอลลาร์แล้ว เธอนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ! เธอต้องเลี้ยงฉันแล้วล่ะ”แอเรียนอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยเธอ "แค่นั้นก็พอแล้วไหม เงินของแจ็คสันก็เป็นของเธอทุกเดือนไม่ใช่เหรอ? มีอะไรให้ต้องไม่พอใจอีก? เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอหามาได้ไม่เพียงพอสำหรับเครื่องสำอางของเธอด้วยซ้ำ อย่าทำเป็นน้อยใจหน่อยเลย เธอรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์บ้างหรือยัง? ดูจากระยะเวลาในการตั้งครรภ์ของเธอแล้วเธอควรจะเริ่มรู้สึกบ้างได้แล้วนะ”ทิฟฟานี่เม้มปากแน่น "ไม่เลย บางทีเขาอาจจะขี้เกียจเกินไปที่จะเคลื่อนไหวก็ได้ ท้ายที่สุดผลการตรวจการตั้งครรภ์ก็บอกว่าทุกอย่างปกติดี ดังนั้นฉันก็ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากนัก บางทีชั้นผิวที่ท้องฉันอาจจะหนามากจนฉันไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เอ่อ ธัญญ่าน่าจะท้องได้สองสามเดือนแล้วเหมือนกันนะ ฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้หล่อนเป็นยังไงบ้าง”เมื่อพูดถึงธัญญ่า บรรยากาศก็เริ่มกระอักกระอ่วน พวกเธอไม่ได้เกลียดธัญญ่าอย่างสุดซึ้ง เพียงแต่ว่าตอนนี้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พวกเธอจึงทำได้แต่เพียง
เมื่อเปิดประตู ทิฟฟานี่ก็เห็นเมลานีอยู่ที่หน้าประตู มันทำให้ทั้งแจ็คสันและทิฟฟานี่ต้องประหลาดใจแม้ว่าแจ็คสันจะไม่เคยพบกับเมลานี แต่เขาเห็นเธอในข่าวเป็นครั้งคราว ดังนั้นเขาจึงจำเธอตั้งแต่แวบแรก ทิฟฟานี่เคยเจอเมลานีมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าหล่อนเป็นใคร จากนั้นเธอก็ถามเมลานีว่า “คุณมาที่นี่ทำไม? คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”เมลานีที่ยืนอยู่ที่ประตูดูสง่างามและสละสลวย เธอยิ้มและพูดว่า “ฉันมาถึงระยะหนึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าค่อนข้างเข้มงวด ฉันจำชื่อคุณไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องบอกชื่อคู่หมั้นของคุณและอ้างว่าฉันเป็นเพื่อนของเขา คุณไม่รังเกียจใช่ไหม? ความจำฉันไม่ดีน่ะ หลังจากที่ค้นหาอยู่นานฉันก็มาถูกหลังสักที คุณเลน ฉันมาในวันนี้เพื่อนำอาหารเสริมสุขภาพสำหรับสตรีมีครรภ์มาให้คุณ ฉันคิดไว้ว่าคุณน่าจะอยู่บ้านในเวลานี้”ทิฟฟานี่สังเกตเห็นว่าเมลานีกำลังถือของอยู่ในมือ เธอจึงรับของพวกนั้นจากหล่อนตามมารยาท “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบากแบบนี้ คุณไม่น่าทำให้ตัวเองลำบากขนาดนี้เลย”แจ็คสันไม่ได้พูดอะไรในขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาปฏิบัติต่อชายผู้นั้นเป็นศัตรูด้า
ทิฟฟานี่ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งใดที่เธอคิดว่าอเลฮานโดรไม่ได้บอกเมลานีเพราะเธอรู้สึกว่าการสงวนของเขาน่าจะเกิดจากเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยความลับของเขาโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาได้ “เอ่อ ใช่ น่าเสียดายจริง ๆ ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีและมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาเลยนะ เพียงแต่ว่าเขามีข้อบกพร่องอยู่ข้อหนึ่ง นั่นก็คือความพิการของเขา แต่ฉันว่ามันคงไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกเนื่องจากคุณก็ตกลงแต่งงานกับเขาแล้วหนิ ดังนั้นฉันจึงรู้ได้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด”เมลานีรู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อย “โอ้ ไม่แน่นอน ฉันรักเขา” เธอตอบ “อย่างไรก็ตาม ฉันไม่ควรรบกวนคุณทั้งสองอีกต่อไป ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”ตอนนั้นเองที่แจ็คสันเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับแก้วน้ำส้มคั้นสดในมือ เมลานีมองน้ำผลไม้และเสริมโดยปริยายว่า “โอ้ ฉันว่าฉันคงจะดื่มน้ำผลไม้ไม่ได้แล้วล่ะ คุณดื่มแทนฉันทีนะคะคุณเลน มันเป็นเครื่องดื่มโปรดของคุณไม่ใช่เหรอ?”ก่อนที่ทิฟฟานี่จะทันได้ถามเมลานีว่าเธอรู้ได้อย่างไร ผู้หญิงคนนั้นก็จากไปแล้ว ดังนั้นทิฟฟานี่จึงรับน้ำผลไม้จากมือของแจ็คสันและดื่มไปครึ่งแก้วในรวดเดียว“แปลกจัง เธอรู้ได้ยัง
เมลานีใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการหาทางกลับไปที่คฤหาสน์สมิธการเดินทางครั้งนี้ก่อให้เกิดการพูดจาโผงผางเกี่ยวกับสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากโดยไม่จำเป็นของคฤหาสน์ซี่งทำให้กิจกรรมง่าย ๆ อย่างการไปเยี่ยมทิฟฟานี่กินเวลาไปหลายชั่วโมงเมลานียังบ่นกับตัวเองไม่เสร็จด้วยซ้ำเมื่อจู่ ๆ เจตต์ก็เดินเข้ามาหาเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ของเขาว่า “นายหญิงครับ นายท่านอยากคุยกับคุณ เขากำลังรอคุณอยู่ในห้องนอน”หัวใจของเมลานีเต้นระรัว ความสงสัยในความต้องการเบื้องหลังคำเชิญของอเลฮานโดรเริ่มก่อตัวขึ้นในตัวเธอ สามีเธอมักจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงเธอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาเรียกหาเธอก่อน เธอส่งเสียงตอบรับให้เจตต์เพื่อแสดงว่าเธอเข้าใจก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปเจตต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันอีกครั้งและแนะนำเธอว่า “นายหญิง ได้โปรดอย่าทำอะไรที่อาจทำให้เขาผิดใจต่อคุณนะครับ ระวังคำพูดด้วย”เมลานีเกือบจะโต้กลับไปว่า 'ถามจริง?' ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำ เจตต์พูดราวกับว่าอเลฮานโดรเป็นยักษ์กินคน! นอกจากนี้ เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำราวกับว่าสถานะของเธอต่ำกว่าเขา แต่ในขณะเดียวกัน สีหน้าที่เคร่งขรึมและไร้อารมณ์ของเจ
ความกำหนัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เมลานีนอนซบอยู่บนหน้าอกของอเลฮานโดร“นี่ ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เจตต์หยุดพักผ่อนสักสองสามวันล่ะ? คุณก็รู้ว่าเขามีภรรยาและลูกที่ต้องดูแลเช่นกัน ให้โอกาสเขาได้อยู่กับครอบครัวตัวเองบ้าง…. และให้ฉันทำหน้าที่แทนเขาระหว่างนั้น ฉันอยากรู้จักคุณมากกว่านี้” เธอถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “คุณรู้ไหม ฉันคิดทบทวนถึงว่าเรื่องต่าง ๆ ออกมาอย่างไรและมันก็ยังทำให้ฉันทึ่งอยู่เสมอ ฉันเพิ่งได้เจอคุณก่อนวันแต่งงานไม่กี่วันแต่ฉันก็ยังตกหลุมรักคุณอย่างสุดซึ้งอยู่ดี! แบบนี้เรียกว่ารักแรกพบหรือเปล่า? แต่น่าเสียดายที่ฉันยังไม่รู้จักคุณมากพอ ฉันถึงต้องการรู้จักคุณมากขึ้น ฉันอยากเป็นคนที่รู้จักคุณมากที่สุด”อเลฮานโดรยังคงเฉยเมย “'รักแรกพบเหรอ?' ฮึ่ม ผมว่ามันคงเป็นเพียงความต้องการทางเพศมากกว่า หรือบางทีคุณแค่อาจชอบวิธีที่เรามีอะไรกัน”ยิ่งเขาพูดจาหยาบคายเท่าไหร่ เมลานีก็ยิ่งหลงใหลมากขึ้นเท่านั้น “งู้ยยย อย่าโหดร้ายนักสิ! ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะเป็นเพียงความต้องการทางเพศหรืออะไร แต่ฉันรักคุณ ฉันชอบมีเพศสัมพันธ์กับคุณนะอเล คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก ฉันอยากอยู่กับคุณตลอดไปจนตายเลยแหละ”อเลฮานโดรมองถัง
สิ่งแรกที่แวบเข้ามาในสายตาของทิฟฟานี่ก็คือใบหน้าที่หล่อเหลาที่ตามหลอกหลอนในความฝันของเธอ และทันใดนั้นรอยยิ้มอันกว้างขวางก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ “อ่า! แสดงว่าคุณยังไม่ได้นอนใช่ไหม? ดูคุณนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางที่เศร้าสิ นี่คุณเหนื่อยหรือเพิ่งจะรู้ว่าชีวิตช่างไร้ความหมายเมื่อฉันไม่อยู่เคียงข้างคุณสองวันนี้ หือ?”แจ็คสันพิจารณาเธอผ่านโทรศัพท์และตอบว่า “อืม อาจทั้งสองอย่างเลย คุณลางานเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งของเรา แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นหนิ ผมก็เลยต้องทำงานจนถึงวันนั้น... แต่ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องไปจดทะเบียนแล้วนะ ตื่นเต้นไหม?”“อืม ไม่ค่อยนะ” ทิฟฟานี่พึมพำโดยซ้อนความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ “ฉันคิดว่าฉันตื่นเต้นที่จะได้เจอคุณมากกว่า อย่างที่เขาว่ากันว่า ความห่างกันจะทำให้หัวใจโหยหากันมากขึ้น”แจ็คสันหลับตาลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยอย่างแท้จริง “จริงแฮะ ผมก็อยากเจอคุณเร็ว ๆ เหมือนกัน โอ้ พรุ่งนี้ผมยังต้องไปตรวจดูสถานที่จัดงานแต่งของเราหลังจากที่เราไปรับทะเบียนสมรสแล้วและ- พระเจ้า มีหลายอย่างให้ต้องทำเลยล่ะ แต่มันก็… ทำให้ผมตื่นเต้นมาก”ทิฟฟานี่สงสารเขา เธอกังวลว่าภาระงานที่เขาต้องแบ
อเลฮานโดรที่กำลังมึนเมาดึงเสื้อของลินน์ออกและมองดูผิวที่ขาวราวกับหิมะที่ซ่อนอยู่ภายใต้ “ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถต้านทานร่างกายของผู้หญิงได้หรอก” เขากล่าว “แต่ถึงแม้เธอจะมีสิ่งเหล่านั้นเธอก็ยังขี้ขลาดอยู่ดี ตอนนี้ฉันเห็นแล้วล่ะว่าฉันให้โอกาสเธอมากกว่าที่เธอสมควรได้รับ”ลินน์ไม่กล้าที่จะขัดขืนเขาและจึงไม่ได้ปกปิดตัวเอง ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่อย่างเปลือยเปล่า อ่อนแอ และตัวสั่นด้วยความกลัว เธอไม่สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอภายใต้ความมึนเมาของอเลฮานโดรทันใดนั้นประตูห้องนอนก็เปิดออกและเมลานีก็เดินเข้ามาสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านออกได้บดบังใบหน้าของเธอทันทีที่ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่พวกเขา “อเล คะ… คุณกำลังจะทำอะไร?”อเลฮานโดรปล่อยมือลินน์แล้วลินน์ก็ถอยกลับทันทีในขณะที่จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”เมลานีจ้องเธอจากด้านข้างเมื่อเธอเดินผ่านไปก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหาอเลฮานโดร เสียงของเมลานีดังขึ้นหลายระดับ “ฉันถามว่า คุณกำลังจะทำอะไร!?”อเลฮานโดรดื่มไวน์ในแก้วจนหมดก่อนที่จะเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง “คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอ? แล้วจะถามซ้ำซากทำไม? และอย่าใช้น้ำเสียงนั้นเมื่อค
ทันทีที่เมลานีออกมาจากห้องเธอก็เผชิญหน้ากับพ่อบ้านของครอบครัวสมิธ เธอก้มศีรษะลงและซ่อนความรู้สึกของเธอพลางนำมือขวาไปปกปิดมือซ้ายเพื่อปกคลุมรอยฟกช้ำ "มีอะไรเหรอคะ?"“ดอน สมิธกำลังรอคุณอยู่” พ่อบ้านตอบอย่างมืออาชีพเธอพยักหน้าและตามเขาไปที่ลานกลางแจ้งในบ้าน ดอน สมิธดูเหมือนจะไม่มีแผนที่จะเข้านอน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วแต่เขาก็ยังดื่มชาอยู่ ชาที่เขาดื่มเป็นประเภทชาที่ดื่มเพื่อช่วยให้ตื่นตัว มันจึงจะไม่ช่วยให้นอนหลับได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับคนสูงอายุในวัยของเขา“คุณปู่คะ” เธอทักทายตามมารยาทชายชราโบกมือเรียกให้เธอนั่งลง ลานกลางแจ้งในบ้านมีเพียงโคมไฟข้างถนนส่องแสงสว่าง มันจึงไม่ได้สว่างมากนัก ดังนั้นเมลานีจึงไม่จำเป็นต้องปกปิดมือซ้ายที่บาดเจ็บอีกต่อไปชายชรามองไกลออกไปในท้องฟ้ายามราตรีเป็นเวลานานมากก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาว่า “เธอมีอะไรจะถามฉันไหม? เธอเพิ่งจะเข้าร่วมครอบครัวเมื่อไม่นานมานี้ เธอต้องรู้สึกวิตกบ้างแน่ ๆ ตระกูลสมิธซับซ้อนกว่าครอบครัวลาร์คมาก”เมลานีลดสายตาลงและชะงักเพื่อครุ่นคิด จากนั้นเธอจึงถามว่า “คุณเคยได้ยินชื่อทิฟฟานี่ เลนไหมคะ?”ดอน สมิธหันมาด้านข้างและมองเธอ “ฉันคาว่าเธอ