พอทุกคนไปหมดแล้ว วิลก็เดินมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วเรียก “แอริ”แอเรียนลุกขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้เขา “บังเอิญจังเลย ฉันไม่รู้ว่านายจะมาร่วมประชุมด้วย ฉันมากับมาร์คเพื่อแก้เบื่อ... ขานายเป็นอย่างไรบ้าง?”วิลไม่ถือสาความกังวลของเธอแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น “ดีขึ้นแล้ว เวลาเดินจะรู้สึกตลกนิดหน่อย คงจะใช้เวลาในการรักษาอีกนิด ฉันเห็นแล้วว่ามาร์คเขาดูแลเธอดี แต่ฉันหวังว่าเขาไม่ได้ทำพฤติกรรมเช่นนั้นเพียงเพราะอยากแสดงต่อหน้าคนอื่น”แอเรียนเลือกที่จะไม่ตอบในประเด็นนั้นและเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “อืม... นายจะดื่มอะไรไหม? ฉันชงกาแฟได้นะ”วิลไตร่ตรองพักนึงแล้วตอบว่า “ได้สิ รบกวนด้วยนะ”แอเรียนยิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของมาร์คเพื่อชงกาแฟสองแก้วเพราะว่าห้องทำงานเขามีอุปกรณ์ที่หลากหลายกว่าห้องนั่งเล่น สองนาทีหลังจากที่เธอกลับมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับกาแฟประตูห้องประชุมก็เปิดออกพร้อมกับมาร์คที่เดินออกมา “แอริ นั้นเธอทำอะไร?”แอเรียนพยายามที่จะพูดให้เย็นที่สุด “ฉันแค่พูดคุยกับวิล คุณประชุมอยู่ไม่ใช่หรอ? ออกมาทำอะไร?”“พักเข้าห้องน้ำ” มาร์คตอบพร้อมกับมองสำรวจมาที่แอเรียนกับวิลก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้
แอเรียนคิดว่าเธอจะวิ่งว่องไวดั่งกับสายลม แต่มาร์คกลับจับเธอได้ก่อนที่เธอจะวิ่งพ้นลอบบี้เสียอีก “นี่เธอใจถึงมากเลยนะ ถึงกับกล้าเยียบเท้าผม ดี เดี๋ยวผมจะสั่งสอนคุณเอง”เธอยอมแพ้และปล่อยให้เขาพาเธอกลับไปที่รถแต่โดยดี ไบรอันสังเกดเห็นว่าทั้งคู่นั้นดูหอบ ๆ เหนื่อย ๆ ราวกับเพิ่งออกกำลังกายกันเสร็จ เขาจึงหยุดตัวเองไม่ได้ที่จะแซวว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกคุณไปวิ่งเร็ว 100 เมตรมาหรือ?”มาร์คดูเหมือนจะอารมณ์ดีและตอบคำถามเขาไปว่า “อะไรประมาณนั้น เพียงแต่มันจบลงก่อนที่จะถึง 100 เมตร ไปที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่ กันเถอะ”ไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่...แอเรียนนึกถึงครั้งล่าสุดที่เธอไปที่นั้นกับมาร์ค แน่นอนว่ามันเป็นความทรงจำที่ไม่ดี เธอยังคงไม่เข้าใจตัวเอง แทนที่เธอจะรู้สึกว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีเพราะต่างคนต่างปรับเข้าหากัน เธอกลับรู้สึกว่าเธอนั้นได้ยอมแพ้ไปและเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดมากกว่าพอถึงที่ร้านอาหาร มาร์คอนุญาตให้แอเรียนเป็นคนเลือกที่นั่ง ตอนนี้ใกล้ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ผู้คนในร้านยังไม่มากนักจึงทำให้มีโต๊ะว่างเยอะแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกจองไว้แล้ว เพราะฉะนั้นที่นี้คงจะเต็มในอีกไม่นานแอเรียนเลือ
มาร์คหันหน้ามามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน “ถ้าผมบอกคุณว่าอดีตมันไม่สำคัญละ? ผมไม่ได้…” เขาถูกขัดจังหวะก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคโดยแอรี่และครอบครัวของเธอ วันนี้เธอไม่ได้มาเพียงกับคุณแม่ของเธอ แต่แม้กระทั่งคุณพ่อของเธอ ฌอง คินซีย์ ก็มาด้วย“พี่มาร์คที่รัก บังเอิญจังเลย! ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณสบายดีไหม?” แอรี่ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและยังคงคุยกับมาร์คด้วยน้ำเสียงที่แอ๊บแบ๊วของเธอมาร์คผู้ที่ไม่ชอบโดนขัดจังหวะจึงมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “ดี” เขาตอบอย่างสั้น ๆแอรี่รู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรต้องทำตัวอย่างไรเธอจึงเลือกที่จะหยุดพูดแล้วเปลี่ยนมาส่งสายตาพิฆาดให้แอเรียนแทน ฌองและเฮเลนทำตัวเป็นมิตรต่อหน้ามาร์คเสมอ ถ้าให้พูดถึงความร้ายกาจของสองคนนั้นแขาคงจะอยู่ในระดับที่ต่างกัน พวกเขาเรียกมาร์คว่า ‘มาร์ค’ แทนที่จะเรียก ‘คุณเทรมอนต์’ เหมือนกับคนอื่นด้วยซ้ำ “วันนี้อากาศดีนะมาร์ค ดีแล้วที่คุณพาแอริออกมาข้างนอกบ้าง ลูกสุขภาพไม่ค่อยดีตั้งแต่เล็ก แม่รู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นว่าหลายปีที่ผ่านมาลูกอยู่กับครอบครัวเทรมอนต์อย่างสุขสบาย”แอเรี
มาร์คหยุดแล้วหันไปมองเธอ “มีอะไรหรอ?”แอรี่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เขาไป เธอจึงคว้าชายเสื้อตนเองด้วยความตื่นเต้น “ฉัน… ฉันมีบางอย่างจะบอกคุณ…”มาร์คมองไปที่เธออย่างใจเย็น “ถ้าคุณมีอะไรก็พูดมาเลย ผมต้องกลับเป็นเพื่อนแอริ ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวัน”แอเรียนลดดวงตาที่แสนสวยของเธอเพื่อมองมาที่แอรี่อย่างเยือกเย็น เธอไว้ใจมาร์คและรู้ว่าเขาจะไม่มีวันผิดคำพูด ต่อให้แอรี่พยายามอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรั้งเขาให้อยู่ได้หรอก“ตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เราไปคุยตรงนั้นได้ไหม? ขอแค่ 5 นาที…” แอรี่ก็ยังคงพยายามเต็มที่พอเฮเลนเห็นเข้าเธอไม่ได้ลุกมาห้ามแอรี่ แต่เธอกลับมองมาที่แอเรียนด้วยแววตาที่สงสัย แม้ว่าเธอจะเป็นผู้ให้กำเนิดแอเรียน เธอยังคงไม่สามารถอ่านแอเรียนออกได้มาร์คปฏิเสธ “ถ้าหากไม่มีอะไรสำคัญ พวกเราขอตัวกลับก่อนนะ”แอรี่เริ่มกระวนกระวาย “มีสิ! แต่ฉันไม่สะดวกที่จะคุยต่อหน้าคนอื่น เชื่อฉันสักครั้งนะพี่มาร์คที่รัก!”หลังจากที่มาร์คไตร่ตรองอยู่พักนึงเขาก็พยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว แอรี่รีบดึงตัวเขาไปก่อนที่แอเรียนจะทันได้พูดอะไร แอเรียนไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะคุยเรื่องอะไรกันแต่สีหน้าของมาร์คดูคร
เฮเลนพูดไม่ออกเมื่อถูกตำหนิ แอรี่และมาร์คได้จบบทสนทนาของพวกเขาพอดี มาร์คจึงเดินมาหาแอเรียนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและดึงแอเรียนกลับ พอไปถึงที่รถ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า “กลับไปที่คฤหาสน์เทรมอนต์”ไบรอันไม่เข้าใจว่าบรรยากาศปัจจุบันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรในเมื่อตอนที่พวกเขามาถึงที่ร้านอาหารพวกเขายังดี ๆ กันอยู่เลย แต่เขาก็ทำได้เพียงฮัมเสียงตอบรับเพราะไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้แอเรียนไม่ได้รู้สึกผิดอะไรจึงถามมาร์คไปตรง ๆ ว่า “แอรี่พูดอะไรกับคุณ? ทำไมคุณถึงได้หน้าบูดราวกับฝนจะตกเช่นนี้?”มาร์คไม่ได้ตอบคำถามแต่เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังรำพึงในความคิดเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า “วันที่เกิดอุบัติเหตุจนเธอแท้ง เธอไปทำอะไรกับวิลในรถ?”แอเรียนรู้สึกหนักใจเล็กน้อยเพราะไม่ต้องการที่จะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น “วันนั้นเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเพราะคุณเพิ่งซื้อบริษัทเขาไป เขาจึงเรียกฉันให้ไปหาเพื่อระบาย แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้บอกฉันหรอก เราแค่คุยกันเรื่อยเปื่อย หลังจากนั้นเขาก็ไปส่งฉันที่ออฟฟิศ ฉันกำลังออกจากรถตอนที่แอรี่มาชนฉัน คุณจะพูดถึงเรื่องนี้ทำไม? คุณต
เสียงของแอเรียนสั่นเมื่อเธอพูด แต่ถึงจุดนี้แล้ว เธอจะยอมแพ้ไม่ได้ ครั้งนี้เธอต้องชนะ ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมก่อนแน่นอน!“อืม… ไม่เลว…” มาร์คไม่ได้ถ่อมตัวแต่เขาครุ่นคิด บางอย่างดูไม่ปกติ…แอเรียนกลืนน้ำลาย “เออ… อีกไม่กี่วันนี้น่าจะไปแล้วไม่ใช่หรอ? เธอจะไปวันไหน? เราพาเธอไปทานอาหารกันเถอะ เธอเป็นผู้หญิงซะด้วย คุณไปขอให้ใครช่วยเธอย้ายของหน่อยสิ”แอเรียนเบี่ยงเบนความสนใจของมาร์คได้สำเร็จ มาร์คตอบว่า “ผมรู้ เดี๋ยวผมจะไปหาแจ็คสันและเอริก ผมคงกลับไม่ทันมื้อเย็น อย่างไรเธอทานมื้อเย็นเสร็จก็รีบพักผ่อนสะนะ”เมื่อถึงประตูคฤหาสน์เทรมอนต์แอเรียนก็ลงจากรถด้วยอาการตัวสั่นและขาที่อ่อนแรง มาร์คไม่ได้เข้าไปในบ้านด้วยเพราะให้ไบรอันไปส่งต่อที่แจ็คสันที่ ไวท์ วอเตอร์ เบย์ เลย อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมา “ไบรอัน เมื่อกี่เธอพยายามหาเรื่องทะเลาะกับผมหรอ?”ไบรอันกลืนน้ำลายก่อนที่จะตอบ “ผมว่า… ผมคิดว่าใช่ครับ… จริง ๆ แล้วผมเห็นด้วยกับนายหญิงนะ นายท่านเองที่เป็นคนผิด เพราะฉะนั้นจะว่านายหญิงไม่ได้หรอกที่เธอจะอาละวาด…”มาร์คยิ้มอย่างจริงใจ “นั้นไม่ใช่ปัญหา… ผมชอบนะ มันควรจะเป็นเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”ใช่ มันควรเป็นอย่าง
เอริกส่ายหน้า “ไม่รู้ นายไปหลอกคนอื่นเถอะ คิดว่าจะหลอกเพื่อนตัวเองได้หรอ? คิดว่าพวกเราไม่รู้จักนายรึไง? นายไม่มีจุดด้อยเลยนอกจากความเจ้าชู้ ผู้หญิงรอบตัวนายถ้าไม่ใช่ญาติก็มีแต่ชู้”แจ็คสันยิ้มโดยไม่โต้ตอบอะไร เมื่อเขาได้ยินเสียงแก้วดังมาจากห้องครัวเขาก็สะดุ้ง “พวกนายคุยกันไปก่อนนะ ฉันไปเช็คความเรียบร้อยในครัวก่อน”พอแจ็คสันเดินไป เอริกก็กระซิบกับมาร์คว่า “เราควรจะบอกแอเรียนไหม? นี่มันเพื่อนสนิทเขาเลยนะ นายว่าไง?”มาร์คยังคงเงียบ สื่อให้เห็นว่าเขาไม่สนใจเรื่องนี้ เอริกไม่ยอมล้มเลิกความพยายามจึงคว้าบุหรี่กล่องสวย ๆ ออกมากล่องนึงและเสนอมันให้แก่มาร์ค “เอาไหม?”มาร์คมองไปที่ซองบุหรี่ด้วยวามลังเลชั่ววินาทีก่อนที่เขาจะปฏิเสธเอริกอย่างเด็กขาดว่า “ฉันไม่สูบ”เอริกหยอกล้อเขา “โอ้โฮ นี่นายเลิกจริง ๆ หรอ? อ่อ ใช่ ฉันไม่เชื่อหรอก แอเรียนไม่ได้อยู่ที่นี้สักหน่อย ไม่เห็นต้องเสแสร้งเลย”อาจเป็นเพราะอัตตาที่อ่อนแอของผู้ชายจึงทำให้มาร์คหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟที่หน้าหน้าต่าง วิวริมแม่น้ำงดงามมาก ไวท์ วอเตอร์ส เบย์ เป็นสถานที่ที่เงียบสงบอย่างแท้จริงเนื่องจากทิฟฟานี่ซุ่มซ่ามมากแจ็คสันถึงให้เธอไปพักก
เอริกเกือบหลงเชื่อทิฟฟานี่เสียแล้ว “คุณ… ได้! ผมจะพูดแค่นี้แหละ อยากทำอะไรก็เชิญ ผมแค่มาเตือนคุณ คนบางกลุ่มคุณไม่สามารถเล่นได้ด้วยหรอก คุณไม่มีปัญญาพอ อีกอย่าง นี่จะช่วยไม่ให้เกิดความอึดอัดเมื่อต้องเจอกับแอเรียนในอนาคต แจ็คสันไม่ใช่คนที่จะไปบังคับใคร หากคุณไม่เต็มใจก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างคุณสองคน แค่นี้แหละ คุณไปคิดเอาเองละกัน”ทิฟฟานี่กลอกตาใส่เขา “โอเค ๆ ขอบคุณสำหรับคำเตือน หมดธุระก็ไปได้แล้ว อย่ามาบังแสงฉัน!”…40 นาทีผ่านไป ไบรอันได้มาส่งแอเรียนถึง ไวท์ วอเตอร์ส เบย์ ประตูบ้านของแจ็คสันเปิดอ้าไว้แต่อย่างไรเธอก็ยังเคาะประตูก่อนอยู่ดีพอทิฟฟานี่ได้ยินเช่นนั้นเธอก็รีบวิ่งมาเปิดประตูทิพย์โดยเร็ว “แอริ!”แอเรียนประหลาดใจ “ทิฟฟ์ เธอมาทำอะไรที่นี่?”ทิฟฟานี่ดึงแอเรียนเข้ามาในบ้านและอธิบายคร่าว ๆ ว่า “ฉันได้งานพาร์ทไทม์ ฉันทำงานตามชั่วโมงที่นี้ ทำความสะอาดบ้าง โน้นนี่บ้าง…”แอเรียนรู้สึกแน่นหน้าอก ทิฟฟานี่น่าจะเป็นเหมือนผู้ชายที่เหลือที่นี่ ...เธอไม่ได้แสดงออกว่าภายในเธอรู้สึกอย่างไรหรือแม้แต่จะถามอะไรเพิ่มเติม แต่พอเธอได้กลิ่นบุหรี่มาจากห้องนั่งเล่น เธอจึงไปเปิดหน้าต่างอยู