โทรศัพท์ของเธอดังขึ้น มันเป็นสายจากแจ็คสัน เธอปฏิเสธสายโดยไม่มีเจตนาที่จะรับมัน จิตใจของเธอยุ่งเหยิง เธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเองอีกแล้วสองนาทีต่อมาเธอได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เธอ เธอหันไปรอบ ๆ โดยสัญชาตญาณและพบกับการจ้องมองที่รุนแรงของแจ็คสัน เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยในตอนนี้และสอดโทรศัพท์ของเธอลงในกระเป๋าด้วยใบหน้านิ่งขณะที่เธอพูดว่า “ฉัน…โทรศัพท์ของฉันแบตหมด…”เขาเลิกคิ้ว “ถ้าแบตเตอรี่คุณหมด สายของผมก็ไม่น่าถูกเชื่อมต่อ มันตัดการเชื่อมต่อระหว่างการโทรได้อย่างไร? คุณคิดว่าผมเป็นเด็กสามขวบหรอ?”ทิฟฟานี่ไม่ตอบกลับ เธอก้มศีรษะลงและจ้องไปที่เท้าของเธอ ถ้าเธอสามารถพบเพียงหลุมบนพื้นดินเธอยินดีที่จะฝังตัวเองลงไป!แจ็คสันไม่ได้อยากทะเลาะกับเธอเรื่องการปฏิเสธสายของเขา แต่เขาหัวเราะเบา ๆ “ลืมมันซะ ผมจะพาคุณกลับบ้าน”เมื่อเธอเห็นเขาดึงกุญแจรถออกมา ทิฟฟานี่ก็เตือนเขาทันทีว่า “คุณดื่มไปสองสามแก้วแล้ว คุณไม่ควรขับรถ”เขาจ้องมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “คุณแน่ใจหรือว่าผมดื่มไม่กี่แก้ว?”ดวงตาของเธอพมองไปรอบ ๆ อย่างฉุนเฉียวเพื่อปฏิเสธที่จะมองเขา เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาดื่มแอลกอฮอล์ไม่กี่แก้วถ้าเขาไม่
เธอนั่งลงที่โต๊ะอาหารจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอโทรหาทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่ยังคงนั่งที่บาร์หลังจากที่เธอกลับเมื่อวานนี้ แม้ว่าแจ็คสันจะอยู่ที่นั่น แต่เธอก็ยังกังวลโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานานก่อนที่ทิฟฟานี่จะตอบด้วยเสียงอู้อี้ “มีอะไรเหรอแอริ? ทำไมเธอถึงตื่นเช้าขนาดนี้?”แอเรียนลดเสียงตัวเองลง “เช้าเหรอ? นี่มันเลยสิบโมงเช้าแล้ว ฉันเพิ่งตื่น หลังจากที่ฉันกลับ แจ็คสันไปส่งเธอที่บ้านหรือเปล่า? เธอดื่มไปเยอะแค่ไหน?”ทิฟฟานี่ผงะและนิ่งเงียบไปนานมาก ทันใดนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบาร์ก็ท่วมท้นกลับมาหาเธอ เธอ… จูบกับแจ็คสัน! เธอรู้ดีเพราะตอนนั้นเธอยังดื่มไปไม่พอ! เธอจำได้ทุกอย่าง!แอเรียนเริ่มกังวลเมื่อฟังความเงียบเป็นเวลานานของทิฟฟานี่ “มีอะไรหรอ ทิฟฟ์? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?"ทิฟฟานี่ถอนหายใจ “ไม่มีอะไร ไว้ค่อยคุยครั้งหน้าที่เจอกัน ฉันชวนอีธานมากินข้าวเที่ยงวันนี้เพื่อที่จะได้คุยกันดี ๆ ไว้ค่อยคุยกันนะ ฉันต้องไปเตรียมตัวก่อน ถ้าเธอไม่โทรมาฉันได้เบี้ยวนัดเขาแน่ ๆ”หลังจากสิ้นสุดการโทรก็มีข้อความปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของแอเรียน มันมาจากมาร์ค เธอรู้สึกระแวดระวังเมื่อเห็นชื่อของเขาในโทรศัพท์
เขารู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย เขาหยุดแกล้งเธอทันที “ใช้สิ เธอคิดว่าฉันจะไม่ใช้จริง ๆ เหรอ? ฉันสั่งของหวานมาให้เธอ เธอชอบกินของหวานใช่ไหม? เธอลองชิมดูนะ นี้เป็นขนมที่น่าสนใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมา”หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะของเขาและกดโทรออก “เอาเข้ามาเลย แล้วเอาอะเมริกาโนมาด้วยสองแก้ว”หลังจากวางสายเขาสังเกตเห็นว่าแอเรียนยังคงก้มหัวลงด้วยหน้าที่แดง เขาจ้องมองเธออย่างครุ่นคิดและถามว่า “เธอคงไม่รู้สึกเขินอายใช่ไหม? เรารู้จักกันมากว่าสิบปีแล้ว มันไม่แปลกเหรอที่เธอจะรู้สึกเขินอายรอบตัวฉัน?”“ฉันไม่ได้เขิน!” เธอปฏิเสธอย่างฉุนเฉียวด้วยใบหน้าแดงก่ำแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอโกหก แต่เขาก็ไม่ได้เปิดโปงเธอ เขากลับพูดอย่างมั่นใจว่า “เรายังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ ฉันไม่อยากให้เธอต้องเขินเวลาอยู่กับฉันจริง ๆ นะ ผ่อนคลายบ้าง ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อย”หลังจากนั้นไม่นานเอลลี่ก็เคาะประตู “คุณมาร์ค ของหวานมาถึงแล้ว”“อืม” มาร์คตอบเอลลี่ผลักประตูเข้ามาและเดินเข้าไปวางกล่องขนมที่ห่ออย่างประณีตไว้บนโต๊ะกาแฟหน้าแอเรียนพร้อมกาแฟสองแก้วแอเรียนแกะกล่องออก เผยให้เห็นขนมที่น่ารัก เธอรู้สึกประหลาดใจมาก
แอเรียนรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันหมายถึง ฉันแค่ถามเฉย ๆ โต๊ะทำงานของคุณอยู่ที่นี่มาตลอดเลยเหรอ?”เอลลี่ยิ้มและพยักหน้า “ชั้นนี้ค่อนข้างเงียบ จริง ๆ มันไม่สำคัญหรอกว่าโต๊ะฉันจะอยู่ที่ไหน คุณเทรมอนต์เขาใจดีนะคะ เขาไม่ชอบให้คนมายุ่งเวลาเขาทำงาน แต่ฉันต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือเขาตลอดเวลา มันจึงดีที่สุดถ้าฉันทำงานจากตรงนี้”แอเรียนไม่เข้าใจความหมายของเอลลี่ที่เรียกมาร์คว่า ‘ใจดี’ เธอนึกว่ามาร์คโหดเหี่ยมกับเอลลี่มาตลอด “คุณได้เงินเดือนเท่าไหร่? ทำงานเป็นเลขาเขาน่าจะเหนื่อยน่าดู”คำถามเกี่ยวกับเงินเดือนเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม อย่างไรก็ตามเนื่องจากคนที่ถามคือ แอเรียน เอลลี่จึงไม่ได้หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ “เงินเดือนขั้นพื้นฐานของฉันคือ 3500 มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น แถมยังมีโบนัสสิ้นปีอีกด้วย ค่อนข้างดีเลยแหละ งานก็ไม่น่าเบื่อด้วย”เมื่อได้ยินตัวเลขนั้น แอเรียนก็ไม่รู้สึกว่าเอลลี่ถูกปฏิบัติอย่างโหดเหี้ยมอีกต่อไป เงินเดือนของเลขานุการสูงกว่าแฟชั่นดีไซเนอร์อย่างเธอ ทุกอาชีพมีนายของตัวเอง เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการได้รับเงินเดือนของนักออกแบบแฟชั่นที่ดีที่สุดข
อีธานยิ้มให้ทิฟฟานี่อย่างไม่เต็มใจและถามเธอด้วยความเยือกเย็น “แน่ใจเหรอว่าเธอไม่ได้แค่พยายามทำให้ฉันเร่าร้อนจนกว่าเธอจะพอใจและยอมกลับมาหาฉัน? ฉันพูดชัดเจนมากว่าที่ผ่านมาฉันยอมรับว่าฉันเคยทำร้ายเธอมาก่อน ตอนนี้หัวใจฉันเหมือนถูกแขวนไว้บนเส้นดายเมื่อฉันอยู่ใกล้ ๆ เธอ เธอต้องการให้ฉันทำอะไรอีก? เธอสามารถทรมานฉันหรือทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ ฉันหวังว่าจะมีบ้าน บ้านที่เป็นของเรา เงื่อนไขเดียวของฉันคือต้องแต่งงาน ฉันรอนานขนาดนั้นไม่ได้ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ ฉันสามารถยอมได้ทุกอย่างที่เธอต้องการได้ ฉันแค่ต้องการแต่งงาน วันนี้ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอ ฉันแค่อยากจะพูดคุยกับเธอดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดให้ชัดเจนก่อนที่จะตอบนะ ฉันกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้”แม้ว่าอีธานจะลดท่าทีลงเล็กน้อย แต่ทิฟฟานี่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเขามีการบังคับแค่ไหนเบื้องหลังการประนีประนอมของเขา เงื่อนไขเดียวของเธอคือไม่อยากแต่งงานเร็วเกินไปซึ่งขัดแย้งกับเงื่อนไขเดียวของเขาในการแต่งงานนี้ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดว่า “เงื่อนไขเดียวของฉันคือไม่อยากแต่งงานเร็วเกินไปซึ่งมันตรงกันข้ามกับนายอย่างสิ้นเชิง นี่เ
การแสดงออกของมาร์คดูไม่เป็นธรรมชาติ “ส่วนที่เหลือ… เขามีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย ถ้าฉันเป็นเขา ฉันอาจจะทำสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น เธอพยายามจะสื่ออะไร?"แอเรียนคิดว่ามาร์คฟังดูเหมือนว่าเขากำลังปกป้องอีธาน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเองตามปกติ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงความสงสัย “ฉันแค่คิดว่า… ถ้าคุณสามารถให้อภัยการกระทำของเขา ฉันก็ทำได้เช่นกัน ตราบใดที่เขาสำนึกผิดและเริ่มต้นใหม่หลังจากที่เขากลับมาอยู่กับทิฟฟ์ ใช้ชีวิตของเขาให้ดีและปฏิบัติต่อคุณเหมือนพี่ชายของเขา”มาร์คไม่พูดอะไรอีกและกลับไปที่ห้องทำงานเขาหลังอาหารค่ำ การแสดงออกบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ส่งข้อความไปหาแจ็คสัน “ทิฟฟานี่ เลน จะย้ายไปอยู่กับ อีธาน คอนเนอร์”เมื่อแจ็คสันได้รับข้อความนั้นเขากำลังรับประทานอาหารที่บ้านของครอบครัวเวสต์กับแม่ของเขา หลังจากอ่านข้อความแล้วเขาก็วางโทรศัพท์ทิ้งไว้เงียบ ๆ เขาต้องไม่ตอบกลับ! ถ้าตอบกลับไปมันจะเหมือนยอมรับกับมาร์คว่าเขาชอบทิฟฟานี่ ‘ชอบ’ เป็นคำที่ไร้สาระในพจนานุกรมของเขา มาร์คกล้าดียังไงที่คิดว่าเขาชอบทิฟฟานี่ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจกับความรู้
การแสดงออกของแจ็คสันยังคงปกติ “คุณจะย้ายไปอยู่กับเขาจริง ๆ เหรอ? การอยู่ร่วมกันลำบากมากกว่าการคบกันนะ พวกคุณจะต้องเผชิญกับเรื่องเล็กน้อยที่คู่แต่งงานคู่นึงจะต้องเผชิญ ไม่เพียงแค่นั้น แต่การอยู่ด้วยกันยังทำให้ง่ายที่จะสูญเสียความตื่นเต้นเพราะพวกคุณย้ายไปอยู่ด้วยกันเร็วเกินไป นั่นอาจทำให้มีโอกาสเลิกรากันได้สูงขึ้น คนหนุ่มสาวในปัจจุบันต่างรีบเร่งที่จะมีประสบการณ์ชีวิตแต่งงาน เมื่อถึงเวลาคุณจะรู้ว่ามันไม่ได้น่าทึ่งอย่างที่คิด คนส่วนใหญ่เสียใจที่แต่งงานเร็วเกินไป”ทิฟฟานี่รำคาญกับน้ำเสียงของเขา “คุณอย่าคุยกับฉันเหมือนว่าคุณแก่กว่าฉันมากได้ไหม? มันเป็นเรื่องของคุณหากคุณไม่ต้องการแต่งงาน แม้ตัวเลขอายุของคุณก็ตาม ถ้าผู้หญิงอย่างเราไม่แต่งงานจนอายุเท่าคุณ เราจะโดนกล่าวหาว่าขึ้นคาน เอาล่ะ เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ ฉันจะไม่ออกมาดื่มและทานอาหารกับคุณอีก”ใช่แล้ว ถ้าเธอย้ายเข้าไปอยู่กับอีธาน เธอก็จะไม่สามารถออกไปเที่ยวกับแจ็คสันได้อีกแจ็คสันรู้สึกเดือดร้อนด้วยโดยไม่ทราบเหตุผล “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวันหนึ่งคุณตระหนักว่าอีธานคือคนที่คุณไม่มีทางอยู่ด้วยได้? คุณควรมีแผนฉุกเฉินก่อนที่จะทำอะไรบางอย่าง อย่า
ทิฟฟานี่รู้สึกว่าอีธานกำลังทำตัวหยาบคาย แต่เธอรู้ว่าถ้าเธอพูดอะไรตอนนี้จะทำให้เรื่องทั้งหมดมีแต่จะแย่ลง ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแต่มองไปที่แจ็คสันอย่างขอโทษแจ็คสันหรี่ตาและพูดอย่างเย็นชา “ไม่จำเป็นที่นายจะต้องตอบแทนบุญคุณที่เธอติดฉันหรอก ฉันไม่ได้ช่วยในนามของนายตอนที่นายไม่อยู่เพราะตอนนั้นนายทั้งคู่เลิกกันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะที่นายจะพูดในลักษณะแบบนี้ พระเจ้าเฝ้ามองอยู่เสมอ บางครั้งนายต้องให้อภัยคนอื่นเพื่อสามารถให้อภัยตัวเองได้ ความผิดพลาดสามารถให้อภัยได้ แต่ความผิดพลาดซ้ำ ๆ จะพิสูจน์ได้ว่าเสือดาวไม่เคยสละจุดของมัน”ทิฟฟานี่ถึงกับอึ้ง เธอไม่คาดคิดว่าแจ็คสันจะเถียงกลับอีธาน เพราะผู้ชายคนนั้นไม่เคยถือเรื่องใดเป็นส่วนตัว เธอคาดคิดว่าเขาจะจากไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอีธานกำมือแน่นเมื่อได้ยินความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของแจ็คสัน แต่ใบหน้าเขายิ้มเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าคุณมีปัญหาใหญ่กับผม คุณต้องการจะพูดอะไรเหรอ? พูดต่อหน้าผมเลย ไม่ต้องกลั้นไว้หรอก”ไม่มีทางที่แจ็คสันจะทำแบบนั้นได้และอีธานก็รู้ แจ็คสันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดทนเพราะเห็นแก่มาร์ค เขาเหลือบมองทิฟฟานี่และไม่สนใจการยั่