เสียงของเธอถูกปิดลงด้วยปากของเขาแอเรียนไม่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือของเขาได้ เมื่อมาร์คจูบไปถึงข้างหูของเธอ เธอก็โพล่งขึ้นว่า “คุณแน่ใจเหรอว่าคุณรักฉัน? หรือคุณแค่อยาก? มาร์ค ถ้าคุณอยากจะอยู่กับฉันจริง ๆ ให้เวลาฉันยอมรับคุณและยอมรับอดีตหน่อย ไม่ใช่บังคับให้ฉันทำแบบนี้ตลอดเวลา! ตอนนี้ฉันรับไม่ได้ที่จะต้องอยู่กับคนที่ทำให้พ่อของฉันต้องตาย!”มาร์คชะงัก “ถ้าฉันให้เวลาเธอ เธอจะยอมรับฉันไหม?”แอเรียนไม่รู้คำตอบเหมือนกัน ถ้าเขาให้เวลาเธอเพียงพอ เธอจะยอมรับเขาและสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้จริงเหรอ? เธอคิดว่าเธอน่าจะทำไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เธอเห็นเขา เธอจะนึกถึงการตายอย่างเข้าใจผิดของพ่อของเธอและพบมันเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยไป คนที่เธอเคยคิดว่าเป็นคนที่สำคัญที่สุด กลับกลายเป็นคนที่ทำให้เธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เธอจะปล่อยให้มันผ่านไปได้อย่างไร?ความเงียบของเธอทำให้มาร์คตกใจ “พูดอะไรหน่อยสิ! เธอจะพยายามยอมรับฉันไหมถ้าฉันให้เวลาเธอ?”แอเรียนกัดริมฝีปากของเธอ “ฉันไม่รู้… ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำได้หรือเปล่า… อย่าบังคับฉันเลย…”ถ้า... ถ้าเธอแจ้งเวลาเขา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการประมาณคร่าว ๆ หรือสัญญาอ
มาร์คพูดราวกับว่าอ่านใจเธอออก “ฉันสามารถให้เวลาเธอได้ แต่ไม่ใช่เพื่อที่เธอจะได้ละเลยฉันและเสียเวลาของฉันไปด้วย เธอต้องพิจารณาความสัมพันธ์ของเราอย่างจริงจัง ถ้าเธอทำไม่ได้ ฉันจะพาเธอกลับไป อย่าขอให้ฉันยอมแพ้ในตัวเธอ ฉันทำไม่ได้หรอก”แอเรียนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอขมวดคิ้ว “นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ฉันต้องตกลงที่จะกลับไปอยู่กับคุณหรือถ้าไม่งั้นฉันจะถูกบังคับให้กลับไปกับคุณงั้นเหรอ? ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเลยเหรอ? ถ้าฉันยังทำไม่ได้หลังจากที่พิจารณาแล้ว ไม่ว่าอย่างไงฉันก็ต้องกลับไปกับคุณอยู่ดี แล้วจะให้เวลาฉันเพื่ออะไร? เพื่อให้ฉันชักชวนตัวเองให้ไปอยู่กับคุณเหรอ? คุณไม่คิดว่าคำขอของคุณไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยเหรอ? จริง ๆ แล้วคุณควรให้เวลาฉันพิจารณาและหากฉันไม่สามารถผ่านมันไปได้เราจะแยกทางไม่ใช่เหรอ?”มาร์คมองเธอและออกเสียงแต่ละคำอย่างชัดเจน "ถูกตัอง ฉันให้เวลาเธอเพื่อให้เธอคุ้นชินกับมัน ยอมรับความจริงที่ว่าเธอไม่สามารถและจะไม่มีวันจากฉันไปได้เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อให้เธอพิจารณาว่าเธอจะอยู่หรือจะไป”ถึงแม้ว่าแอเรียนจะรู้สิ่งนี้ดีอยู่แล้ว เธอก็ยังรู้สึกหมดหนทางอยู่ดี ถ้าเธอปฏิเสธเขาตอนนี้ เ
เอริกไม่ได้แก้คำพูดของเธออีกต่อไปเพราะเขามัวแต่กินอยู่ สิ่งที่เรียกว่า "ไว้เจอกัน" จะไม่เกิดขึ้นอยู่ดี มันเหมือนกับ "ไม่เจอกัน" มากกว่า เขาจะไม่มาที่เมืองนี้โดยเปล่าประโยชน์ ทริปนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุตั้งแต่แรกหลังจากนั้นไม่นาน ธัญญ่าก็ถามด้วยความคาดหวังว่า “ริกกี้ บ้านเกิดของคุณก็อยู่ที่เมืองหลวงด้วยเหรอ? เมืองหลวงใหญ่ไหม? ด้วยตึกระฟ้าทุกหนทุกแห่งที่ดูยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อใช่ไหม?”เอริกไม่เคยเจอใครที่ถามคำถามโง่ ๆ แบบนี้มาก่อนและตอบแบบสบาย ๆ ว่า “ไม่มากก็น้อย ทุกอย่างก็ปกติดี มันใหญ่กว่าที่นี่มากและดีกว่ามาก มีประชากรหนาแน่นด้วย เธอไม่เคยไปที่นั้นเหรอ?”ธัญญ่าส่ายหัวอย่างโศกเศร้า “ไม่ ฉันไม่เคยจากที่นี่เลย อันที่จริง ฉันอยากพาคุณปู่ของฉันออกไปเที่ยว ออกไปดูโลกภายนอก แต่ฉันมีเงินไม่มาก ฉันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บออมบ้าง ตอนนี้คุณปู่แก่แล้วและเขาก็ป่วย เขาจำทางไม่ได้อีกแล้วและเขาอาจจะจำฉันไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ด้วย… ฉันอยากพาเขาไปเที่ยวเมืองหลวงตอนที่เขายังอยู่ที่นี่ ด้วยเงินที่คุณให้มา มันช่วยฉันได้มากเลย แผนที่จะพาคุณปู่ออกเดินทางคืบหน้าไปเยอะเลย!”จู่ ๆ เอริกก็รู้สึกว่าอาหารม
ทิฟฟานี่ประหลาดใจมาก “แบบนั้นก็ได้เหรอ? พวกเขาไม่ได้หย่ากัน หลายปีแล้วที่คุณไม่ได้พบเขา และคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาตายไปแล้วหรือมีชีวิตอยู่ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? ถ้าเขาไม่มีความรู้สึกระหว่างกัน เขาควรหย่ากันไม่ดีกว่าเหรอ? พวกเขาทั้งสองจะได้เป็นอิสระ แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นการเสียเวลาแม่ของคุณ… โอ้โห… เอาล่ะ ฉันเข้าใจ ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนั้น เราจะละเว้นพ่อของคุณก็แล้วกัน”แจ็คสันรีบเปลี่ยนเรื่อง “ในเมื่อคุณตกลงแล้ว ให้ผมนัดพรุ่งนี้เลยไหม? อยู่เป็นเพื่อนผมคืนนี้ก่อน…”ทิฟฟานี่จ้องมองเขาอย่างไม่ปรานี “ฉันเพิ่งกลับมาและคุณไม่ให้ฉันกลับบ้านไปหาแม่ฉันเหรอ? พรุ่งนี้เราก็ได้เจอกันแล้ว ฉันจะไม่อยู่คืนนี้ ทำตัวดี ๆ หน่อยสิคะ!"น่าแปลกที่แจ็คสันไม่ยืนกราน “โอเค… กลับไปใช้เวลากับแม่ของคุณนะ หลังจากพรุ่งนี้เขาก็จะเป็น 'แม่ของเรา'”ในตอนบ่าย แจ็คสันส่งทิฟฟานี่กลับบ้านและไปที่คฤหาสน์เวสต์ซัมเมอร์อยู่บ้านและกำลังอ่านหนังสือพลางอุ้มสุนัขของเธอ เธอไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากนักเมื่อเห็นลูกชายกลับบ้าน “เปลี่ยนรองเท้าด้วย อย่าทิ้งรอยเท้าไว้ทุกที่”แจ็คสันเปลี่ยนสวมรองเท้าแตะที่ประตูก่อนจะเดินไปข้างห
ทิฟฟานี่หยิกแขนด้านในของเขาเล็กน้อย “แม่ของฉันยังอยู่ที่นี่ คุณช่วยหยุดงอแงได้ไหม?”ลิเลียนพูดทันทีว่า “ไม่เป็นไร เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาสุดโรแมนติกอันแสนหวานของเธอเถอะ คิดเสียว่าฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วกัน”เมื่อพวกเขาไปถึงคฤหาสน์เวสต์ หลังของลิเลียนก็แข็งทื่อ ที่อยู่อาศัยของครอบครัวเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านดอลลาร์ เธอค่อนข้างพอใจกับลูกเขยในอนาคตของเธอซัมเมอร์สั่งให้คนใช้ทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมดอย่างทั่วถึง เธอยังขอให้คนสวนเล็มต้นไม้ในสวนด้วย นอกจากนี้ เธอยังให้ถั่วน้อยของเธอเปลี่ยนเป็นชุดสีขาวน่ารักพร้อมโบว์ผูกที่คอเมื่อพวกเขาเข้าไปในพื้นที่บ้าน ถั่วน้อยก็รีบวิ่งเข้าหาทิฟฟานี่โดยตรง น่าแปลกที่เธอพบว่าตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์ตัวเล็ก ๆ เธออุ้มถั่วน้อยขึ้นอย่างระมัดระวังเพราะมันเป็นสุนัขเลี้ยงของซัมเมอร์ ซัมเมอร์มักโปรดปรานสุนัขที่เธอเลี้ยง ทิฟฟานี่ก็เลยไม่กล้าที่จะรุนแรงกับมันลิเลียนมองไปที่ถั่วน้อยและพบว่าตัวเองสนใจมันเช่นกัน “สุนัขตัวนี้สวยจังเลย แต่งตัวได้น่ารักมาก! ช่างรื่นเริง”ซัมเมอร์ยิ้มและพาพวกเขาไปที่ห้องนั่งเล่น “ฉันว่างเสมอและแจ็คสันไม่ได้อยู่ที
เธอเดินกลับไปที่ห้องและเขย่าแจ็คสันให้ตื่นขึ้นจากการงีบหลับ “เร็วเข้า ลุกขึ้นแต่งตัวเร็ว พ่อของคุณกลับมาแล้ว!”แจ็คสันสะดุ้ง “อะไรนะ?”เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันไม่ได้โกหก มันเป็นความจริง เขาอยู่ชั้นล่าง รีบลุกและลงไปข้างล่างกับฉัน ฉันตื่นเต้นเกินไปที่จะทำสิ่งนี้คนเดียว”แจ็คสันขมวดคิ้ว เขาเดินไปที่ห้องน้ำอย่างสบาย ๆ และอาบน้ำใส่เสื้อผ้าแล้วลงไปชั้นล่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อเขามองไปที่พ่อของเขา เขาไม่ได้ทักทายแต่กลับดึงทิฟฟานี่ไปนั่งที่โซฟาข้าง ๆ เขา“ลูกโตขึ้นแล้วนะแจ็คสัน”แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า “ผู้คนมักเติบโต ผมควรจะยังคงเป็นเด็กเหมือนในความทรงจำของคุณเหรอ?”พ่อของเขาหรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “มันเป็นความผิดของพ่อเองทั้งหมด”ลิเลียนรู้สึกสงสัย แต่มันเป็นเรื่องครอบครัว เธอจึงหุบปากไว้ ความอดทนของซัมเมอร์นั้นช่างน่าตกใจ มองผิวเผินเธออาจดูไม่สบายใจ แต่เธอก็ไม่ได้โกรธเคือง ทั้งครอบครัวมีความสงบสุขมากในระหว่างมื้ออาหาร ยกเว้นแจ็คสันที่มีสีหน้าเคร่งขรึมและไม่ได้พูดอะไรมากหลังจากทานอาหารเสร็จ ในที่สุดซัมเมอร์ก็ขาดสติและกรีดร้องใส่สามีของเธอเมื่อ
แจ็คสันฝืนยิ้มไม่ได้จริง ๆ เขาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขา “ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธคุณสักหน่อย อย่าคิดมากสิ ผมรู้ว่าแม่ของผมโทรหาเขา แต่ผมไม่นึกว่าเขาจะมาจริง ๆ และมาเร็วขนาดนี้ด้วย ลึก ๆ แล้วผมหวังว่าเขาจะไม่กลับมาด้วยซ้ำ ผมทำราวกับว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วเสมอ มันคงจะไม่เลวเลยถ้าเขากลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับแม่ของผมต่อ แต่แม่คงไม่อาจจะรับมือได้ถ้าเขาทิ้งเธอไปอีกรอบ”ทิฟฟานี่พูดไม่ออก “ฉันปลอบใจใครไม่ค่อยเก่ง คุณควรจะใจเย็นก่อน ฉันจะไปเช็ดเครื่องสำอางแล้วอาบน้ำก่อนนะ ในเมื่อคุณไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวาน คุณควรเข้านอนเร็ว ๆ ฉันยังต้องไปหางานต่อพรุ่งนี้”เธอเพิ่งจะลุกขึ้นยื่นเมื่อแจ็คสันดึงเธอลงไปอีกครั้ง “อาบน้ำด้วยกันเลยก็ได้…”ทิฟฟานี่หน้าแดงจากการพยายามฉวยโอกาสของเขา “อะไร… ฉันไม่ชินแบบนั้น อาบแยกกันเถอะ ฉันอาบแปบเดียวเอง”แจ็คสันไม่ยอม เขาอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ เปิดหัวฝักบัว แล้วดันเธอให้ชิดกับผนังที่เรียบน้ำอุ่นค่อย ๆ ไหลลงจากร่างกายของทั้งสองแล้วลงสู่พื้น ในไม่ช้า หมอกสีขาวพลันปกคลุมกระจกห้องน้ำซึ่งสะท้อนภาพร่างกายที่พัวพันกันของทั้งสอง...เขาไม่เคยพูดกับเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้
ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา ผงในคริสตัลคือขี้เถ้าของข้าวปั้น บางทีของขวัญชิ้นนี้อาจเทียบไม่ได้กับราคาของขวัญที่เป็นแบรนด์เนม แต่สำหรับเธอมันล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้ เธอไม่เคยคาดคิดว่ามาร์คจะทุ่มเทขนาดนี้เธอแขวนเครื่องดักฝันไว้เหนือเตียงอย่างระมัดระวังก่อนที่จะดึงโทรศัพท์ออกมาและส่งข้อความหามาร์คว่า 'ขอบคุณนะ’มันเป็นเพียงคำง่าย ๆ สองสามคำ แต่มีความรู้สึกเป็นร้อยเป็นพัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกประทับใจกับเขา ท้ายที่สุดชายผู้เย็นชาและห่างเหินคนนี้ก็มีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน ครั้งนี้เขาได้แสดงให้เธอเห็นว่าเขาห่วงใยเธอจริง ๆ และความห่วงใยนั้นมันไม่เคยหายไปไหนเลยมาร์คไม่ตอบข้อความของเธอแต่โทรไปหาเธอทันที เธอไม่ปฏิเสธสายของเขาและตอบอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ขอบคุณสำหรับของขวัญของคุณ ฉันจะเก็บมันไว้ให้ดี”มาร์คนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมริมฝีปากของเขา “ฉันดีใจที่เธอชอบนะ จริง ๆ แล้วฉันขอให้เฮนรี่ทำมันให้เสร็จในขณะที่ฉันยังอยู่ที่นั่น แต่ตอนที่กลับมาฉันก็ไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้สักเท่าไหร่ ดังนั้นฉันจึงออกแบบมันใหม่ด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอคงจะได้รับ