ส่วนความคิดเห็นเต็มไปด้วยความคิดเห็นจากแฟนคลับเก่า ๆ ของเอมิเลียในทันทีเป็นเวลากว่า 26 ปีแล้วที่เธอเสียชีวิต มนุษย์ที่หลงลืมและเวลาก็ล้างความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งของและผู้คนที่พวกเขาเคยรักอย่างไรก็ตาม วิดีโอและภาพถ่ายของเอมิเลียยังคงดำรงอยู่ตามกาลเวลา เพลงของเธอยังคงดีและไพเราะเหมือนเดิม แม้ผ่านไป 26 ปีทุกคนที่รับชมวิดีโอการแสดงสดของเธอที่บันทึกไว้นั้น รู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกดึงกลับไปเมื่อ 26 ปีที่แล้วพวกเขาจำเด็กสาวที่ร่าเริงยืนอยู่บนเวที ส่องแสงระยิบระยับและความร้อนรนราวกับว่าเธอต้องการจะโอบล้อมโลกทั้งใบด้วยความอบอุ่นและความหวานของเธอเองความคิดเห็นที่ท่วมท้นในทันใดกลายเป็นความเจ็บปวดเมื่อทุกคนเริ่มคร่ำครวญว่าพวกเขาคิดถึงเอมิเลียมากแค่ไหนชาวเน็ตหลายคนหรือแฟนใหม่ของบล็อกเกอร์ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอมิเลียต่างงงกับความคิดเห็นเหล่านั้น พวกเขาคิดว่าเอมิเลียแค่พยายามหลอกตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนใจโพสต์นี้มากนักบางทีเธออาจเป็นคนดังที่ล้าสมัยที่พยายามจะกลับมาอีกครั้ง และโพสต์นั้นเป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดของเธออย่างไรก็ตาม พวกเขาตกหลุมรักเธอหลังจากที่ได้เห็นการแส
นาตาลีจ้องมาที่เขาและเยาะเย้ย “จริงเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเป็นเพราะคุณห่วงใยเธอมากจนทนไม่ได้ที่จะเห็นใครมาทำลายเธอ”สีหน้าของซาเวียร์ว่างเปล่า “แนท คุณไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณงั้นเหรอ? มันผ่านมาหลายปีแล้วผม..”นาตาลีไม่ปรารถนาจะได้ยินสิ่งที่เขาจะพูด เธอจึงขัดจังหวะเขาอย่างเย็นชาและยกผ้าห่มขึ้นเพื่อลุกจากเตียง "พอแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”ตาของซาเวียร์ตามการเคลื่อนไหวของเธอ แต่ท่าทางของเขายังคงมึนงง จนกระทั่งเธอสวมรองเท้าแล้วเขาก็ถามว่า “คุณจะไปไหน?”“คุณนอนที่นี่คนเดียวก็ได้ ฉันจะไปห้องรับแขก”ซาเวียร์พูดไม่ออกคืนนี้ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้นาตาลีนอนในห้องรับแขกได้ เขาไม่มีวันยอมให้เธอนอนที่นั่น ครอบครัวของเขาจะคิดอย่างไร เมื่อเห็นทั้งคู่นอนอยู่ในห้องแต่แยกกันนอนไม่ต้องพูดถึง เขามีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับอารมณ์ของนาตาลี หลังจากอยู่กับเธอมาหลายปี และเธอไม่เคยต้องการที่จะนอนที่อื่นไม่ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน นั่นหมายความว่าในครั้งนี้เขาทำร้ายความรู้สึกของเธอด้วยความคิดนั้น เขาจึงลุกจากเตียงแล้วดึงเธอกลับมา“แนท อย่าเพิ่งทำแบบนี้ ตอนนี้ ตกลงไหม? คุณก็รู้ว่าเร
ผู้ช่วยของเขายังคงนิ่งเงียบหลังจากที่เขากล่าวขอโทษไม่นานหลังจากนั้น ซาเวียร์โบกมือเพื่อไล่เขาจากนั้นเขาก็จ้องไปที่รูปถ่ายของเอมิเลียบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และขมวดคิ้วขมวดขึ้นเรื่อย ๆไม่กี่นาทีผ่านไป เขาก็บ่นกับตัวเองว่า “เอมมี่ นั่นคุณจริง ๆ เหรอ? คุณกลับมาแล้วจริง ๆ เหรอ?”ในอีกฟากหนึ่งของเมืองหลวง แม้ว่าเอมิเลียจะไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต แต่สเปนเซอร์ซึ่งอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ยังคงได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากคลื่นอันปั่นป่วนที่ได้รับข่าวเธอรู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลอย่างมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ ท้ายที่สุดเธอสัญญากับนาตาลีว่าจะไม่กลับมานอกจากการกลับมาแล้ว ภาพถ่ายของเธอยังถูกถ่ายโดยที่เธอไม่รู้และกระจัดกระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต เมื่อพิจารณาจากขนาดของข่าวแล้ว เป็นไปได้ว่าทุกคนบนท้องถนนเคยได้ยินเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปีนั้น...เธอไม่สามารถนั่งนิ่งได้เมื่อมาถึงความคิดนั้น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจและทำอะไรไม่ถูก“พี่โนแลน ฉันอยากเจอกับพี่สาวของฉัน คุณช่วยพาฉันไปหาเธอได้ไหม”สเปนเซอร์นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับเธอและกำลังพยายามซ
ดวงตาของนาตาลีไร้อารมณ์ เมื่อได้ยินคำพูดของเอมิเลียราวกับว่าการชกที่ทรงพลังของเธอนั้นได้ปล่อยลงบนผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ เธอรู้สึกโกรธและรำคาญอย่างอธิบายไม่ได้ห้องเงียบไปชั่วครู่ขณะ จากนั้นนาตาลีก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงตรงข้ามกับเธอ ทิ้งความคิดที่จะทะเลาะกันด้วยคำพูดเอมิเลียถอนหายใจอย่างช้า ๆ เมื่อเธอเห็นนาตาลีนั่งลง เพราะมันหมายความว่าเธอเต็มใจที่จะพูด และยังคงมีความหวัง ถ้าหากเธอต้องการจะพูดสีหน้าของเธอคลี่คลายลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น และเธอก็ถามว่า “พี่ พี่อยากดื่มชาแบบไหน?”“อะไรก็ได้” นาตาลีพูดอย่างตรงไปตรงมา ท่าทางของเธอดูไม่ค่อยใส่ใจเอมิเลียไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเธอ เธอได้เรียนการชงชาอย่างถูกต้องมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงใช้ทักษะของเธอชงชาผู่เอ๋อลงในกาเมื่อได้ชงชากลิ่นหอมของชาอบอวลไปทั่วทั้งห้อง นิ้วยาวของเธอเอื้อมมือออกไปรินชาสองถ้วยให้แต่ละคน จากนั้นเธอก็ทำท่าทางเชิญชวน“พี่สาวลองดูสิ”นี่เป็นส่วนหนึ่งของมารยาทในพิธีชงชา นาตาลีจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญเธอไม่กังวลว่าเอมิเลียจะวางยาพิษในชา นอกจากนั้น กลิ่นหอมของชายังซึมซาบไปทั่วทั้งห้องกลิ่นหอมมาก เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ
เขายืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพยาบาลออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับบิล “ไปจัดการเรื่องบิล คนไข้อยู่ในมือเราแล้ว ไม่ต้องกังวล”ในที่สุดเขาก็ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริง เขาพยักหน้าและวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจัดการเรื่องเงินประมาณสิบนาทีต่อมา นาตาลีกับเอมิเลียมาถึงโรงพยาบาลเมื่อนาตาลีได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยของซาเวียร์ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าชายที่เธอเพิ่งเห็นว่าไปทำงานในตอนเช้าจะประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์อันที่จริง ซาเวียร์ ฟอสเตอร์เคยประสบอุบัติเหตุรถชน โชคไม่ดีที่สถานการณ์นั้นไม่ได้ดีเท่าไรคนขับได้ขับรถข้ามสี่แยกเมื่อเกิดเหตุ เขาแน่ใจว่าจะข้ามได้อย่างปลอดภัยก่อนจะเดินต่อไป แต่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และชนกับรถแม้ว่ารถยนต์ของซาเวียร์จะมีคุณภาพสูงอย่างไม่อาจเถียงได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทนต่อผลกระทบของรถบรรทุกที่ชนเข้ากับรถยนต์ได้เป็นผลให้รถถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศหลังจากการชน รถชนกันเหมือนนกกระเรียนกระดาษข้อดีคือถังน้ำมันของรถได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ จึงไม่รั่วไหลและทำให้เกิดไฟไหม้ ถุงลมนิรภัยถูกนำมาใช้ในเวลาที่เหมาะสมเพื่อช่วยชีวิตเขาถึงกระนั้น ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่ค
กรรมการและผู้ถือหุ้นมากกว่าสิบคนนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งเนื่องจากจอห์นกับโจเอลมีอายุมากพอแล้ว ซาเวียร์จึงอนุญาตให้จอห์นจัดการเรื่องธุรกิจส่วนใหญ่ ปัจจุบันเขาอยู่หน้าที่กึ่งเกษียณดังนั้นแม้ว่าวันนี้จะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวนมาก แต่จอห์นเป็นประธานการประชุมผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในหัวข้อนี้ท้ายที่สุด จอห์นได้พิสูจน์ว่าเขามีค่า เขาไม่ได้แย่ไปกว่าซาเวียร์เลย อันที่จริงเขามีศักยภาพที่เหนือกว่าพ่อของเขาทุกคนพอใจกับจอห์น ยิ่งไปกว่านั้น ซาเวียร์ต้องการมอบบริษัทให้กับเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะ แต่ทุกคนรู้ดีว่าจอห์นจะเป็นเจ้าของในอนาคตของฟอสเตอร์ คอร์ปอเรชั่นในขณะนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมสังเกตเห็นใบหน้าของจอห์นทำหน้าบึ้งตึง พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของผู้ถือหุ้นสองสามคนก็มีเสียงออกมา เมื่อพวกเขาดึงโทรศัพท์ออกมาอย่างลับ ๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจแม้ว่าจอห์นจะพยายามหาคนมาปกปิดข่าว แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นกลางถนนในเวลากลางวันแสก ๆสื่ออาจกลัวฟอสเตอร์และปฏิเสธที่จะรายงานเรื่องนี้ แต่คนที่เห็นเหตุการณ์คนอื่นไม่สน
หลังจากที่ได้มีเกิดเหตุการณ์แบบนี้ครั้งล่าสุด โจเอลไม่เชื่อว่าเอมิเลียจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเขา ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาคิดว่า พวกเขาไม่ควรที่จะเจอหน้ากัน แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งด้วยกันเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมาก่อน เขาจึงรู้สึกมึนงงนาตาลีเม้มปากแต่ไม่ได้ตอบอะไรเธอคิดว่ามันดีที่จะไม่ตอบอะไรออกไป เอมิเลียจึงเป็นคนอธิบายว่า “ฉันมีเรื่องบางอย่างเลยมาหาท่านผู้หญิงฟอสเตอร์ และบังเอิญรู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านประธานฟอสเตอร์ ฉัยเลยมาด้วย”ในตอนนี้เธอตั้งใจเปลี่ยนการเรียกว่าพี่ซาเวียร์เป็นประธานฟอสเตอร์สำหรับเธอ โจเอลรู้แค่ว่าเธอ กับนาตาลีและซาเวียร์มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันสำหรับเรื่องนั้น เขาไม่แน่ใจในรายละเอียดมากนักเอมิเลียไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามารบกวนชีวิตของพวกเขา เธอจึงไม่อยากบอกความสัมพันธ์จริง ๆ ของเธอกับพวกเขาโจเอลพยักหน้าฟังเข้าใจตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากเช่นกันสิ่งเดียวที่ตอนนี้เขาทำได้คือ นั่งรอกับพวกเธอในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นโจเอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเหลือบมองนาตาลี หลังจากที่เขาเห็นชื่อบนหน้าจอเมื่อนาตาลีไม่ได้มีปฏ
นาตาลีรู้สึกโกรธมาก จนหน้าของเธอเปลี่ยนสี เอมิเลียรู้สึกกังวลที่เธอโกรธ เธอจึงอธิบาย “พี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะคะ เราเคยเจอกันโดยบังเอิญเมื่อสองสามวันก่อนเอง เรารู้จักกันแค่ไม่กี่วัน ไม่มีใครที่พยายามหรือปิดบังอะไรจากพี่เลยนะคะ เชื่อฉันสิ”ตอนนี้โจเอลไม่ต้องการทำให้แม่ของเขาเกรี้ยวกราดเขาจึงเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ เราเจอกับคนมากมายในแต่ละวัน ผมจะรู้ได้ไงว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่บ้าง? ผมไม่สามารถโทรหาแม่ได้ทุกวัน เพื่อที่จะรายงานให้แม่รู้ได้หรอกจริงไหมครับ?”น้ำเสียงของเขา บ่งบอกว่าเขาก็รู้สึกผิดนาตาลีฟัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราอย่างกระแหนะกระแหน เมื่อสังเกตได้ว่าโจเอลรู้สึกผิด“ก็ได้ ในเมื่อแกยังสวนกลับฉันอยู่ ฉันก็คงไม่มีอะไรพูด โอเค ฉันจะหุบปาก! อยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่สามารถบังคับอะไรแกได้อีก ฉันขี้เกียจที่จะสนใจแกแล้ว!”เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็กลับไปนั่ง แล้วเธอก็เริ่มโกรธไม่พูดไม่จาบรรยากาศจึงดูน่าอึดอัดมากโจเอลเหลือบมองไปที่เอมิเลียที่ส่ายหัวอย่างช่วยอะไรไม่ได้ในที่สุด เขาก็เข้าไปหานาตาลี เขาพูดกับเธอว่า “โอเค แม่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะผิด แต่ผมก็ยังเป็นลูกของแ