ผู้ช่วยของเขายังคงนิ่งเงียบหลังจากที่เขากล่าวขอโทษไม่นานหลังจากนั้น ซาเวียร์โบกมือเพื่อไล่เขาจากนั้นเขาก็จ้องไปที่รูปถ่ายของเอมิเลียบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และขมวดคิ้วขมวดขึ้นเรื่อย ๆไม่กี่นาทีผ่านไป เขาก็บ่นกับตัวเองว่า “เอมมี่ นั่นคุณจริง ๆ เหรอ? คุณกลับมาแล้วจริง ๆ เหรอ?”ในอีกฟากหนึ่งของเมืองหลวง แม้ว่าเอมิเลียจะไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต แต่สเปนเซอร์ซึ่งอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ยังคงได้รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากคลื่นอันปั่นป่วนที่ได้รับข่าวเธอรู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลอย่างมากเมื่อได้ยินข่าวนี้ ท้ายที่สุดเธอสัญญากับนาตาลีว่าจะไม่กลับมานอกจากการกลับมาแล้ว ภาพถ่ายของเธอยังถูกถ่ายโดยที่เธอไม่รู้และกระจัดกระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต เมื่อพิจารณาจากขนาดของข่าวแล้ว เป็นไปได้ว่าทุกคนบนท้องถนนเคยได้ยินเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในปีนั้น...เธอไม่สามารถนั่งนิ่งได้เมื่อมาถึงความคิดนั้น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจและทำอะไรไม่ถูก“พี่โนแลน ฉันอยากเจอกับพี่สาวของฉัน คุณช่วยพาฉันไปหาเธอได้ไหม”สเปนเซอร์นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับเธอและกำลังพยายามซ
ดวงตาของนาตาลีไร้อารมณ์ เมื่อได้ยินคำพูดของเอมิเลียราวกับว่าการชกที่ทรงพลังของเธอนั้นได้ปล่อยลงบนผ้าฝ้ายนุ่ม ๆ เธอรู้สึกโกรธและรำคาญอย่างอธิบายไม่ได้ห้องเงียบไปชั่วครู่ขณะ จากนั้นนาตาลีก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงตรงข้ามกับเธอ ทิ้งความคิดที่จะทะเลาะกันด้วยคำพูดเอมิเลียถอนหายใจอย่างช้า ๆ เมื่อเธอเห็นนาตาลีนั่งลง เพราะมันหมายความว่าเธอเต็มใจที่จะพูด และยังคงมีความหวัง ถ้าหากเธอต้องการจะพูดสีหน้าของเธอคลี่คลายลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น และเธอก็ถามว่า “พี่ พี่อยากดื่มชาแบบไหน?”“อะไรก็ได้” นาตาลีพูดอย่างตรงไปตรงมา ท่าทางของเธอดูไม่ค่อยใส่ใจเอมิเลียไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเธอ เธอได้เรียนการชงชาอย่างถูกต้องมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงใช้ทักษะของเธอชงชาผู่เอ๋อลงในกาเมื่อได้ชงชากลิ่นหอมของชาอบอวลไปทั่วทั้งห้อง นิ้วยาวของเธอเอื้อมมือออกไปรินชาสองถ้วยให้แต่ละคน จากนั้นเธอก็ทำท่าทางเชิญชวน“พี่สาวลองดูสิ”นี่เป็นส่วนหนึ่งของมารยาทในพิธีชงชา นาตาลีจึงไม่ปฏิเสธคำเชิญเธอไม่กังวลว่าเอมิเลียจะวางยาพิษในชา นอกจากนั้น กลิ่นหอมของชายังซึมซาบไปทั่วทั้งห้องกลิ่นหอมมาก เธอหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ
เขายืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพยาบาลออกมาจากห้องผ่าตัดพร้อมกับบิล “ไปจัดการเรื่องบิล คนไข้อยู่ในมือเราแล้ว ไม่ต้องกังวล”ในที่สุดเขาก็ถูกดึงกลับสู่ความเป็นจริง เขาพยักหน้าและวิ่งไปที่เคาน์เตอร์เพื่อจัดการเรื่องเงินประมาณสิบนาทีต่อมา นาตาลีกับเอมิเลียมาถึงโรงพยาบาลเมื่อนาตาลีได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วยของซาเวียร์ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าชายที่เธอเพิ่งเห็นว่าไปทำงานในตอนเช้าจะประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์อันที่จริง ซาเวียร์ ฟอสเตอร์เคยประสบอุบัติเหตุรถชน โชคไม่ดีที่สถานการณ์นั้นไม่ได้ดีเท่าไรคนขับได้ขับรถข้ามสี่แยกเมื่อเกิดเหตุ เขาแน่ใจว่าจะข้ามได้อย่างปลอดภัยก่อนจะเดินต่อไป แต่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และชนกับรถแม้ว่ารถยนต์ของซาเวียร์จะมีคุณภาพสูงอย่างไม่อาจเถียงได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทนต่อผลกระทบของรถบรรทุกที่ชนเข้ากับรถยนต์ได้เป็นผลให้รถถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศหลังจากการชน รถชนกันเหมือนนกกระเรียนกระดาษข้อดีคือถังน้ำมันของรถได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ จึงไม่รั่วไหลและทำให้เกิดไฟไหม้ ถุงลมนิรภัยถูกนำมาใช้ในเวลาที่เหมาะสมเพื่อช่วยชีวิตเขาถึงกระนั้น ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่ค
กรรมการและผู้ถือหุ้นมากกว่าสิบคนนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งเนื่องจากจอห์นกับโจเอลมีอายุมากพอแล้ว ซาเวียร์จึงอนุญาตให้จอห์นจัดการเรื่องธุรกิจส่วนใหญ่ ปัจจุบันเขาอยู่หน้าที่กึ่งเกษียณดังนั้นแม้ว่าวันนี้จะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่จำนวนมาก แต่จอห์นเป็นประธานการประชุมผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ในหัวข้อนี้ท้ายที่สุด จอห์นได้พิสูจน์ว่าเขามีค่า เขาไม่ได้แย่ไปกว่าซาเวียร์เลย อันที่จริงเขามีศักยภาพที่เหนือกว่าพ่อของเขาทุกคนพอใจกับจอห์น ยิ่งไปกว่านั้น ซาเวียร์ต้องการมอบบริษัทให้กับเขามาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประกาศต่อสาธารณะ แต่ทุกคนรู้ดีว่าจอห์นจะเป็นเจ้าของในอนาคตของฟอสเตอร์ คอร์ปอเรชั่นในขณะนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมสังเกตเห็นใบหน้าของจอห์นทำหน้าบึ้งตึง พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของผู้ถือหุ้นสองสามคนก็มีเสียงออกมา เมื่อพวกเขาดึงโทรศัพท์ออกมาอย่างลับ ๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจแม้ว่าจอห์นจะพยายามหาคนมาปกปิดข่าว แต่อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นกลางถนนในเวลากลางวันแสก ๆสื่ออาจกลัวฟอสเตอร์และปฏิเสธที่จะรายงานเรื่องนี้ แต่คนที่เห็นเหตุการณ์คนอื่นไม่สน
หลังจากที่ได้มีเกิดเหตุการณ์แบบนี้ครั้งล่าสุด โจเอลไม่เชื่อว่าเอมิเลียจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเขา ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาคิดว่า พวกเขาไม่ควรที่จะเจอหน้ากัน แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งด้วยกันเหมือนเพื่อนที่สนิทกันมาก่อน เขาจึงรู้สึกมึนงงนาตาลีเม้มปากแต่ไม่ได้ตอบอะไรเธอคิดว่ามันดีที่จะไม่ตอบอะไรออกไป เอมิเลียจึงเป็นคนอธิบายว่า “ฉันมีเรื่องบางอย่างเลยมาหาท่านผู้หญิงฟอสเตอร์ และบังเอิญรู้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับท่านประธานฟอสเตอร์ ฉัยเลยมาด้วย”ในตอนนี้เธอตั้งใจเปลี่ยนการเรียกว่าพี่ซาเวียร์เป็นประธานฟอสเตอร์สำหรับเธอ โจเอลรู้แค่ว่าเธอ กับนาตาลีและซาเวียร์มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกันสำหรับเรื่องนั้น เขาไม่แน่ใจในรายละเอียดมากนักเอมิเลียไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามารบกวนชีวิตของพวกเขา เธอจึงไม่อยากบอกความสัมพันธ์จริง ๆ ของเธอกับพวกเขาโจเอลพยักหน้าฟังเข้าใจตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากเช่นกันสิ่งเดียวที่ตอนนี้เขาทำได้คือ นั่งรอกับพวกเธอในตอนนั้นเองที่โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นโจเอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเหลือบมองนาตาลี หลังจากที่เขาเห็นชื่อบนหน้าจอเมื่อนาตาลีไม่ได้มีปฏ
นาตาลีรู้สึกโกรธมาก จนหน้าของเธอเปลี่ยนสี เอมิเลียรู้สึกกังวลที่เธอโกรธ เธอจึงอธิบาย “พี่ มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลยนะคะ เราเคยเจอกันโดยบังเอิญเมื่อสองสามวันก่อนเอง เรารู้จักกันแค่ไม่กี่วัน ไม่มีใครที่พยายามหรือปิดบังอะไรจากพี่เลยนะคะ เชื่อฉันสิ”ตอนนี้โจเอลไม่ต้องการทำให้แม่ของเขาเกรี้ยวกราดเขาจึงเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ เราเจอกับคนมากมายในแต่ละวัน ผมจะรู้ได้ไงว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่บ้าง? ผมไม่สามารถโทรหาแม่ได้ทุกวัน เพื่อที่จะรายงานให้แม่รู้ได้หรอกจริงไหมครับ?”น้ำเสียงของเขา บ่งบอกว่าเขาก็รู้สึกผิดนาตาลีฟัง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราอย่างกระแหนะกระแหน เมื่อสังเกตได้ว่าโจเอลรู้สึกผิด“ก็ได้ ในเมื่อแกยังสวนกลับฉันอยู่ ฉันก็คงไม่มีอะไรพูด โอเค ฉันจะหุบปาก! อยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่สามารถบังคับอะไรแกได้อีก ฉันขี้เกียจที่จะสนใจแกแล้ว!”เมื่อเธอพูดอย่างนั้น เธอก็กลับไปนั่ง แล้วเธอก็เริ่มโกรธไม่พูดไม่จาบรรยากาศจึงดูน่าอึดอัดมากโจเอลเหลือบมองไปที่เอมิเลียที่ส่ายหัวอย่างช่วยอะไรไม่ได้ในที่สุด เขาก็เข้าไปหานาตาลี เขาพูดกับเธอว่า “โอเค แม่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะผิด แต่ผมก็ยังเป็นลูกของแ
หลังจากวางสาย โจเอลก็กลับไปที่แผนกผู้ป่วย เขามองผ่านกระจกเห็นแม่ของเขากำลังจัดห่มผ้าให้พ่อความกังวลและความเป็นห่วงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูแตกต่างไปจากเดิมมาก เขายืนอยู่ที่นั่นสักพัก ยังไม่เดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย รอยยิ้มของเขาก็ขยับขึ้นตามสัญชาติญาณอันที่จริงแม่ของเขาเป็นอย่างนั้น โวยวายไปเรื่อยแต่ไม่มีอะไร เธอมักจะบ่นเรื่องพ่อ และคร่ำครวญตลอดว่าเขาไร้ความสามารถแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อไหร่ที่มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อ เธอเป็นคนที่ห่วงเขามากที่สุดนี่อาจจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ และบริสุทธิ์ที่สุดในโลกก็ได้ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เขาก็นึกถึงเอมิเลียอีกครั้ง คนอื่น ๆ อาจจะไม่ได้สังเกตท่าทางของเธอ แต่เขาเห็นมันเมื่อเอมิเลียได้เห็นพ่อเขา สายตาของเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนจากนั้นมันทำให้โจเอลหวนกลับไปนึกถึงที่พ่อของเขาซ่อนรูปของเอมิเลียไว้ในหนังสือ เขาคงกลัวที่ภรรยาของเขาจะรู้เรื่องนี้สินะความสัมพันธ์ที่แท้จริงของพวกเขาคืออะไรกัน? ทำไมแม่เขาถึงไม่ชอบเอมิเลียขนาดนั้น?นอกจากนี้แล้ว เอมิเลียมีความรู้สึกแบบไหนกับพ่อของเขา?โจเอลรู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะได
เมื่อซาเวียร์ฟื้นคืนสติแล้ว มันจึงเหมาะสมกว่าที่เขาจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวอย่างไรก็ตาม ซาเวียร์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนักหลังจากอ่านข้อมูลแม้ว่าเขาจะเป็นประธานของสมาคมผู้อุปถัมภ์ และเป็นหัวหน้ากลุ่มอุปถัมภ์ในหมู่สี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่เรื่องของบริษัทส่วนใหญ่ก็ถูกส่งผ่านไปยังจอห์นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาส่วนเรื่องภายในของตระกูล ท่านผู้เฒ่าฟอสเตอร์ยังมีชีวิตอยู่ เขาอาศัยอยู่ทางใต้ แต่ด้วยการแสดงความเคารพ ซาเวียร์ยังคงขอคำแนะนำจากท่านผู้เฒ่าดังนั้นเขาไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะมีใครบางคนต้องการฆ่าเขาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวสิ่งเดียวที่จอห์นทำได้คือส่งคนมาสอบสวนเหตุการณ์นี้มากขึ้นก่อนหน้านั้น เขาได้ย้ายซาเวียร์ไปที่โรงพยาบาลเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และมอบหมายให้บอดี้การ์ดมืออาชีพดูแลส่วนหลังแม้ความพยายามของฟอสเตอร์ในการที่จะเก็บเหตุการณ์นี้เป็นความลับ แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในเมืองหลวงและเกิดอุบัติเหตุในเวลากลางวันแสก ๆ เป็นผลให้ผู้ที่มีความสัมพันธ์รอบ ๆ เมืองได้รับสิ่งนี้ในไม่ช้าลีย์ การเร็ตต์ และเกรแฮม ก็ไม่มีข้อยกเว้นทั้งสามครอบครัวส่งสมาชิกไปเยี่ยมซาเวียร์ เขาอาจจะปฏิเส