ทางเดินขึ้นไปบนภูเขาถือว่าค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผู้คนมาที่นี่ไม่มากนัก ดังนั้นเส้นทางนี้จึงแทบจะไม่ได้รับการซ่อมแซมเลย มันยังคงเป็นบันไดหินสีฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายปีก่อน อาจเป็นเพราะฝนที่ตกเมื่อสองวันก่อนจึงทำให้ขั้นบันไดยังคงเปียกชื้นอยู่เล็กน้อย ไม่เพียงเท่านั้น ขั้นบันไดยังถูกรายล้อมไปด้วยตะไคร่น้ำจนสามารถทำให้ผู้คนลื่นล้มได้ วิกกี้ก้มหน้าลงเล็กน้อยและก้าวขึ้นไปทีละขั้น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอกำลังบินขึ้นไปตามเส้นทาง ราวกับว่าเขากำลังเดินอยู่บนทางลาดชัน เมื่อเดินตามหลังเขาไป เธอสามารถมองเห็นแผ่นหลังที่สูงและแข็งแรงของเขาได้ ภายใต้พระอาทิตย์สีทองที่กำลังตกดิน แผ่นหลังที่อ้างว้างและเศร้าโศกของเขา ประกอบกับความทึบของภูเขา ฉากนี้ถ่ายทอดถึงความรู้สึกที่โดดเดี่ยว เธอยังคงปิดปากเงียบและไม่พูดอะไร ในขณะที่เธอเร่งฝีเท้าให้ทันเขา ครึ่งชั่วโมงต่อมา เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้วที่พวกเขามาถึงยังสุสานซึ่งอยู่ครึ่งทางขึ้นไปบนภูเขา ซุ้มหินเมทัลสีเทาตั้งอยู่อย่างสงบเมื่อมองจากระยะไกล มันดูคล้ายกับชายร่างกำยำที่กำลังยืนปกป้องดวงวิญญาณที่ถูกฝังอยู่ในสุสาน ดวงตาของวิกกี้มืดมนลง
ทันใดนั้น สายตาของวิกกี้ก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชาเมื่อเธอจ้องมองไปที่เขา เมื่อเอาชนะเธอได้ เกรกอรี่ก็เหลือบมองเธออย่างภาคภูมิใจ ในความเป็นจริงเขาเป็นคนที่น่าเกรงขามราวกับว่าเขาเป็นเทพจากยมโลก อย่างไรก็ตาม เขากำลังทำตัวเป็นเด็กที่กำลังภาคภูมิใจต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ วิกกี้พ่นลมหายใจ “เกรกอรี่ หลังจากที่ไม่ได้เจอนายมาสี่ปีแล้ว นายยังไร้ยางอายเหมือนเดิมนะ!” เมื่อได้ยินคำพูดที่หยาบคายของเธอ ชายคนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ ในทางตรงกันข้าม ยิ่งเธอโกรธมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เหมือนเธอ” วิกกี้โกรธจัดและหมดคำพูดในทันที เมื่อสังเกตเห็นการแสดงออกของเธอ เกรกอรีก็ปล่อยเธอไปในที่สุด เขาหันกลับมาและเดินต่อไป วิกกี้จับคางของเธอที่ถูกบีบแน่นก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าจะต้องมีรอยนิ้วปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงใบหน้าของชายผู้ที่สมควรได้รับหมัดของเธอ ความโกรธก็เริ่มเข้าครอบงำ ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเขา เธอทำได้เพียงแค่คิดในใจและเดินตามเขาไป เมื่อพวกเขาก้าวออกมา ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงสวนสุสาน สถานที่กว
สายตาอันตรายจากการจ้องมองของเกรกอรีเพิ่มมากขึ้น คำพูดของเขานั้นช่างเยือกเย็น "เธอขู่ฉันเหรอ?" วิกกี้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอส่ายหน้าแล้วเดินเข้ามาหาเขาแล้วพูดว่า “เฮ้ นายพูดแบบนั้นได้ยังไง? ฉันไม่ได้วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของสถานการณ์ให้นายฟังไปแล้วหรือยังไง? ถ้านายไม่อยากร่วมมือกับฉันก็ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินมาว่าตระกูลโบฮิเนียกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับแผนที่นี้ ฉันเดาว่าพวกเขาจะต้องสนใจมันอย่างแน่นอน! “ในเมื่อนายไม่ต้องการที่จะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปปรึกษากับพวกเขาแทน ยังไงซะ ฉันก็เคยพบเซเว่นมาแล้วสองสามครั้ง และฉันก็ชอบเธอมากทีเดียว ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นสมาชิกของตระกูลโบฮิเนียใช่ไหมล่ะ? มันคงจะดีถ้าหากว่าพวกเขาจะได้รับสิ่งดี ๆ เช่นนี้ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน จริงไหม? “ฉันเข้ากับเธอได้ดีทีเดียว เราเจอกันครั้งล่าสุดเมื่อหลายที่ปีแล้ว และฉันก็คิดถึงเธอมาก” เมื่อมองดูเธอเดินต่อไป สีหน้าของเกรกอรีก็เคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอพูดจบ สีหน้าของเขาก็ลดต่ำลงจนแทบจะขาดอากาศหายใจ เขายกมุมปากและพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ฉันไม่เลยรู้ว่าเธอจะได้ยินอะ
วิกกี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วอธิบายว่า “ฉันออกไปนอกเมืองมา” เจนนี่งุนงงที่ได้ยินเช่นนั้น เธอจึงถามด้วยความสงสัย “พี่ไปทำอะไรที่นอกเมือง?” วิกกี้ไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงไม่ได้บอกความจริงกับเจนนี่ ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างกระฉับกระเฉงว่า “เพื่อไปทำบางอย่างให้สำเร็จ” จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อ “สองสามวันนี้ถ้าหากว่าเธอว่างก็อยู่บ้านเป็นเพื่อนฉันนะ ฉันอยากจะไปซื้อเสื้อผ้าสักสองชุดในวันพรุ่งนี้ อย่าลืมจดไว้ด้วยว่าฉันเป็นหนี้เธอเท่าไหร่ ฉันจะคืนมันให้เธอในอีกสองวันที่จะถึง” เจนนี่พยักหน้า “ฉันลางานแล้วหนึ่งวัน และฉันก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าฉันจะอยู่กับพี่สองวันเลย ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันสามารถจ่ายให้พี่ก่อนได้แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ภายหลัง” เธอรู้ว่าวิกกี้มีเงินไม่มากนักเธอจึงไม่อยากพูดอะไรอีก วิกกี้รู้ว่าเจนนี่คิดอะไรอยู่ ในเวลานี้มันจึงไม่มีประโยชน์ที่เธอจะอธิบายอะไรมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงไม่พูดถึงมันอีกเช่นกัน ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างสงบ เพื่อนร่วมบ้านของเจนนี่ทั้งสองคนกลับมาในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พวกเธอเมาหนักมากจนอาเจียนลงบนพื้น พวกเธอต่างจากเจนนี่
เกรกอรี่กำลังโอบกอดผู้หญิงคนนั้นไว้ในอ้อมแขนของเขา ผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างที่งดงาม เธออยู่ในชุดเดรสยาวสีแดงไวน์ แม้ว่าเธอจะเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน แต่ยังสามารถมองเห็นสายตาอันขี้เล่นของเธอได้ ผู้หญิงคนนั้นเอนร่างกายของเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเกรกอรีราวกับว่าเธอไร้กระดูก ความลึกของเดรสที่เธอกำลังสวมใส่ สามารถหยุดสายตาของผู้คนได้ และคงไม่มีชายคนใดที่จะสามารถต้านทานมันได้เลย ชายคนนั้นกำลังนั่งอยู่ที่นั่นอย่างผ่อนคลาย มือข้างหนึ่งของเขาโอบที่รอบเอวของผู้หญิงคนนั้นด้วยความเกียจคร้าน และมืออีกข้างหนึ่งก็กำลังกุมขมับของเขาเอาไว้ เขาเอนตัวพิงโซฟาอย่างเย้อหยิ่งด้วยออร่าที่แสดงออกมาอย่างอวดดี จากนั้นใครบางคนก็ทำให้อารมณ์ที่กำลังสนุกสนานของทั้งสองคนหลุดลอยไป เกรกอรีเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองมายังวิกกี้ แววตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดหลังจากการถูกรบกวน "เธอเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง? เธอไม่รู้หรือว่าเรากำลังทำธุระกันอยู่?” ทำธุระ? ทำธุระอะไร? ธุระโรแมนติกระหว่างชายหญิง? ริมฝีปากของวิกกี้โค้งเว้าอย่างเย้ยหยัน อันที่จริงวิกกี้รู้ดีว่า เกรกอรีไม่ได้อยู่คนเด
เกรกอรีถามทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้อยากรู้ พ่อบ้านออสบอร์นเข้าไปที่ห้องทำงานของเขา และนำเงินหนึ่งหมื่นดอลลาร์จากบัญชีสาธารณะของปราสาทออกมา จากนั้นเขาก็นำเงินใส่ในบัตรธนาคารเพื่อนำไปให้วิกกี้ ในขณะที่เขาเดินออกไป เขาก็พบกับยูเลียนาที่เพิ่งกลับออกมาจากอาคารหลักด้วยความประหลาดใจ คฤหาสน์แห่งนี้กว้างขวางมาก ดังนั้นพ่อบ้านออสบอร์นจึงรู้สึกแปลกใจ นอกจากอาคารหลักแล้ว ภายในคฤหาสน์ยังมีอาคารเสริมอื่น ๆ อีกสามถึงสี่หลัง ปกติแล้วเกรกอรีจะอาศัยอยู่ในอาคารหลัก ในขณะที่ยูเลียนาอาศัยอยู่ในอาคารเสริมที่อยู่ด้านในสุด ดังนั้นจึงมีอาคารเสริมที่เหลือว่างอยู่อีกหลายหลัง เมื่อรู้ว่าวิกกี้จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ พ่อบ้านออสบอร์นคิดว่าเกรกอรีจะให้เธออยู่อาคารเสริมหลังอื่นเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเกรกอรีจะให้วิกกี้อยู่ภายในอาคารเสริมเดียวกันกับยูเลียนา เกรกอรีบอกเขาว่าคฤหาสน์มีคนใช้น้อยเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ และดูแลวิกกี้ได้ถ้าหากว่าเธออยู่ไกลเกินไป พระเจ้ารู้ดีว่า แม้แต่คนกวาดพื้นก็ยังมีมากว่าสิบคนที่อยู่ภายในคฤหาสน์หลังนี้ และจำนวนนั้นก็ยังไม่รวมคนรับใช้อีกด้วย แต่ถึง
โรสน้อยตกใจทันที ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการยอมรับมันแต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้ว่า นายน้อยคนโตและนายน้อยรองนั้น ไม่ใช่คู่แข่งที่เหมาะสมของเกรกอรี เกรแฮมอย่างแน่นอน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดเธอก็พูดความจริง “มะ…ไม่” คุณนายเกรแฮมหัวเราะอย่างไม่ถือสา เธอถอนหายใจและพูดว่า “ใช่แล้ว พวกเขาไม่ใช่คู่แข่งที่เหมาะสมของเกรกอรีเลย ตอนนี้แฮร์ริสันเองก็แก่มากแล้ว เห็นได้ชัดว่าในอนาคตใครจะได้สืบทอดเกรแฮม คอร์ปอเรชั่น ในฐานะแม่เลี้ยงที่ไม่เคยได้อยู่ดูแลเขาในตอนที่เขายังเป็นเด็ก ดังนั้นความรักที่เขามีต่อฉันมันอาจจะน้อยกว่าที่เขามีให้กับคนรับใช้ที่นี่เสียอีก” “มองดูจากสถานการณ์นี้แล้ว เมื่อแฮร์ริสันชราภาพหรือจากไป เธอคิดว่าเราสามคนจะใช้ชีวิตที่เหลือของเราได้ยังไง?” โรสน้อยตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เธอมองเห็นแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอ และไม่พอใจกับทัศนคติของเกรกอรีที่มีต่อคุณนายเกรแฮมในก่อนหน้านี้ แต่เธอไม่เคยคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย คุณนายเกรแฮมส่ายหัวและถอนหายใจอีกครั้ง “เธอคิดว่าฉันยินดีที่จะเข้ามาในที่ของผู้หญิงอีกคนของแฮร์ริสัน และมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทิ้งไว้ ดูแลลูกชา
ในสถานที่ที่วิกกี้ได้อาศัยอยู่ มีพร้อมทั้งอาหารเตรียมไว้ให้กับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินมากมายนัก ทั้งหมดที่เธออยากจะทำก็คือ เอาเงินให้กับเจนนี่ไว้เพื่อลงทุนหลังจากที่เจนนี่ได้ฟังแบบนั้นแล้ว เธอจึงทิ้งความลังเลและความกังวลในใจออกไป พลางยอมรับเงินนั้นไว้ด้วยความโล่งใจวิกกี้ไม่อยากอยู่กับเจนนี่นานจนเกินไป เธอจึงรีบกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอกลับมาถึงที่คฤหาสน์ เธอก็ได้สังเกตเห็นรถคันหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนจอดอยู่ข้างนอกเธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยพลางเดินลงจากรถ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในอาคาร เธอก็ได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโมโหอยู่“ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกเธอพาผู้หญิงคนนี้เข้ามากันมิทราบ? พวกเธอไม่รู้กันเลยเหรอว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้ามายังตระกูลเกรแฮม?”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ปิดบังความโกรธเอาไว้เลย วิกกี้หันหน้าไปมองและเห็นพ่อบ้านออสบอร์นจากหางตาของเธอ เขาวางมือไว้แนบชิดกายของเขาด้วยท่าทีที่สงบเสงี่ยม และก้มศีรษะลงราวกับว่าเขาไม่ได้รับฟังอะไรเลยแม้แต่น้อยภาพความทรงจำได้แวบเข้ามาในดวงตาของเธอ วิกกี้