เนลล์ไม่ได้เอ่ยความคิดที่อยู่ภายในใจออกมา เพราะท้ายที่สุด เธอก็ไม่ได้รู้จักมิสเตอร์ดอนเนลลี่ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง ในขณะที่จีนเองก็ไว้ใจไม่ได้ เนลล์บอกไม่ได้ว่าคนที่เธอรู้จักเป็นคนดีหรือไม่ และไม่มีใครที่จะได้รับรู้ข้อมูลที่สำคัญจากปากของเธอ เมื่อเนลล์คิดเช่นนั้น เธอก็กล่าวว่า “ถ้าหากว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นของเธอ ถ้าเช่นนั้น ฉันคงจะต้องรบกวนคุณดอนเนลลี่ให้เชิญเพื่อนของคุณมาพบกับเรา และฉันจะคืนจี้หยกชิ้นนี้ให้กับเธอด้วยตัวเอง” มิสเตอร์ดอนเนลลี่พยักหน้า เขาคิดว่าการแสดงออกของเนลล์นั้นค่อนข้างแปลก แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากนั้นเขาก็รีบโทรหาเคธี่เพื่ออธิบายเรื่องนี้ เคธี่เพิ่งกลับไปที่คฤหาสน์ได้ไม่นานนัก เธอก็ได้รับสายจากมิสเตอร์ดอนเนลลี่ หลังจากที่เธอรู้ว่าเขาพบจี้หยกของเธอแล้ว เธอก็มีความสุขขึ้นในทันที "จริงเหรอ? คุณหามันเจอได้รวดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” “ใช่แล้ว คุณลีย์กำลังรอคุณอยู่ที่นี่ เธอต้องการคืนจี้หยกให้กับคุณด้วยตัวเอง คุณควรจะรีบออกมาพบเธอ” เคธี่พยักหน้าและตอบด้วยความตื่นเต้น “แน่นอน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากที่เธอวางสายแล้ว ฌอนจึงถามเธอด
เนลล์ถามเขาว่า “ร่างกายของเธออ่อนแอเหรอ?” สายตาของเธอมือมนลง ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังเคธี่ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของฌอนเคธี่จับเสื้อของฌอนเอาไว้แน่น ในขณะที่เธอจ้องมองปฏิกิริยาของเนลล์ เธอหวาดกลัวด้วยร่างที่สั่นเทา เธอซ่อนตัวอยู่ด้านหลังฌอนราวกับแมวที่ไร้เดียงสาที่กำลังซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ ทันใดนั้น เนลล์ก็เริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะของเธอฟังดูเย้ยหยันและโดดเดี่ยว “คุณ…กลัวฉันเหรอ?” เคธี่ไม่ได้พูดอะไร เธอยังคงจ้องมองเนลล์และรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น ฌอนไม่พอใจ เขากอดร่างของเคธี่อย่างหวงแหนราวกับว่าเขากลัวเนลล์จะทำร้ายเธอ จีนเดินเข้าไปและพยายามดึงเนลล์กลับมาอย่างหวาดระแวง “เนลลี่ อย่าสร้างปัญหาเลย เรากำลังพูดคุยเรื่องธุรกิจอย่างจริงจัง…” “เงียบไปซะ!” เนลล์ตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ จีนตกใจมาก ในอดีต เธอเคยทะเลาะกับเนลล์อยู่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เนลล์ตะโกนใส่เธอในที่สาธารณะเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ “เนลล์ เจนนิงส์! เธอกำลังจะทำอะไร? เธอคิดว่าตัวเองจะทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าผู้ที่เรากำลังทำธุรกิจด้วยได้อย่างนั้นเหรอ? กลับไปนั่งลงเดี๋ยวนี้!” เป
อยู่มาวันหนึ่ง ในที่สุดนักสืบที่เคธี่จ้างมาก็ได้ข้อมูลกลับมาใหม่ นักสืบกล่าวว่า พวกเขาได้เห็นฌอร์นเข้าไปในคฤหาสน์ของแซลลี่ด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขายังบอกให้เคธี่นำกล้องไป และซุ่มดูเหตุการณ์ด้วยเธอตัวเอง ดังนั้นเคธี่จึงขับรถไปที่คฤหาสน์ของแซลลี่อย่างเร่งรีบ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อรถของเธอเสียการควบคุม ทั้ง ๆ ที่ก่อนที่เธอจะออกเดินทาง รถของเธอไม่ได้มีปัญหาใด ๆ แต่จู่ ๆ รถของเธอก็เสียการควบคุมเมื่อเธอไปถึงที่สะพาน จากนั้นเธอก็ชนเข้ากับรั้วและตกลงไปในแม่น้ำ เป็นที่รู้กันดีว่าแม่น้ำสายที่อยู่ใต้สะพานนั้นเป็นแม่น้ำที่ไหลเร็วที่สุดในจินเฉิง และยังเป็นแม่น้ำที่โด่งดังในเรื่องของความอันตรายที่สุดในจินเฉิงอีกด้วย และในวันนั้นก็เป็นช่วงฤดูมรสุม เมื่อรถได้ตกลงไปในแม่น้ำในขณะที่น้ำขึ้นสูงเช่นนั้น จะมีใครรอดจากสถานการณ์เช่นนั้นไปได้? รถพังยับเยินและเคธี่ก็หายตัวไปเช่นกัน เนลล์ได้รับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้น ฌอนเล่าถึงเหตุการณ์ด้วยท่าทางที่สงบ จากนั้นเขาก็อธิบายต่อว่า “หลังจากนั้นเราก็ได้รู้ความจริงว่านักสืบได้ให้ข้อมูลเท็จแก่เคธี่ เพราะฌอร์นได้ซื้อตัว
มันเป็นความรู้สึกที่โศกเศร้าที่เคธี่ไม่สามารถพูดออกมาดัง ๆ ได้ ราวกับว่ามีคนขโมยของสำคัญของเธอไป ฌอนสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง “เคธี่ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เคธี่ส่ายหน้า จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าว่า “ฌอน ฉันเหนื่อย พาฉันกลับก่อนได้ไหม? ฉันอยากกลับไปพักผ่อน” ฌอนพยักหน้า มิสเตอร์ดอนเนลลี่รีบหยิบจี้หยกบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นเขาก็ส่งให้กับเคธี่และยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเชิญพวกคุณไปพักผ่อนก่อน เราจะคุยกันในภายหลังเมื่อคุณสบายใจขึ้นแล้ว” ฌอนพยักหน้า จากนั้นเขาก็ประคองเคธี่ออกไป … กิดเดียนทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท เนื่องจากวันนี้เขาต้องยุ่งกับเรื่องการประชุม เมื่อเขากลับถึงบ้านก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว โดยปกติแล้ว เด็ก ๆ จะนอนเร็วเพราะจะต้องไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่กิดเดียนเปลี่ยนรองเท้าแล้ว เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเนลล์ไม่ได้อยู่ภายในห้องนั่งเล่น เขามองเห็นป้าจอยซ์คนเดียวที่อยู่ที่นั่น ในขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ เขาแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว เนลล์จะรอเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นทุกครั้งที่เขาต้องทำงานล่วงเวลา จากนั้นพวกเข
“คุณมีสิทธิ์ที่จะโกรธ แต่คุณไม่คิดว่าคุณควรจะมีความสุขไปกับเธอเหรอ? เพราะเธอกำลังใช้ชีวิตในแบบที่คุณปรารถนา และในตอนนี้เธอก็มีชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขไม่ใช่เหรอ?” เนลล์มองกิดเดียนด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็หัวเราะ “คุณพูดถูก” กิดเดียนลูบหัวเธอด้วยความปลอบโยน “ถ้าเช่นนั้น คุณจะเล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าเรื่องราวเป็นยังไง?” เนลล์คิดอยู่ครู่หนึ่งและเริ่มเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง กิดเดียนเองก็ตกใจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น เขาเงียบไปครู่หนึ่ง “แล้วคุณจะทำยังไง?” เนลล์ส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เธอจำอะไรไม่ได้เลย เธอไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ ฉันเลยไม่รู้ว่าฉันจะคุยกับเธอยังไงดี” “อย่ากังวลไปเลย” กิดเดียนปลอบโยนเธอ “ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปีนั้นคงทำให้เธอเจ็บปวดมาก มันเป็นเรื่องปกติถ้าเธออยากจะลืมทุกอย่าง โชคดีแค่ไหนที่เธอยังมีชีวิตอยู่และที่สำคัญ คุณก็ได้พบกับเธอ ผมเดาว่ามันคงเป็นโชคชะตาและไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง แต่การที่เธอยังมีชีวิตอยู่นั่นเป็นพรจากพระเจ้า คุณอย่าเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้เลย ตกลงไหม?” เนลล์พยักหน้า การที่เคธี่ยังมีชีวิตอยู่หลังจ
เนลล์พยักหน้าและตั้งใจฟัง“เมื่อตอนที่คุณพบเธอ เธอเป็นเช่นนี้อยู่แล้วเหรอ?”มิสเตอร์ดอนเนลลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอนหายใจ “ใช่แล้ว ในตอนที่ผมพบเธอครั้งแรก ผมรู้สึกว่าเธอแตกต่างจากคนทั่วไป ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะเต็มไปด้วยการมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ แต่เธอก็อ่อนไหวและหวาดกลัวได้ง่าย ผมเดาว่ามันเป็นเพราะเรื่องราวที่ฝังลึกในอดีตที่เธอได้พบเจอ”เขายิ้มและพูดต่อ “ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอและมันก็ไม่เป็นการดี ถ้าหากว่าผมจะถามเธอมากเกินไป แต่แล้วผมก็ได้รู้ความจริงเมื่อวานนี้เอง”เนลล์เงียบไปครู่หนึ่ง“อันที่จริง ฉันอยากจะขอร้องให้คุณช่วยบางอย่าง และฉันก็หวังว่าคุณจะเห็นด้วย”“คุณพูดมาได้เลย”“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาวของเธอ แต่ในตอนนี้เธอจำฉันไม่ได้แล้ว และเธอก็คงจะไม่ชอบใจที่ฉันทำเช่นนั้น แต่ฉันเป็นห่วงเธอจริง ๆ เพราะจากที่ฉันเห็นอาการของเธอเมื่อวานนี้ เธอดูแตกต่างจากคนทั่วไปไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือจิตใจ ดังนั้นฉันจึงอยากให้เธอได้รับการตรวจเช็คร่างกาย“ฉันจะไม่บังคับให้เธอจดจำฉันให้ได้ แต่ฉันเพียงแค่ต้องการมั่นใจว่าเธอจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและปลอดภัย แต่ฉันรู้ดีว่าถ้าหากฉันพูดกับเธ
“แล้วคุณไม่เคยสงสัยในตัวเขาบ้างเหรอ?”เคธี่ตกใจ สายตาของเธอดูสับสนเล็กน้อย“ทำไมฉันจะต้องสงสัยเขาด้วยล่ะ? ฌอนปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดี และเขาก็เป็นคนที่ปฏิบัติต่อฉันดีที่สุดในโลกนี้อีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถสงสัยเขาได้”ประสบการณ์และความไร้เดียงสาของเธอ ทำให้เนลล์รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเธอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมคุณถึงต้องการหลีกเลี่ยงฉัน? อย่าบอกว่าไม่ใช่เพราะฉันที่ทำให้คุณต้องรีบจากไป”เคธี่บีบมือของตัวเองราวกับว่าเธอกำลังประหม่าเพราะเธอถูกจับได้ เธอเปิดเผยคำโกหกที่ซ่อนอยู่อย่างระมัดระวัง“ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงเธอ ฉันเพียงแค่กลัว…”"กลัวเหรอ?" เนลล์เลิกคิ้วขึ้น "คุณกลัวอะไร?”“ฉัน…” เธอตื่นตระหนกและมองไปรอบ ๆ ราวกับว่าเธอกำลังมองหาอะไรบางอย่างเนลล์รู้ว่าเธอกำลังตามหาฌอน มิลเลอร์ราวกับว่าชายคนนั้นเป็นสมอเรือของเธอ และเขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ ดังนั้นเธอจึงวิตกกังวลอย่างอธิบายไม่ถูกถึงแม้ว่าเนลล์จะไม่ใช่หมอ แต่เธอก็มีความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาอยู่บ้างเธอพบว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเคธี่ คล้ายกับปฏิกิริยาความเครียดและถูกกระ
ใครจะไปรู้ว่าเนลล์จะบังคับขู่เข็ญอะไรเคธี่หรือเปล่าและถ้าหากมิสเตอร์ดอนเนลลี่ไม่อยู่ที่นี่ในเวลานี้ ในฐานะเพื่อน เขาอาจจะต้องล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ดังนั้นต่อให้เขาจะรู้สึกอึดอัดใจมากเพียงใด แต่เขาก็จะต้องยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปในเวลานั้น เนลล์พาเคธี่เดินออกมาหลังจากที่พวกเธอคุยกันเสร็จเรียบร้อยเมื่อพวกเธอผลักประตูและเดินออกมา สิ่งแรกที่พวกเธอเห็น คือชายสามคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกฌอนรีบลุกขึ้นทันที จากนั้นเขาก็ดึงเคธี่ออกมาและรีบพูดด้วยความเป็นห่วง “เคธี่ คุณเป็นยังไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้นกับคุณหรือเปล่า?”อารมณ์ของเคธี่ในตอนนี้เปลี่ยนจากเดิมไปเล็กน้อย เธอส่ายหน้าในขณะที่เธอยิ้มเธอหันมามองเนลล์ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เนลล์พรุ่งนี้เธอว่างไหม? ถ้าหากเธอว่าง ฉันอยากชวนเธอไปแถวชานเมือง ฉันได้ยินมาว่ามีจุดชมวิวสวย ๆ หลายแห่งที่ฉันยังไม่เคยไป”เนลล์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอน ฉันว่าง พรุ่งนี้เราไปด้วยกันนะคะ”กิดเดียนเลิกคิ้ว จากนั้นรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาฌอนตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าทำไมทัศนคติของเคธี่ที่มีต่อเนลล์ถึงได้เปลี่ยนไปมาก หลังจากที่พวกเขาคุยกันเพียงแค่ไม่กี่